พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 82
ตอนที่ 82 พัชรีโกรธแล้ว
จันวิภาไม่อยากให้พัชรีเป็นกังวล เลยพูดขึ้น: “ไม่เป็นไร
ฉันแค่เพิ่งตื่น”
พัชรีปกติขี้ตกใจอยู่แล้วก็พูดขึ้นอีก: “นี้มันเที่ยงแล้วยังจะ นอนอีก รีบออกมาเลยตอนนี้ ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาหน่อย เธอรีบๆออกมานะ เตรียมตัวเสร็จแล้วโทรหาฉัน”
พัชรีพูดจบก็วางโทรศัพท์ไป
จันวิภาตัดสายโทรศัพท์ไปอย่างมีนมีน นอนอยู่บนเตียง สักพัก หลังจากนั้นถึงจะพาร่างกายอันอ่อนแรงของเธอลงจาก เตียงไป เธอเข้าไปอาบน้ำก่อน ตอนอาบน้ำเธอรู้สึกได้ว่าขา ของเธอที่ยืนอยู่กำลังสั่น นานเกินไปแล้วไม่ได้กินอาหาร เธอ รู้สึกเหมือนกับว่าเธอจะเป็นลมได้ตลอดเวลา
และน้ำอุ่นที่ไหลผ่านใบหน้าที่ถูกนวาระตบเข้าก็เจ็บขึ้น ทำให้จันวิภารู้สึกเศร้าสุดสุด ไม่ใช่แค่ร่างกาย จิตใจยิ่งอดสู
แต่ว่ายังดี จันวิภาสุดแข็งแกร่งแค่กัดฟันก็ผ่านเรื่องนี้ไป
ได้แล้ว
อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มองหน้าที่แดงของเธอผ่าน กระจอก ในใจคิดถ้าพัชรีที่เป็นผู้โกรธดังฝืนไฟเห็นละก็ กลัวว่าไฟโกรธจะลามท่วมทุ่ง ไม่แน่อาจจะหาเรื่องล่าบากขึ้นมาอีก คิดไปคิดมาจันวิภาก็ตัดสินใจแต่งหน้ากลบรอยนั้น แม้ว่าผิวที่ ถูกทำร้ายจะไม่อาจจะแต่งหน้าใต้ แต่จันวิภาก็อดทนที่จะแต่ง หน้าหนาๆต่อไป
นี้เป็นครั้งแรกที่จันวิภาแต่งหน้าหนาสุด ในใจของเธอไม่ อยากจะรบกวนอะไรพัชรีแล้ว อีกทั้งความเจ็บปวดนี้ไม่อาจให้ พัชรีรู้ได้ สู้ให้ตัวเองค่อยๆ ทำให้มันเลือนหายไปเองดีกว่า
มองไปที่กระจอกจันวิภาที่แต่งหน้าเข้มนั้นพยายามที่จะ ยิ้มออกมา พยายามทำให้รอยยิ้มดูธรรมดา เตรียมตัว เรียบร้อยแล้วก็เดินลงไป
เดิมทีพัชรีนัดจันวิภาที่ร้านกาแฟ แต่จันวิภากลับปฏิเสธ เพราะว่าตอนนี้เธออยากจะกินเยอะๆเติมเต็มท้องของเธอให้ อิ่ม
ตอนที่จันวิภาเจอพัชรีแทบจะไม่ได้พูดอะไรกันสักประโยค เอาแต่นั่งนิ่งกันทั้งคู่ และทางพัชรีเองมองจันวิภาที่ดูผอมแห้ง เลยยังไม่พูดเรื่องที่เธออยากจะปรึกษาขึ้นมา
ตอนอาหารมาถึงโต๊ะแล้ว จันวิภาถึงจะเรียกสติมาได้ เธอ ยิ้มอย่างเจ็บปวด พร้อมๆ กับกินอาหารอย่างมูมมาม จนทำให้ บริกรและพัชรีมองตาค้าง
แม้ว่าจันวิภาจะแต่งหน้าค่อนข้างหนา แต่เธอแต่งหน้าและ รูปลักษณ์นิสัยไม่เหมือนกับหญิงสาวที่ไม่ได้ถูกสั่งสอน คนที่ ตกใจไม่เคยคิดเลยว่าจันวิภาจะกินอาหารมูมมามได้เช่นนี้
