พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 439 โชคชะตาของหญิงสาว
รูม่านตาของพิชิตหดเล็ก เขาตกตะลึงนิ่งค้าง
ความหมายของนัทธีคือ ไม่เอาชีวิตของนวิยา แต่จะลงโทษนวิยาอย่างร้ายแรง
ลงโทษร้ายแรงแค่ไหน ดูจากแววตาเยือกเย็นไร้ความรู้สึกของนัทธี พิชิตก็เข้าใจเป็นอย่างดี ผลที่ตามมาเป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิด
“นัทธี……”
“พอได้แล้ว แกออกไปเถอะ” นัทธีผายมือ พูดไล่แขก
พิชิตขยับปาก เหมือนจะอยากพูดอะไร แต่เห็นสีหน้าเยือกเย็นของเขา สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ถอนหายใจ หมุนตัวหันหลังเดินออกไป
หลังจากที่เขาออกไป นัทธีหลับตาลง แล้วนอนลงบนเตียงอีกครั้ง
เขายังรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย เป็นผลข้างเคียงของยาสลบ จำเป็นต้องพักผ่อนระยะหนึ่งถึงจะดีขึ้น
นอนพักจนถึงตอนบ่าย นัทธีถึงจะรู้สึกหายเป็นปลิดทิ้ง ออกจากโรงพยาบาล มุ่งหน้าไปที่โรงแรม
เขาไม่ได้ไปหานวิยา แต่ไปหาผู้หญิงคนเมื่อคืนก่อน
หญิงสาวถูกขังเอาไว้ เดิมทีก็รู้สึกลัวมากแล้ว เห็นนัทธีมา ก็ยิ่งกลัวจนหน้าซีดขาว
“ประธาน……ประธานนัทธี” ปากของหญิงสาวร้องเรียกด้วยความสั่นเทา
นัทธีมองหน้าเธอด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “นวิยาให้เงินเธอเท่าไหร่?”
หญิงสาวเข้าใจว่าเขาหมายความว่าอะไร คุกเข่าลงทันที พูดอ้อนวอน:”ประธานนัทธี ฉันผิดไปแล้วค่ะ ฉันไม่ควรหน้ามืดโลภกับเงินแค่นั้น แล้วไปร่วมมือกับคุณนวิยา ขอโทษนะคะ คุณปล่อยฉันไปเถอะนะคะ หลังจากนี้ฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว!”
ขณะพูด เธอคุกเข่าแล้วคลานไปหานัทธี อยากจะไปกอดขาของนัทธี
แต่นัทธีคิดเอาไว้แต่แรกแล้ว เตะเธอทิ้งทันที
หญิงสาวราวกับผ้าขี้ริ้ว นอนบนพื้น ใบหน้าฉายความหวาดกลัว “ประธานนัทธี……”
“เธอไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันถามเมื่อกี้เหรอ นวิยาให้เงินเธอเท่าไหร่?” สายตาอาฆาตของนัทธีจับจ้องไปที่หยฺงสาว
หญิงสาวตัวสั่น ไม่กล้าร้องไห้แล้ว รีบตอบ: “สาม……สามแสนค่ะ!”
ได้ยินตัวเลขนี้ นัทธีหัวเราะในลำคอ “สามแสนเธอก็ช่วยผู้หญิงคนนั้นรับโทษแล้ว เธอนิถูกจริงๆ เธอเคยคิดบ้างไหม เธอไม่ได้เงินสามแสน แล้วยังจะทิ้งชีวิตตัวเองด้วย”
หญิงสาวสูดลมเย็นเข้าไป ตกใจจนตะลึงไปแล้ว “ประธาน……ประธานนัทธี คุณจะฆ่าฉันเหรอคะ?”
“เธอกล้าวางยาแน เธอคิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปเหรอ?”
ตัวของหญิงสาวสั่นเทา “ประธานนัทธี ไม่ใช่ฉัน เป็นฝีมือของคุณนวิยา ฉันไม่ได้เป็นคนวางยา ฉันแค่ทำหน้าที่รับผิดชอบออกหน้าพาคุณไปที่ห้องรับรอง หลังจากนั้นก็บอกคุณว่าฉันเป็นคนวางยา แบบนี้คุณจะได้ไม่ต้องสงสัยว่าคุณนวิยาเป็นคนวางยา ดังนั้นเรื่องทุกอย่างคุณนวิยาเป็นการวางแผน ไม่เกี่ยวกับฉันนะคะประธานนัทธี!”
