พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 9
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 9 ถอดเสื้อของเธอออก
แต่ทว่า หลายสิบคนที่สวมชุดสูทสีดำ ยืนตัวตรงออยู่ที่ ข้างกายของสุมิตรพวกนั้น แต่ไม่มีใครกล้าออกมาข้างหน้า แม้แต่คนเดียว ร่ายกายคล้ายจะหยุดสั้นไม่ได้ หน้ามองดินไม่ กล้าแม้แต่จะส่งเสียงพูด
พวกเขากล้าที่จะถอดเสื้อผ้าของจันวิภาที่ไหนกัน แม้ คุณชายสุมิตรจะไม่ค่อยชอบผู้หญิงคนนี้สักเท่าไหร่ แต่เธอก็ เป็นคุณผู้หญิง เป็นผู้หญิงของนาย ถ้าจะต้องทำจริงๆ ก็ไม่รู้จะ เป็นอย่างไรต่อไป
“สุมิตร นายมันพวกวิปริด” จันวิภาโกรธจนตัวสั่น ลุกขึ้น กำหมัดต่อยไปทางสุมิตร “ไอ้บ้า”
“วิปริตบ้า” สุมิตรยกมือออกมาขวางมือของจันวิภาไว้ และกำข้อมือของเธอ แสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วพูดว่า “ดี ถ้า เป็นอย่างนี้ งั้นผมจะลงมือด้วยตัวเองแล้วกัน”
จันวิภาตกใจกลัวนัยน์ตาเบิกกว้าง มือให้หลุดออกจากมือของสุมิตร แต่แรงของสตีรไหนจะสู้แรง ของบุรุษได้
พยายามกระชาก
มีเพียงเสียง “แคว้ก” ดังขึ้นมา…
เสียงของผ้าที่ถูกฉีกอยู่ข้างหูของเธอ คาดไม่ถึงสุมิตรใช้
ปากกระชากเสื้อเปิดออก
ความรู้สึกสุดอัปยศได้ปรากฏเข้ามาให้ภวังค์ของเธอ มัน ช่างน่าเศร้าหาใดเปรียบ..
“สุมติร นายมันเดรัจฉาน! ปล่อยฉันเดี่ยวนี้ !” จันวิภาใช้
สุดแรงกระชากตัวเพื่อหนีออกจากสุมิตร ตระโกนร้องด้วย ความโมโห “สารเลว นายคิดว่าฉันเป็นอะไร จริงๆแล้วนายคิด ว่าฉันคืออะไร”
“ในสายตาของฉัน
ทั่วไปนั้นแหละ
เธอเป็นแค่ผู้หญิงสำส่อนที่หาได้
สุมิตรายิ้มอย่างเย็นชาและจ้องไปที่จันวิภา
ยื่นมือกะจะไปจับที่ค้างของจันวิภา แต่คาดไม่ถึงจันวิภาใด้นำ
ไปหนึ่งก้าว ปากของเธอได้กัดอย่างแรงเข้าที่มือของสุมิตร!
“หืดดดด—”
ในความประมาทของสุมดิรสูดอากาศกลับเข้าไปหนึ่ง เฮือกและคลายมือออกจากจันวิภาเล็กน้อย
จันวิภาคว้าโอกาสนั้นพลักตัวออกจากสุมิตรอย่างสุด กำลัง หลังจากนั้นก็หนีออกจากโซฟาหนังสีขาว
ขณะที่สุมิตรถูกจันวิภาผลักออกนั้น หยก โบราณที่อยู่ใน กระเป๋าไหลออกมาโดยไม่ตั้งใจ
จันวิภามองเห็นรูปร่างของหยกสีเขียว หลุดออกจาก กระเป๋าของสุมิตร เธอรู้สึกถึงความคุ้นเคยนั้น แต่ตอนนี้ไม่มี เวลามองอย่างละเอียด รีบกระโดดหนีออกอย่างเร่งรีบ
“หยุดเดี๋ยวนี้! สุมิตรตระคอกออกมา
จันวิภาฟังเขาที่ไหน รีบเก็บเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมาและ
วิ่งออกไปจากห้องรับแขก
“คุณผู้หญิง คุณชายสั่งให้ท่านหยุด” หญิงรับใช้รีบวิ่งมา ขวางเธอไว้สีหน้าเต็มไปด้วยความดีใจในขณะที่เกิดเรื่องเช่นนี้
ขึ้น “นายหญิงท่านกลับไปเถอะ”
จันวิภาโกรธจนตัวสั่น ถูกสุมิตร ทำให้ขายหน้า ไม่มีใครช่วยก็ช่างมันเถอะ คนพวกนี้ยังคอย
“หลีกทางเดี๋ยวนี้!”
