พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 55
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 55 ความลับของเวธัส
สารเลว โสโครก ผู้หญิงที่ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน! นางสารเลวที่ไม่เคยได้รับการอบรมมาตั้งแต่เกิด!
คาดไม่ถึงเลยว่าบนกระดาษจะเขียนข้อความที่โหดร้าย ประโยคนี้เอาไว้อยู่ จันวิภาใบหน้าขาวซีด
นราวิชญ์เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงรีบเดินเข้ามา ดู หลังจากนั้นสีหน้าก็กลับเปปลี่ยนเป็นเย็นชา
ลมหายใจของจันวิภาในตอนนี้สั่นเครือ ประโยคที่เขียน อยู่ในนั้นเสียดแทงเธอ หลังจากฉีกกระดาษจนละเอียดเป็น ผุยผงแล้ว เธอถึงหันตัวกลับไปเพื่อที่จะลงจากเวที แต่กลับถูก นราวิชญ์ขวางกั้นเอาไว้
นราวิชญ์เรียกพนักงานมา หยิบบทความกล่าวคำ ปฏิญาณมาใหม่อีกฉบับ แล้วส่งมอบมันให้แก่เธอ จากนั้น โดยที่ไม่ทันรู้ตัว เขาก็ได้ยิ้มแล้วลูบลงบนศีรษะของจันวิภา อย่างอ่อนโยนเป็นอย่างมาก
สีหน้าของจันวิภาแดงขึ้นมา เก้อเขินอยู่เล็กน้อย
และวีธัสที่อยู่ด้านล่างเวทีก็ได้รู้สึกแปลกประหลาดใจอยู่ เล็กน้อยเมื่อเห็นฉากเช่นนี้
หลังจากที่ทุกอย่างสิ้นสุดลง จันวิภาจึงลงเวทีอย่างรีบร้อน แล้วผ่อนคลายลง
เดินที่เวธัสอย่ากที่จะเอ่ยถามนราวิชญ์เกี่ยวกับเรื่องนั้นแต่เมื่อเห็นสีหน้าของจันวิภาไม่ค่อยสู้ดีนัก ราวกับไร้ซึ่งความ สุขอยู่เล็กน้อย คำพูดที่จะเอ่ยออกมาก็กลืนมันกลับเข้าไปใน ปาก
จันวิภาราวกับจะสังเกตได้ถึงความแปลกประหลาดไป ของเวธัส ภายในใจจึงเห็นว่าจะต้องเป็นตอนที่เขาเห็นเธอกับ นราวิชญ์แนบชิดใกล้กันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอน ที่นราวิชญ์ลูบหัวเธอ ทันใดนั้นเธอจึงเม้มริมฝีปากขึ้นมาทันที
คนทั้งสองได้ทำเรื่องที่ผิดผี
พิธีเปิดที่ยาวนานในที่สุดก็จบสิ้นลงแล้ว
เมื่อเวธัสออกจากหอประชุมไปก็ได้ยืดเส้นยืดสายร่างกาย ของตนเองอย่างโอเวอร์ ในปากพูดพึมพำๆ นัยน์ตาดำที่ส่อง แสงแวววาวทั้งสองข้างมองไปรอบๆ ไม่รู้เลยว่ากำลังมองหา อะไรอยู่
ในที่สุกจันวิภาก็อดไม่ได้กับข้อสงสัยที่อยู่ในใจของ ตนเอง เธอดึงเวธัสมา “เฮ้ วันนี้ทำไมรู้สึกนายดูลีกลับจัง นาย กำลังมองหาใครอยู่หรอ?”
“อะไรกัน! ” เวธัสหรี่ตามอง แล้วสะบัดมือ
“มีแน่นอน รีบพูดมา! ” จันวิภาจ้องมองประกายแสงใน แววตาจองเวธัส ยิ้มแล้วพูดขึ้น
“อันที่จริง ฉันกำลังมองหาผู้หญิงคนหนึ่ง”
ทันใดนั้นเองตรงกลางระหว่างหน้าผากของเวธัสก็ได้ปรากฏออกมาถึงความโกรธ “มันเกินไปจริงๆ จะต้องลากมัน ออกมาแล้วสอนบทเรียนให้มันถึงจะถูก”
จันวิภาเหลือบตามองเขา “งั้นเมื่อกี้นี้นายไปไหนมา ปล่อยให้ฉันยืนเปลี่ยวอยู่บนเวทีคนเดียว ถ้าไม..”