“เธอไม่ได้วางยาจริงๆ แต่สิ่งที่เธอทำ เพียงพอที่จะทำลายครอบครัวฉัน ดังนั้น คนอย่างเธอ ฉันไม่มีวันปล่อยไป” นัทธีทิ้งคำพูดเอาไว้ แล้วหมุนตัวหันหลังเดินออกไป
หญิงสาวตกใจจนนิ่งค้าง นั่งเหม่อลอยอยู่บนพื้น น้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงหล่นลงมา
เธอเสียใจ เธอเสียใจมากจริงๆ ทำไมเธอถึงต้องหน้ามืดเพราะเงินสามแสนด้วย ลืมไปว่าคนที่เธอกำลังจะวางแผนลอบทำร้าย เป็นถึงประธานของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป
นั่นเป็นถึงยมทูตที่มีชีวิตของวงการธุรกิจจังหวัดจันทร์ ถูกเขาจับได้ ไม่ตายก็ต้องถูกถลกหนัง ตอนนั้นเธอเชื่อคำพูดของนวิยาที่บอกว่าเธอจะรอดได้ยังไง
อีกทั้งนวิยายังบอกอีกว่า ถ้าเธอถูกประธานนัทธีจับได้จริงๆ นวิยาจะช่วยเธอ แต่ตอนนี้นวิยาล่ะ?
คิดถึงตรงนี้ หญิงสาวทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะด้วยความเสียใจ ร้องไห้และหัวเราะให้กับโชคชะตาในอนาคตของตนเอง ที่จะมืดสนิท
นัทธีเดินออกมาจากห้องที่ขังหญิงเอาไว้ แล้วเดินตรงไปที่ลิฟต์
มารุตเดินตามหลัง “ท่านประธานครับ จัดการกับผู้หญิงคนนั้นยังไงดีครับ?”
“สืบเรื่องของเธอได้รึยัง?” นัทธีไม่ตอบแต่ย้อนถาม
มารุตพยักหน้า “สืบได้แล้วครับ เธอเป็นโสเภณีครับ มีชื่อเสียงระดับหนึ่งในวงการ ก่อนหน้านี้ตระกูลราศีหัตถวงศ์ก็มีปัญหาวุ่นวายไปหมดเพราะผู้หญิงคนนี้ครับ”
“หื้ม?” นัทธีเลิกคิ้วขึ้น “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
มารุตกดลิฟต์ “ผู้หญิงคนนี้เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับประธานพิวัฒน์ ก่อนหน้านี้แกล้งท้องแล้วบุกไปถึงบ้านเพื่อบีบให้แต่งงาน คุณหญิงรานิลเครียดจนเกือบกระโดดตึก ประธานพิวัฒน์ยังเข้าข้างผู้หญิงคนนี้ จนกระทั่งตอนหลังพ่อกับแม่ของคุณหญิงรานิลออกหน้า กดประธานพิวัฒน์จึงจบเรื่องนี้ได้ครับ”
นัทธีหรี่ตาลงด้วยความเยือกเย็น “ถ้าอย่างนั้นดูท่า ผู้หญิงคนนี้กับเรื่องอื่นก็ไม่สะอาด ในเมื่อเป็นแบบนี้ ส่งเธอไปย่านโคมแดงแล้วกัน แจ้งเรื่องนี้คุณหญิงรานิลทราบด้วย”
“เข้าใจแล้วครับ” มารุตเคลื่อนแว่น
ย่านโคมแดง ที่นั่นไม่สงบมาก วุ่นวายมาก
ผู้หญิงคนนั้นถูกส่งตัวไปที่นั่น ชีวิตของเธอหลังจากนี้แค่คิดก็เดาได้แล้ว ไม่ใช่ติดโรค ก็ต้องตายด้วยน้ำมือของผู้ชายประเภทต่างๆ
ก็สมควรแล้ว เพื่อเงินนิดหน่อย กล้าลอบวางแผนทำร้ายประธานนัทธี
โชคชะตาของหญิงสาว ถูกตัดสินแบบนี้
นัทธีเข้ามาในห้องที่ขังนวิยาเอาไว้ ซึ่งก็คือหน้าห้องรับรองเมื่อคืน
นัทธีส่งสายตาให้มารุต หยิบคีย์การ์ดออกมา เปิดประตู
เวลาเดียวกันที่เปิดประตู ไฟด้านในก็ส่องสว่าง
นัทธีเข้าไป เห็นนวยิานั่งอยู่บนเตียง ด้วยใบหน้าซีดขาว
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาเห็นสีหน้าของเธอที่ดูป่วยแบบนี้ ต้องถามด้วยความเป็นห่วงแล้วว่าเธอเป็นอะไร
แต่ว่าตอนนี้ เขาทำเป็นเหมือนมองไม่เห็น
นัทธีก้าวเท้าเดินไปด้านหน้า เดินไปตรงหน้านวิยาแล้วหยุดลง “ผมเข้าใจมาโดยตลอด ว่าคุณเป็นผู้หญิงใสซื่อและแสนดี”
นวิยาได้ยินคำพูดนี้ มุมปากของเธอยกขึ้นด้วยความเย้ยหยัน “ดังนั้นคุณนัทธี ตอนนี้คุณผิดหวังมากใช่ไหม?”
