พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 95
ตอนที่ 95 ดูแลเขาอย่างระมัดระวัง
ในอีกด้านหนึ่ง จันวิภาได้ถูกส่งตัวไปยังห้องผ่าตัดเพื่อ ดำเนินการรักษา นราวิชญ์และธนภาคทั้งสองคนกำลังรออย่าง ใจจดใจจ่อ
พวกเขาทั้งสองยืนอยู่ที่ประตูด้านซ้ายและขวาของห้อง ผ่าตัด ราวกับเทพเฝ้าประตูอย่างไรอย่างนั้น ในช่วงเวลานี้นรา วิชญ์ได้เพ่งสายตาไปที่ห้องผ่าตัดอยู่ตลอด ราวกับต้องการที่จะ ทะลุผ่านประตูเข้าไป
ธนภาครู้สึกว่านราวิชญ์มีความตลกอยู่เล็กน้อย เขาไอ ออกมาสองครั้ง จากนั้นจึงพูดขึ้นมา “คิดไม่ถึงเลยว่าผู้สืบทอด ของตระกูลจะมีความน่าหลงใหลเช่นนี้ หีๆ !
นราวิชญ์เหลือบสายตาจ้องมองธนภาคอย่างสงใส นี่จึง ทำให้คิดขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้เขาได้อุ้มจันวิภาขึ้นมาแล้ววิ่ง ไปหาหมออย่างรีบร้อน เขาไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับฐานะของ ตนเอง แต่กลับพูดไปในทางตรงกันข้าม “ขอบคุณครับที่เมื่อครู่ นี้คุณเข้ามาช่วยเอาไว้ ถ้าหากว่าผมกับสุมิตรยังวิวาทกันต่ออีก ละก็ จันวิภาก็คงจะเป็นอันตราย”
แต่ธนภาคกลับแบะปากแล้วพูดขึ้น “ขอบคุณ? คุณมีสิทธิ์ อะไรมาพูดขอบคุณกับผม? ที่ผมช่วยไว้คือจันวิภา เธอคือภรรยาของสุมิตร ถ้าจะขอบคุณล่ะก็ควรเป็นสุมิตรขอบคุณ”
ตอนที่ธนภาคพูด สายตาของเขาได้หลี่ลงจนเป็นรอยเย็บ ริมฝีปากยกโค้งขึ้นมาอย่างดูดี
ซึ่งแตกต่างกับสุมิตร การหัวเราะเบาๆของเขาช่างดู สะอาดหมดจกเสียจริง ไม่มีการสบประมาทหรือหยอกล้อเลย แม้แต่นิดเดียว มันเป็นเสียงแค่รอยยิ้มที่บริสุทธิ์เท่านั้น
นราวิชญ์อึ้งตะลึง แต่ในไม่ช้าเขาก็หัวเราะ แล้วแบะมือ ออกมา “คุณพูดถูกแล้ว แต่ผมเป็นพี่ชายของจันวิภา ผมพูด ขอบคุณกับคุณก็คงไม่มากเกินไปหรอกมั้ง?”
นราวิชญ์ไม่ได้โกรธคำพูดนั้นของธนภาคเลยแม้แต่น้อย แต่กลับรื่นรมย์เสียด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นนราวิชญ์หรือธนภาค พวกเขาต่างก็อ่อนโยน
และสง่างามอยู่เสมอ หลังนั้นหลังจากการพูดคุยกันง่ายๆไม่กี่ ประโยค แม้ว่าทั้งสองจะไม่พูดด้วยวาจา แต่พวกเขาก็มีความ ประทับใจต่อกันมากขึ้น
ตอนที่นราวิชญ์ต้องการที่จะถามเรื่องอะไรบางอย่างกับธน ภาค ประตูของห้องผ่าตัดก็ได้ถูกเปิดออก
หมอที่เข้าร่วมการรักษาถอดหน้ากากอนามัยของตนเอง แล้วเดินออกมา จ้องมองดูนราวิชญ์กับธนภาค จากนั้นเขาจึง ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรครับ เด็กกับคุณนายต่างก็ ปลอดภัยดี แต่ต้องใส่ใจกับการผักผ่อนหน่อย ตอนนี้คนไข้อยู่ ในอารสลบ ต้องใส่ใจอย่างระมัดระวัง”
ทั้งสองมองหน้ากัน แล้วถอนหายใจด้วยความโส่งอก ท้ายที่สุดแล้วก็เกิดเป็นอะไรไปล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นพวกเขาทั้งสอง หรือสุมิตร มันจะเป็นเรื่องที่มีปัญหา
จันวิภาถูกส่งกลับมาในห้องผู้ป่วย เดิมทีนราวิชญ์คิดจะ อยู่ที่นี่เพื่อคอยดูแลจันวิภา แต่กลับถูกธนภาคปฏิเสธไป
“ความสัมพันธ์ของคุณกับจันวิภาเป็นเรื่องที่คลุมเครือเป็น อย่างมากในสายตาคนอื่น คุณกลับไปเถอะ ถ้าสุมิตรเข้าใจ อะไรผิดขึ้นมาอีกล่ะก็ มันจะไม่ดีทั้งกับคุณและจันวิภา”
นราวิชญ์มองจันวิภาที่ใบหน้าขาวซีดแล้วพูด “แต่จันวิภา ต้องทำไง?”