ตอนจันวิภากินข้าว พัชรีมองเธอตลอด บางทีก็ถามขึ้น แต่ จันวิภากลับไม่ค่อยตอบเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียว
พัชรีขมวดคิ้ว รอจันวิภากินอิ่มจนพอใจถึงจะเปิดปาก ถาม: “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
จันวิภานิ่งไปพร้อมกับหยิบกระดาษมาเช็ดปาก มีความ เขินเล็กน้อยเมื่อมองสภาพโต๊ะที่เต็มไปด้วยความระเกะระกะ จากนั้นก็ส่ายหน้าพูดขึ้น : “ไม่มีอะไร ฉันแค่หิวเอง”
พัชรีเห็นจันวิภาอำๆอึ้งๆอีกแล้ว ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ เลย พูดเสียงดังออกมา: “จันวิภา เธอคิดว่าฉันโง่เหรอ ฉันรู้จักเธอ มาตั้ง 10 กว่าปี เธอตั้งแต่เมื่อไหร่กินข้าวได้มูมมามแบบนี้ พูด มาตรงตรงเธอ เธอไม่ได้กินข้าวมาก่วันแล้ว”
จันวิภารู้ว่าหลอกพัชรีไม่ได้ ก็คิดแล้วคิดอีกถึงจะเอ่ยปาก ” 2 วัน 2วันก่อนฉันไม่ค่อยอยากกินข้าวเท่าไหร่” จันวิภาก็ยิ้ม รอยยิ้มที่ธรรมดาสักนิดออกมา อยากจะกลบความทุกข์ที่อยู่ใน ใจลึกๆของเธอ
แต่เมื่อจันวิภาหัวเราะขึ้นก็กระจ่างทันที รอยเจ็บบนหน้า ของเธอถูกพัชรีเห็นเข้าแล้ว
“หน้าของเธอเป็นอะไร? จันวิภา เธอไม่นับฉันเป็นเพื่อน แล้วเหรอ? พูดกับฉันแบบเปิดอกสักทีเถอะ!” พัชรีตะโกน
จันวิภาส่ายหน้าไม่พูด
พัชรีไม่พอใจสุดขีด เธอพูดต่อ: “ฉันดูเธอผิดไปจริงๆจันวิภา ตอนแรกฉันจะปรึกษาเรื่องแก้แค้น แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะ ตกต่ำได้ถึงเพียงนี้”
จันวิภาเห็นหน้าผิดหวังของพัชรี ก็คิดถึงความทุกข์และ การดูถูกที่ได้รับวันนี้ เธอแค่อยากจะทำด้วยตัวเอง ไม่อยากจะ พึ่งแรงของคนอื่น แต่สุดท้ายแล้วก็ตาแดงขึ้น ดวงตาก็รู้สึก เศร้าขึ้นมา
พัชรีรู้ว่าตัวเองพูดมากเกินไปแล้ว เลยจับมือจันวิภา พูด อย่างอ่อนโยนขึ้น: “ขอโทษ ฉันแค่ไม่อยากให้เธอเป็นแบบนี้ ต่อไป เธอต้องขยันเพื่อตัวเองนะ ไม่ใช่ต้องอดทน จันวิภาคน ก่อนทั้งอ่อนโยนและจิตใจดี งาม แต่ไม่ขาดความกล้าหาญ
จันวิภาพยัดหน้า กัดฟันแน่นสุดชีวิต ไม่ให้ตัวเองน้ำตา ไหลออกมาที่เพาระถูกพัชรีปลอบ พัชรีพูดเสียงต่ำ ถอนหายใจ: “อยากร้องก็ร้องเถอะ เอาจริงๆนะ ฉันยังไม่เคย เห็นเจ้าหญิงน้อยจันวิภาของเราร้องไห้ออกมาสักครั้งเลย”
ตลอดมาจันวิภาอดทนฝืนทนมาตลอด เคยอ่อนแอต่อหน้า คนอื่นด้วยเหรอ? แม้จะอยู่กับนายหญิงของแก๊งมอเตอร์ไซค์ อย่างพัชรี บรรยากาศรอบๆก็ไม่ได้อ่อนลงเลยสักนิด