ตามมาซ้ำเดิมอีกหรอ
“นายหญิง ดิฉันเป็นหญิงรับใช้ของคุณชาย ต้องฟังคำ
พูดของคุณชาย รบกวนนายหญิงโปรดอย่าทำให้คนอื่นเดือด ร้อนเลย” ขณะสาวใช้กำลังพูด สีหน้าของคนอื่นเริ่มเปลี่ยนไป ผ่านไปสักครู่กลุ่มคนทยอยเข้ามาขวางทางของจันวิภาเอาไว้
“นี่เธอ ถ้าไม่มีฉันละก็ เธอก็ไปที่ไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
เสียงของสุมิตรดังมาจากข้างหลัง ราวกับงูพิษตัวหนึ่ง เลื่อยเข้าไปในหูของจันวิภา “เธอทำได้แค่เดินมาตรงนี้ ตั้งใจ ฟังและปรนนิบัตรให้ฉันซะ!”
“ฝันไปเถอะ! ฉันไม่ให้นายเหลิงหรอก ยังไงก็ไม่มีทาง จันวิภากัดฟันแน่น พูดออกมาทีละคำ จากนั้นจึงหมุนตัวกลับ เพื่อทะลุสาวใช้พวกนั้นเพื่อวิ่งกลับห้องของตัวเอง
สุมิตรตะลึงคิดไม่ถึง ผู้หญิงคนนี้ยังคิดจะหนีอีก ยิ้มอย่าง เย็นชาและพูดขึ้นว่า “พวกเธอกันเธอไว้ จับถอดเสื้อผ้าออกให้ หมด! จันวิภา หญิงสำส่อนก็คือหญิงสำส่อน ผมอยากจะคว่าเธอจะปลอมตัวได้นานอีกแต่ไหน ๆ
หลังจากสุมิตรพูดจบ รีบเดินไปทางจันวิภาทันที เมื่อหญิง รับใช้ฟังคำสั่งเสร็จรีบเข้าล้อมจันวิภาทันที
จันวิภาตกใจ เดินถอยหลังกับไป ในอกมีแต่ความอัปยศ แท้จริงแล้วทำไมถึงแต่งงานกับคนแบบนี้นะ !
“สุมิตร นายอย่าทำอย่างนี้ ฉันคือภรรยาของนายนะ !!!”
จันวิภาตะคอกออกมา
ภรรยา ที เธอไม่คู่ควรหรอก” สุมิตรยิ้มอย่างเย็นชา จัน วิภา แสดงธาตุแท้ของเธอออกมาเถอะ อย่ามาเสแสร้งอีก แสดงออกมาว่าปกติเธอมันบ้าราคะขนาดไหน คำตอบคือเธอ มันไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น เป็นเพียงแค่! ผู้หญิงสำส่อน !”
สุมิตรหัวเราะเยาะเย้ย น้ำเสียงแอบซ่อนความหึงที่แม้แต่
ตัวเองไม่รู้เอาไว้
แค่คิดว่าพูดหญิงคนนี้เคยเสพสุขกับชายอื่น สุมิตรก็โกรธ ทำให้จันวิภาแผ่นหลังรู้สึกถึงความเย็นยะเยือก ร่างกายสั่น
จนจะทนไม่ไหว เขามองไปทางจันวิภา แววตาราวกับใบมีด
สะท้านด้วยความกลัว
สายตาของชายคนนี้ น่ากลัวจริงจริง!
เม้มริมฝีปากลง อดทนไม่ที่จะหัวเราะเยาะออกมา น้ำตา คลออยู่ตรงเบ้าตา จันวิภาอดกันอย่างแข็งขึ้น เบิกตาเขม่งจ้อง ไปที่สุมิตรและพูดว่า “ฉันเคยพูดว่าฉันไม่ใช่คนแบบนี้ นายก็ไม่ เพื่อกับ กับก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ”
“ผมไม่เชื่อหรอใช่หรอ” สุมิตรกวาดสายตามองไปยัง
เรือนร่างของจันวิภาอย่างเหยียดหยาม ยิ้มอย่างเย็นชาและพูด ขึ้น “ฉันรู้แค่ว่าร่างกายของเธอ มันแสดงออกได้ชัดเจนกว่า ปากของเธอก็แล้วกัน”
จันวิภาสีหน้าแข็งที่อ เปลี่ยนเป็นขาวซีด เธอสัมผัสได้ถึง สายตาอันเหยียดหยามของสาวใช้ที่อยู่รอบกาย
กัดริมฝีปากของตัวเองอย่างแรง จันวิภาสิ้นหวังถึงขีดสุด มองไปรอบๆ สุมิตรไม่เชื่อเธอ คนในนี้ก็ไม่ช่วย เหลือแค่เพียง ตัวคนเดียว..
ร่างกายเดินถอยไปต่อ ทันใดนั้นสัมผัสได้ถึงเสาหินด้าน หลัง จันวิภาตกใจ พบว่าตัวเองไม่สามารถถอยไปได้อีกแล้ว หมดหนทางแล้ว จึงกัดปาก จำใจตะโกนใส่สุมิตร สุมิตร นาย อย่าเข้ามานะ ถ้ามาอีกก้าวเดียว ฉันจะพุ่งเข้าชน และตายให้ นายดู”