ธนภาคหัวเราะออกมา “ผมจะดูแลเอง คุณวางใจเถอะ น่า”
นราวิชญ์คิดอยู่พักหนึ่ง เขารู้สึกว่าธนภาคเป็นคนที่พึ่งพา ได้ และตอนนี้ก็ไม่เหมาะสมที่จะทำเช่นนั้น จันวิภากำลังหมด สติอยู่ ถ้าหากว่าเขาวิวาทกับสุมิตรอีกล่ะก็ ก็คงจะไปรบกวน การพักผ่อนของเธออย่างหลักเลี่ยงไม่ได้
“อย่างนั้นก็ได้! ” นราวิชญ์พูด ตอนที่กำลังเดินออกไปนั้น จ่าเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง แล้วเอ่ยถามอีกครั้ง “ผม อยากรู้จริงๆว่าคุณยืนอยู่ข้างไหน?”
ธนภาคหัวเราะออกมา แล้วพูด “สมองตายด้านจริงๆ ยัง คิดจะแบ่งฝ่ายอยู่อีก? ผมแค่ชื่นชมจันวิภา ก็เลยเต็มใจที่จะ ดูแลเธอ พูดไม่ได้หรอกว่ายืนอยู่ฝั่งไหน”
นราวิชญ์พยักหน้าอย่างครุ่นคิด หันหน้ากลับไปมองจัน วิภาที่ใบหน้าขาวซีด แล้วพูดชี้แจง “งั้นก็ได้ ผมจะไปแล้ว ถ้ามี ข่าวอะไรโทรมาหาผมเลยนะ”
พูดจบ เขาจึงออกไปด้วยความจำใจอยู่นิดหน่อย
ธนภาคอยู่ข้างเตียงของจันวิภาตลอด รอเธอฟื้นคืนสติ
แต่ทว่าจันวิภาดูเหมือนจะฝันร้ายถึงอะไรบางอย่างอยู่ นอนหลับอย่างกระวนกระวาย คิ้วขมวดขึ้น ร่างกายพลิกไป พลิกมาไม่หยุดหย่อน
เมื่อธนภาคเห็นสถานการณ์เช่นนี้ จึงคิดที่จะยื่นมือออกไป สมานคิ้วของเธอให้เรียบอย่างไม่รู้ตัว มือพึ่งสัมผัสผิวของจัน วิภา ธนภาคนึกขึ้นมาได้ทันทีว่านี่เป็นผู้หญิงของเพื่อนสนิทตัว เอง ไม่อาจแตะต้องได้..
ภายใต้ความลังเล ธนภาคก็ค่อยๆเก็บมือกลับมา
แต่สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงเลยก็คือ วินาทีต่อมาจู่ๆจันวิภา ก็ได้ลืมตาตื่นขึ้น จับมือเขาเอาไว้จนแน่น จากนั้นจึงลุกขึ้นมานั่ง อย่างตื่นตระหนก แล้วใช้เสียงที่แหบแห้งตระโกนออกมา “ลูก ฉัน! ! ! ”
“อย่ากังวลไป เมื่อกี้เธอพึ่งจะโดนผ่าตัด หมอบอกว่าเธอ ไม่ควรมีอารมณ์ที่รุนแรงไปจนเกิดเหตุ” ธนภาคประคองจัน วิภาขึ้นมานั่งพิง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลผ่อนคลาย
ดูเหมือนว่าจันวิภาจะยังอยู่ในอารมณ์ที่เศร้าโศก และยังไม่ผ่อนคลาย สายตาที่ไร้ซึ่งสติ ในปากพูดพิมพำออกมาไม่ หยุด “ลูก..ลูกของฉัน..”