จันวิภาหายใจลึกๆหนึ่งที่ สุดท้ายแล้วก็สามารถสงบลงได้ เธอพูด: “เรื่องนี้มันซับซ้อนกว่าที่เธอคิด มันเกี่ยวแม้กระทั้งพ่อ ของฉัน เกี่ยวกับทั้งบ้านวิบูลย์ธนภัณฑ์และบ้านวีระนนท์ เธอยัง คิดว่าฉันไม่อยากจะหย่าเหรอไง? ฉันคิดที่จะหย่าตลอดเวลา แต่ฉันไม่มีทางเลือก เรื่องเจ็บปวดที่เข้ามาพูดออกไปก็แก้อะไรไม่ได้”
ทั้งสองก็คุยกันต่ออีกนาน จากนั้นจันวิภาก็เห็นฟ้าต่อยๆ มีดลงแล้ว เลยยืนขึ้นพูดกับพัชรี: “ฉันกลับแล้วดีกว่า วันนี้ ลำบากเธอมากแล้ว เธอทำให้ใจของฉันดีขึ้นมาหน่อยแล้ว”
พรึกลับรีบลุกขึ้น พูดอย่างไม่อยากจะเชื่อขึ้น: “ทำอะไร? ยังจะกลับไปที่บ้านนั้นอีก? ไม่คิดจะหย่าก็ไม่ต้องไปอยู่ใน บรรยากาศราวกับนรกนั้นหรอก อย่างน้อยวันนี้ก็สักวันหนึ่ง เถอะ เธอออกจะสวยนะ เดินถนนกลางค่ำกลางคืนมัน อันตราย”
จันวิภาส่ายหน้าพูด: “ไม่ได้ ฉันต้อง…”
พัชรีจับมือจันวิภาพูด: “อะไรกัน ฟังฉันเถอะ ไม่งั้นฉัน
โกรธแน่”
พัชรีโทรศัพท์เสร็จ หน้าประตูร้านอาหารก็มีมอเตอร์ไซค์ 2 คันมาอย่างรวดเร็ว คนพวกนี้คือคนของแก๊งซิ่งมอเตอร์ไซค์ ของพัชรี จันวิภาและพัชรีขึ้นไปคนละคัน มุ่งไปทางหอพักของ พัชรี
ไปถึงที่พักของพัชรี จันวิภาก็ไปห้องพักของเธอแล้วหลับ
ไปทันที
แต่การนอนหลับนั้นไม่ได้ราบรื่น จันวิภานอนพลิกไปพลิก มาฝันร้าย ในคือนั้นหลับๆ ตื่นๆอยู่หลายครั้ง
จันวิภาใต้แต่นอนต่อไป พอเธอตกใจตื่นขึ้นจากฝันร้ายอีกครั้ง ก็พบว่าข้างนอกหน้าต่างถูกแสงแดดสองเข้ามาแล้ว
แม้การนอนไม่ได้ค่อยจะราบรื่นเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าเพียง พอ จันวิภารู้สึกเหมือนเกิดใหม่ บิตขี้เกียจรับแสงแดดอยู่ ยกใหญ่
เธอขยี้ตาตัวเอง พบว่าบรรยากาศรอบๆผิดปกติ เพิ่งนึก ขึ้นได้ว่าเมื่อว่าเธอมาที่หอพักของพัชรี เธอหันตัวไปหาพัชรี
แต่บนเตียงกลับว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของพัชรี
จันวิภาแทบจะพลิกทั้งที่พักก็หาแม้แต่เงาของพัชร์ไม่เจอ อีกทั้งที่ห้องนั่งเล่นยังมีขวดเบียร์อยู่หลายชวด
จันวิภาอยู่ๆก็นึกถึงคำพูดของพัชรีเมือตอนบ่าย บอกว่า ต้องดื่มก่อนถึงจะทำธุระ พอเธอคิดถึงสุมิตรเท่านั้น ในใจของ เธอก็เกิดความตกใจขึ้น พัชรีแทนเธอไปหาสุมิตรที่เปล่า ยิ่งคิดใจยิ่งกังวลมากขึ้น เธอ
พัชรีสู้สุมิตรไม่ได้อยู่แล้วแต่แรก ถ้าให้เธอเตาล่ะก็ พัชรี
ตอนนี้น่าจะตกอยู่ในอันตราย แต่จะหาเธอได้ที่ไหนล่ะ? ต้องโทรหาสุมิตรเหรอ?
ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!