นัทธีเม้มปาก “ไม่ สิ่งที่ทำให้ผมผิดหวัง ไม่ใช่ว่าคุณไม่ใสซื่อ”
ได้ฟัง นวิยามองเขาด้วยความแปลกใจ เหมือนไม่เข้าใจคำพูดของเขา
นัทธีมองหน้าเธอด้วยความนิ่งสงบ “ใช้ชีวิตอยู่ในวงการนี้ ความใส่ซื่อและจิตใจดีเป็นคุณสมบัติที่หายากมาก แต่ไม่ใสซื่อไม่แสนดีก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ดี เพราะคนแบบนี้ ถึงจะปกป้องตนเองได้ ถึงจะใช้ชีวิตอยู่ในวงการนี้ได้”
“แล้วคุณผิดหวังอะไรกันแน่?” นวิยาไม่เข้าใจ
นัทธีขมวดคิ้ว “สิ่งที่ผมผิดหวัง คือคุณใช้วิธีการของคุณกับผม”
นวิยากัดริมฝีปาก “ฉันใช้ผิดเหรอ?”
“หรือว่าไม่ผิดเหรอ?” นัทธีจับจ้องไปที่เธอ
นวิยาเงยหน้าขึ้นด้วยความดื้อดึง “แน่นอนว่าไม่ผิด ฉันสู้เพื่อคนที่ฉันรัก สู้เพื่อความสุขของฉัน ฉันผิดอะไร”
“แต่ว่าผมไม่ได้รักคุณ” นัทธีตอบกลับอย่างไร้หัวใจ
นวิยาอดทนกับความเจ็บปวดในใจ พูดด้วยดวงตาแดงก่ำ :”ฉันรู้ คุณไม่รักฉันไม่เป็นไร ฉันรักคุณก็พอแล้ว นัทธี ฉันรักคุณ ตั้งแต่ตอนที่ฉันยังเด็กมาก ฉันฝันอยากจะอยู่กับคุณ ฉันเองก็คิดว่าตนเองมีโอกาสนี้ แต่ว่าคิดไม่ถึง กลับมาวารุณีแทรกเข้ามากลางคัน”
พูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความบูดบึ้ง
นัทธีเห็นแล้ว พูดเสียงเยือกเย็น “คุณเกลียดเธอ?”
“ใช่ ฉันเกลียดเธอ ฉันเกลียดเธอมาก!” นวิยาร้องตะโกนแผดเสียง:”ทั้งๆที่ฉันเป็นคนที่คุณรู้จักก่อน แต่ตอนสุดท้าย คนที่คบกับคุณกลับเป็นเธอ คุณจะให้ฉันพอใจได้ยังไง จะให้ฉันไม่เกลียดเธอได้ยังไง”
“ดังนั้นคุณก็เลยพุ่งเป้าไปที่เธอ ก็เลยต้องวางยาผม?” เสียงของนัทธียังคงเยือกเย็นดังที่ผ่านมา
ใบหน้าของนวิยาเต็มไปด้วยน้ำตา “ฉันริษยาเธอ เธอสนิทสนมกับคุณทุกวัน แล้วจะให้ฉันไม่พุ่งเป้าไปที่เธอได้ยังไง ฉันคิดว่าเมื่อคราวที่แล้วพวกคุณจะหย่ากัน แต่ฉันรอแล้วรออีก สิ่งที่ฉันได้รับกลับกลายเป็นพวกคุณคืนดีกัน ดังนั้นฉันไม่อยากรอแล้ว ฉันจะเป็นฝ่ายรุก”
พูดถึงตรงนี้ เธอยิ้มแปลกๆ “ในเมื่อพวกคุณไม่เลิกรากัน ฉันก็ต้องใช้วิธีนี้ในการครอบครองคุณ แต่สุดท้ายเพราะความใจอ่อนของฉัน ทำให้แผนการทุกอย่างล้มเหลว!”