พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 512 หมาตัวหนึ่ง
นิรุตติ์หยุดก้าวเดิน มองไปด้านหน้าด้วยสีหน้ามืดครึ้ม
วารุณีที่ถูกเขาอุ้มไว้ก็เห็นภาพด้านหน้าเช่นกัน เธอคล้ายกับเห็นผู้พึ่งพิงสุดท้าย นัยน์ตาสะท้อนแสงแห่งความหวังอย่างแรงกล้า“ผู้ช่วยมารุต!”
ผู้มาเยือนประกอบด้วยมารุตกับบอดี้การ์ดกลุ่มใหญ่
มารุตมองวารุณีอย่างวิตกกังวล“คุณนายวางใจได้ครับ ผมจะช่วยคุณเอง”
วารุณีพยักหน้าหงึกๆ ไม่รู้สึกกระวนกระวายใจแล้ว
มือนิรุตติ์ที่อุ้มบริเวณเอวกับหัวเข่าของเธอใช้แรงจับไว้แน่น ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดจนขมวดคิ้วแน่นเป็นปม
มารุตเห็นพลันขมวดคิ้วมุ่น“นิรุตติ์ รีบปล่อยคุณนายลง ไม่งั้นผมจะไม่เกรงใจแล้ว!”
นิรุตติ์เหยียดยิ้มเย้ยหยัน“ผมไม่ปล่อยจะทำไม!”
“คุณไม่ปล่อยแล้วคิดว่าจะเดินออกไปได้เหรอ?”มารุตถามเขา
นิรุตติ์หัวเราะเสียงดังลั่น“พูดเหมือนผมปล่อยเธอแล้วผมจะเดินออกไปได้อย่างนั้น คุณพาคนมาเยอะขนาดนี้ นอกจากมาช่วยวารุณีแล้ว ยังคิดจะมาจับตัวผมด้วยไม่ใช่หรือ?”
มารุตกลืนน้ำลายหนึ่งครั้ง เนื่องจากอีกฝ่ายพูดตรงจุด
ทว่าไม่นาน มารุตก็ปรับอารมณ์สำเร็จ ตอบกลับไปว่า“ในเมื่อคุณรู้แล้ว ผมก็ไม่เกรงใจแล้ว พรรคพวกไปเลย ไปช่วยคุณนายแล้วจับคนนี้ไว้”
ไม่ง่ายเลยกว่านิรุตติ์จะโผล่หน้าให้เห็น เขาจะปล่อยไปได้อย่างไร เขาต้องจับตัวไว้อยู่แล้ว
ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าจะเจอนิรุตติ์โผล่หัวมาให้เห็นอีกเมื่อไหร่
นิรุตติ์เห็นคนกลุ่มนี้พุ่งทะยานเข้ามายังทิศทางตน ดวงตาพลันหรี่ขึ้น จากนั้นก็ก้มหน้ามองวารุณี “ดูเหมือนวันนี้ผมจะพาคุณไปไม่ได้ ไม่เป็นไร ไว้คราวหลังแล้วกัน ครั้งหน้าผมจะพาคุณไปให้ได้ คุณเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น”
กล่าวจบ เขาก้มหน้าคล้ายจะจุมพิตวารุณี
สายตาวารุณีวูบไหว รีบบิดหน้าไปอีกทาง
นิรุตติ์ไม่โกรธ กลับยิ้มออกมา จากนั้นก็หอมหน้าผากเธอ สุดท้ายก็ทำใจโหดโยนเธอลงทะเลสาบ
ซ่า ซ่า!
ร่างกายวารุณีตกลงไปในทะเลสาบ ก่อนจะมีคลื่นน้ำกระเซ็นลอยขึ้นมาเป็นเม็ดๆ
การเคลื่อนไหวของคลื่นน้ำทำให้วารุณีรู้สึกเวียนหัว ร่างกายหมดสิ้นเรี่ยวแรง จึงไม่อาจว่ายน้ำได้ ร่างกายเธอค่อยๆจมดิ่งลงไปทีละนิด
ภาพที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำให้ทุกคนอึ้งตาค้าง
มารุตยิ่งคาดไม่ถึงว่านิรุตติ์จะเลวทรามเพียงนี้ ถึงกับโยนคุณนายลงทะเลสาบเชียว
ปากพร่ำบอกแต่ว่าเขารักคุณนาย?
รักแล้วคือการทำร้ายกันหรือ?
ไอ้เหี้ย นรกส่งมาเกิด!