เวธัสรับช่วงพูดต่อ “ถ้าไม่มีคนสวยปรากฏตัวออกมา นาย ก็จะไม่ลงจากเวทีใช่ใหม”
จันวิภาไม่พูดต่อ
เวลานี้ ทันใดนั้นเองเวธัสก็เข้ามาใกล้ แล้วพูดขึ้นอย่าง ลึกลับ “แต่ว่าผ้ายคนนั้นเป็นใครกันล่ะ?”
จันวิภาตอบกลับไปอย่างรีบร้อน “นายอย่าเข้าใจผิด ฉัน กับนราวิชญ์เป็นเพียง..”
เสียง “อ๋อ” ของเวธัสดังขึ้นมา ราวกับว่าไม่สนใจเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ของจันวิภากับนราวิชญ์
เขาพูดกับตนเอง “ที่แท้ก็นราวิชญ์ ทายาทของตระกูลชาติ พยุงพงษ์ คิดไม่ถึงเลยว่าโตมาจะหล่อขนาดนั้น” เวธัสเผย รอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
จันวิภารู้สึกว่ารอยยิ้มนั่นดูแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้คิดมากมาย นัก เพียงแค่สงสัยเท่านั้น
จากนั้น สิ่งที่ทำให้เธอคาดไม่ถึงเลยก็คือ เวธัสกลับเอ่ย ปากพูดขึ้นมา “นราวิชญ์คนนี้ก็ไม่เลวนะ ฉันชอบเขา ถูกปาก ฉันจริงๆ ! ”
“เอ่?” จันวิภางุนงงไปเสียแล้ว ตึกตะลึงอยู่พักหนึ่งถึงจะมี สติกลับมา “นาย..นายหมายความว่าไง? นายไม่.”
“ความหมายของฉันมันยังไม่ชัดเจนอีกหรอไง?” เวธัส มองสายตาที่แปลกใจของจันวิภา เกาศีรษะ ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ไม่ เลวนี่ ไม่งั้นพี่สะใภ้ลองคิดดู ฉันไม่หวั่นไหวกับคนที่สวยอย่าง คุณ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นเพราะว่าคุณเป็นพี่สะใภ้ของผมหรอกนะ อืมๆ คุณคงจะเข้าใจแล้ว!
จันวิภาเหลือบสายตามอง แล้วพูดต่อ “นาย นายคงไม่ได้ ชอบ.ชอบ.ผู้ชายหรอกนะ…”
“อ่าหะ! ” เวธัสพยักหน้า แล้วพูดกระซิบ “พี่สะใภ้เธอพูด เบาๆหน่อยสิ เรื่องนี้นอกจาเธอแล้ว บนโลกก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ เป็นคนที่สองแล้ว!
จันวิภาตกตะลึง ภายในใจยุ่งเหยิง แต่เมื่อมองดูสีหน้า ของเวธัส เธอจึงทำได้เพียงแค่กลืนน้ำลายลงไป แล้วตบไปที่ บ่าของเขา “นายวางใจเถอะ พี่สะใภ้คนนี้ของนายไม่ใช่คนที่ พูดจามั่วซั่ว”
“งั้นก็ขอบคุณมากเลยนะพี่สะใภ้! ”
เวธัสต้องการที่จะถามเกี่ยวกับเรื่องของนราวิชญ์มากมาย ทันใดนั้นเองจึงได้ปะทะหน้ากับผู้หญิงที่ตัวสูงคนหนึ่ง คิ้วโค้ง ได้รูปงาม หางตางอน
ผู้หญิงคนนี้มีชื่อว่าเมธินี เป็นครูผู้สอนของวิทยาลัยดนตรี
แห่งนี้
คุณ” พูด
จันวิภาพยักหน้า และตอบกลับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “ใช่ค่ะ แล้วคุณคือ?”