เมื่อเห็นจันวิภาซีดเซียนและน่าเวทนาเช่นนี้ ยนภาคจึงทน ไม่ได้ ระงับความอยากที่จะโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขน เขาพูด ปลอบใจอย่างอ่อนโยน “อย่าเป็นกังวลเลย ลูกของเธอ ปลอดภัยอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ต้องกังวล”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สายตาของจันวิภาจึงได้หันมาทางธนภาค จองมองเขา ตกตะลึงอยู่เล็กน้อย จากนั้นจึงคว้าแขนเสื้อของ เขาจนแน่น จ้องมองเขาอย่างใจจดใจจ่อ แล้วจึงเอ่ยถามขึ้น “นายพูดจริงหรอ? ลูกฉันยังอยู่? ลูกฉันยังอยู่จริงๆ ใช่มั้ย?”
“ฉันพูดจริง” ธนภาคยื่นมือออกมาตบหลังจันวิภา พยายามทำให้เธอสงบลง
คิดไม่ถึงว่าเมื่อจันวิภาได้ยินคำพูดเช่นนี้ จึงได้สงบนิ่งกว่า ที่เขาคิดเอาไว้ เธอปล่อยมือที่จับแขนเสื้อของธนภาคอยู่ออก แล้วค่อยๆเอนตัวกลับเข้าไปพิงเตียงอย่างช้าๆ
มือหนึ่งลูบคลำท้อง จันวิภาพูดขึ้นด้วยความโล่งใจ “ดี จริงๆ มันดีจริงๆ”.
เมื่อเห็นรอยยิ้มกลับมาอยู่บนใบหน้าของจันวิภาใหม่อีก ครั้ง ในใจของธนภาคจึงโล่งอก เขาค่อยๆเก็บมือที่อยู่กลาง อากาศเข้ามาอย่างเงียบๆ แล้วเอ่ยถามอย่างห่วงใย “เป็นไง บ้าง ร่างกายเธอรู้สึกอย่างไง?”
เมื่อได้ยินดังนั้น จันวิภาจึงจะมีสติกลับมา จ้องมองดูธนภาค พยักหน้าอย่างมีมารยาทแล้วเอ่ยปากพูด “ก็ดี ขอบคุณ
ค่ะ”
จันวิภาเคยพบกับธนภาคอยู่หลายครั้ง แต่เนื่องจากความ สัมพันธ์ฉันท์มิตรของเขากับสุมิตร เธอจึงไม่คาดคิดว่าวันนี้เขา จะมาเยี่ยมเธอ
จันวิภาจำได้เพียงแค่ว่าก่อนที่จะหมดสติล้มลงไป เธอได้ ถูกบอดี้การ์ดที่สุมิตรเรียกมากทั้งสองคนฉุดกระฉากจนเลือด ไหลออกมาจากระหว่างขา เธอคิดว่าเด็กคงจะไม่รอดแล้ว ดัง นั้นตอนที่ยังอยู่ในความฝัน จึงได้เห็นสุมิตรพูดว่าลูกของเธอไม่ อยู่แล้วด้วยใบหน้าที่เยาะเย้ยและถากถาง
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เธอพักผ่อนให้มากๆ อยากกินหรือดื่ม อะไรก็เรียกฉันได้ตามสะดวก” ธนภาคพูดขึ้นอย่างอบอุ่นและ สง่างาม
จันวิภาจ้องมองธนภาคอย่างแปลกประหลาดใจ ไม่เข้าใจ จริงๆว่าทำไมสุมิตรถึงมีเพื่อนที่ดีเช่นเขาได้ หรือเป็นเพราะสุ มิตรได้รู้ดีชั่วแล้ว จึงละอายใจแก่ตนเอง ก็เลยเรียกเพื่อนของ เขามาให้ช่วยดูแลเธอ? !
ไม่ๆๆ จันวิภาไม่เชื่อง่ายๆหรอกว่าสุมิตรจะกลับใจ ครั้งที่ แล้วตอนที่หลงเชื่อไป ตนเองก็เกือบถูกนวาระผลักตกบันได!
ดังนั้น เธอจึงจะไม่เชื่อสุมิตรอีกเป็นอันขาด! ! !