“เร็ว พวกนายรีบไปช่วยคุณนายเร็ว” มารุตได้สติก็รีบตะโกนอย่างร้อนอกร้อนใจ
คุณนายจมลงไปแล้ว หากยังไม่ช่วยก็จะสายเกินแก้
บอดี้การ์ดกลุ่มนี้ต่างพากันกระโดดลงไปช่วย
นิรุตติ์ฉวยโอกาสนี้ ยกยิ้มแล้วหมุนกายวิ่งหนี
วิ่งมาถึงศาลาก่อนหน้านี้ ซึ่งมีลูกน้องรอเขาอยู่
ลูกน้องเห็นเขามาพลันถามว่า“เจ้านายครับ ตอนนี้ทำไมดีครับ?”
นิรุตติ์หรี่ตา“แผนการล้มเหลว ผมไม่นึกว่าจู่ๆมารุตจะโผล่หัวมา ยังพาคนมาเป็นโขยงด้วย ถอยกันเถอะ บอกคนที่อยู่กลางทะเลสาบด้วย ไม่ต้องสนใจเด็กสองคนนั้น พวกมันมีกันเยอะ ถ้ายังไม่หนีคงจะไม่ทันแล้ว”
“ครับ” คนผู้นั้นขานรับ หยิบมาถือแจ้งบอกให้พรรคพวกถอยหนี
พวกนิรุตติ์ขับรถหนีไปอย่างรวดเร็ว
รถของพวกมารุตไม่ได้จอดแถวนี้ การใช้เท้าวิ่งคงไม่เกิดผล จึงได้แต่ยืนมองรถพวกนั้นขับห่างออกไปเรื่อยๆ
มารุตรู้ว่าจับตัวไม่ได้ จึงโกรธจัดหัวฟาดหัวเหวี่ยงทีเดียว
ทว่าเขาก็รู้ว่าทำสุดฝีมือแล้ว
นิรุตติ์โยนคุณนายลงทะเลสาบเพื่อถ่วงเวลาพวกเขา แล้วตัวเองถือโอกาสหนีไป
ซึ่งนิรุตติ์ประสบผลสำเร็จดังเป้า
ห้องพักผ่อนในสวนสาธารณะ วารุณีเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็คลุมผ้าเช็ดตัวไว้ที่ไหล่แล้วนั่งพิงไฟอยู่ข้างเตา
เด็กทั้งสองมองเธอด้วยน้ำตา
“หม่ามี๊ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”อารัณถาม
เขาเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับหม่ามี๊ของเขา
เพียงแต่เขากับไอริณโดนกลุ่มคนชุดดำขวางอยู่กลางทะเลสาบ ไม่อาจปกป้องหม่ามี๊ได้ จึงต้องทนมองคนร้ายพาตัวหม่าม็ไป จากนั้นก็โยนลงทะเลสาบ
ไอริณร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล“หม่ามี๊อย่าทำให้หนูตกใจสิค่ะ”
วารุณีลูบศีรษะของเด็กทั้งสองคน“วางใจเถอะลูกรัก หม่ามี๊ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แค่สำลักน้ำและรู้สึกหนาวนิดหน่อยเอง ไม่เป็นอะไรมากหรอก”
เธอก็คาดไม่ถึงว่านิรุตติ์จะโยนตัวเองลงเพื่อหนีรอด เพื่อไม่ให้พวกมารุตจับตัวเขาได้
ไร้ยางอายสิ้นดี
น้ำทะเลสาบทั้งเย็นทั้งลึก ตอนเธอถูกโยนลงไป เธอเวียนหัวจนหน้ามืดไปหมด ไม่อาจว่ายน้ำได้เลย ได้แต่ปล่อยให้ตัวลงจมลงไปในน้ำทะเลสาบตามยถากรรม
โชคดีที่มารุตให้ลูกน้องกระโดดลงมาช่วยไว้ทันท่วงที มิฉะนั้นเธอต้องจมน้ำตายแน่
เธอกำลังครุ่นคิดอยู่ ประตูห้องพักผ่อนก็เปิดออก จากนั้นมารุตก็เดินก้มหน้าเข้ามาอย่างหดหู่ใจ
วารุณีเห็นก็รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด กระชั้นแก้วน้ำอุ่นในมือ“จับตัวไม่ได้เหรอคะ?”
มารุตผงกศีรษะ“เขาหนีไปได้ครับ ประเทศพวกเรามีกล้องวงจรปิดทุกที่ แต่ต่างประเทศไม่เหมือนกันครับ ชาวต่างชาติคิดว่ากล้องวงจรปิดเหลื่อมล้ำความเป็นส่วนตัวของพวกเขา พวกนิรุตติ์จึงหนีง่ายขึ้น หลังพวกเขาออกจากสวนสาธารณะก็ไม่รู้ว่าไปทางไหนเลยครับ”
วารุณีก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด“ขอโทษด้วยค่ะ เป็นเพราะฉันเลย……”
“ไม่เกี่ยวกับคุณนายหรอกครับ นิรุตติ์ปลิ้นปล้อนเกินไปครับ” มารุตโบกมือกล่าว
วารุณีทอดถอนใจ“ไม่ว่ายังไงก็ต้องขอบคุณที่คุณมาช่วยไว้ทันนะคะ ไม่งั้นฉันกับลูกๆคงแย่ ใช่สิ คุณไม่ใช่บอกว่านัทธีต้องไปประชุมที่ประเทศนาฟาเหรอคะ?แล้วทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่ล่ะคะ?”