เมธินียิ้ม แล้วตอบกลับอย่างสุภาพ “ดิฉันเป็นหัวหน้าผู้ สอนของวิทยาลัยแห่งนี้ ตอนนี้มีเรื่องที่อยากจะพูดคุยกับคุณ จันวิภาอยู่เล็กน้อย ถ้าหากว่าไม่ขัดข้องล่ะก็ เชิญตามดิฉันมา ด้วยค่ะ”
จันวิภาคิดว่าตนเองมาเรียนที่วิทยาลัยนี้จะมีอะไรเกิดขึ้น เขากลัวว่าจะเป็นแผนการของโมรี ดังนั้นจึงมองไปทางเวธัส
เวธัสบอกใบ้ผ่านทางสีหน้าให้จันวิภาไม่ต้องกังวล ดังนั้น จันวิภาจึงพยักหน้ารับปากไป
พอเดินมาถึงสำนักงาน หลังจากที่เมธินีเปิดประตูออกแล้ว ก้าวถอยออกไป จันวิภาจึงได้เห็นนราวิชญ์เดินกลับเข้ามาที่ สำนักงานย่างรวดเร็ว
ที่แท้เป็นนราวิชญ์นั่นเองที่วางแผน
นราวิชญ์หันกลับมามองจันวิภา เขาเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งทันที เขาหันกลับมาด้วยรอยแสงอาทิตย์ รีบเดินมาอยู่ข้างๆจันวิภา จากนั้นมือของนราวิชญ์ ก็ได้จับมือของจันวิภาเอาไว้ จากนั้นจึงค่อยๆ ประคองเธอมายัง โซฟาอย่างระมัดระวัง
และเวธัสก็ได้ถูกทิ้งไว้อยู่ข้างๆ ภายในใจจึงแผ่ซ่านความ
เจ็บปวดออกมา
จันวิภาพูดขึ้น “นราวิชญ์ ฉัน..”
“เรื่องเมื่อครู่นี้ เธอยังเป็นอะไรอยู่ไหม?” นราวิชญ์ขยับ เข้ามาใกล้เธอ เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย
ใบหน้าของจันวิภาแดงขึ้น ยื่นมือออกไปหยุดเขาไม่ให้ เข้ามาใกล้ “นราวิชญ์ ทำอย่างนี้มันไม่ค่อยดีนะ”
นราวิชญ์เหลือบสายตามองไปยังเวธัสที่งุนงงอยู่ จึงรู้สึก เก้อเขินขึ้นมาเล็กน้อย แต่แล้วเขาก็ไอขึ้นมาเบาๆสองครั้งแล้ว พูดขึ้น “ผมเป็นห่วงคุณ ดูสีหน้าของเธอสิย่ำแย่ชะมัด!
จันวิภาส่ายหัว ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “ฉันไม่เป็นไร แต่ว่า ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของสุมิตรแล้ว จากนี้….นายทำอย่างนี้ ต่อไปเกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก”
นราวิชญ์เหลือบมองไปทางเวธัส สายตาแฝงไว้ด้วยความ เย็นยะเยือกอยู่เล็กน้อย
แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจก็คือ เวธัสไม่ได้ดูมืดมนและ แข็งแกร่งเหมือนกับสุมิตรเลยแม้แต่น้อย รอยยิ้มของเขาช่าง อบอุ่นราวกับแสงอาทิตย์
“สวัสดีครับ ผมชื่อเวธัส เป็นน้องชายของสุมิตร” เวธัส เข้าไปใกล้แล้วยิ้ม มันช่างดูอบอุ่นเป็นอย่างมาก
นราวิชญ์ก็พยักหน้าเล็กหน่อยไปทางเขาเช่นกัน ความ หม่นหมองและความสงสัยที่อยู่ข้างในดวงตาสลายหายไป แล้วยิ้มตอบกลับไปเบาๆ นั่นถือเป็นการทักทาย
นราวิชญ์รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาสะบัดศีรษะ ทุต ท้ายจึงหันกลับมาพูดกับจันวิภา “จันวิภา ตอนนี้ผมจะปฏิบัติกับ เธอเหมือนกับน้องสาวของผม ผมพูดไปแล้วว่าจะปกป้องเธอ ไม่ว่าเธอจะเป็นภรรยาของใคร เธอก็คือน้องสาวของผม ผม จริงจังนะ! ”
จันวิภาถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา และไม่ได้พูด อะไรต่อ หันหน้ากับไปมองเวธัสที่อยู่ข้างๆ เธอจึงพบว่ารอยยิ้ม ของเขาค่อนข้างที่จะแข็งที่อ และดวงตาก็เลอะเลือนอยู่เล็กน้อย
จันวิภานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มออกมา ภายในใจของเธอคิดว่าเจ้าเวธัสคนนี้คงไม่ใช่ว่ากำลังหึงหรอก นะ ในใจจึงพูดอะไรไม่ออก