มารุตยิ้มตอบ“คืออย่างนี้ครับ พอพวกเราถึงประเทศนาฟาก็พบว่าลืมเอาเอกสารไปหนึ่งฉบับครับ ท่านประธานเลยให้ผมกลับมาเอาครับ ผมเห็นนิรุตติ์ตอนกลับมาถึงสนามบินครับ ผมเลยตามเขามาตลอดทาง ผมเห็นเขาเข้ามาในสวนสาธารณะแห่งนี้ ผมเลยเรียกคนมาจับตัวเขาครับ คิดไม่ถึงว่าคุณนายจะอยู่ที่นี่ด้วย”
วารุณีพยักหน้าหงึกๆ“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง โชคดีที่คุณพาคนมาค่ะ ไม่นั้นไม่กล้าคิดผลลัพธ์ที่จะเกิดอะไรขึ้นเลยค่ะ”
“ใช่ครับ” มารุตปีติยินดีกับการตัดสินใจของตนก่อนหน้านี้
ไม่เช่นนั้น ลำพังเขาตัวคนเดียวคงทำอะไรไม่ได้ คงต้องทนดูคุณนายโดนนิรุตติ์พาตัวไปแน่
“ผมส่งคุณนายกลับไปก่อนนะครับ” มารุตเสนอความคิดเห็น
วารุณีก็ไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อ ตอบรับปากอืมหนึ่งคำ
เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ มารุตหาเอกสารที่นัทธีสั่งให้มาเอาเจอ จากนั้นก็สั่งให้บอดี้การ์ดกลุ่มนี้คอยปกป้องวารุณี โดยให้อยู่เฝ้าสังเกตการณ์รอบๆคฤหาสน์ แล้วตัวเขาก็มุ่งไปยังสนามบิน
ระหว่างทาง มารุตติดต่อคุยกับนัทธี โดยเล่าเรื่องการปรากฏตัวของนิรุตติ์และเรื่องเกือบพาตัวคุณนายไปสำเร็จให้เจ้านายเหนือหัวฟัง
นัทธีได้ยินก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟดังคาด จากนั้นก็ติดต่อผู้ว่าการสตีฟแล้วซื้อน้ำใจอีกฝ่าย ขอให้ผู้ว่าการสตีฟปิดทางเข้าออกของเมือง เพื่อนิรุตติ์จะได้เล็ดลอดออกไปไม่ได้
ขอเพียงนิรุตติ์อยู่ในเมืองนี้ก็จะสามารถคว้าตัวออกมาได้
ด้านในบ้านอันแสนธรรมดาของเขตชุมชนแออัด
นวิยามองหน้าดำคล้ำเครียดของนิรุตติ์ มุมปากยกโค้งขึ้น“ทำไม ซื้อตั๋วไม่ได้เหรอ?”
นิรุตติ์กำมือถือไว้แน่น นิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไร
นวิยาแกว่งแขน“ดูเหมือนนัทธีจะปิดเมืองนี้แล้ว นิรุตติ์ คุณออกไปไม่ได้แล้ว”
“คุณไม่ต้องเตือนหรอก!” นิรุตติ์จ้องเธอด้วยดวงตาเหี้ยมเกรียม
นวิยาแบะปาก“ฉันว่าคุณใจร้อนเกินไป วันนี้คุณไม่ควรไปหาวารุณี ฉันรู้ว่าคุณอยากครอบครองเธอ แต่คุณวางแผนไม่รัดกุมเลย ตอนนี้เป็นไงล่ะ ไม่ได้ตัวมาแล้วยังกลายเป็นลูกไก่ในกำมือคนอื่นอีก ไร้น้ำยาจริงๆ”
“ผมไร้น้ำยา?”นิรุตติ์ฉุนเฉียว เอื้อมมือจับคอเธอเร็วดั่งสายฟ้าแลบ“คุณเก่งมาก ไม่เห็นคุณได้ตัวนัทธีเลย แล้วคุณอย่าลืมนะ ผมเป็นคนส่งคุณมาที่นี่ ตอนนี้คุณเป็นหมาตัวหนึ่งของผม เป็นหมาแล้วกล้าพูดอย่างนี้กับเจ้านาย คุณไม่กลัวผมจะบีบคอคุณหักเหรอ หา?