พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 109 ค่อนข้างมีอำนาจ
บทที่ 109 ค่อนข้างมีอำนาจ
ขอให้แค่พื้นที่ที่มีกล้องวงจร เนี่ยเฟิงล้วนทำได้หมด เนี่ยเฟิงคิดจะบุกเข้าได้หมด
ฟางหลงเทียนคนนี้มีโรคความสงสัยหนักมาก เป็นไปได้ยังไงที่บ้านเขาจะไม่มีกล้องวงจรล่ะ?
เนี่ยเฟิงดื่มนมสักคำหนึ่ง จากนั้นวางแก้วน้ำลง แล้วกดโทรศัพท์ด้วยความพึงพอใจ
“คนที่โทรคุยกับเขาเมื่อกี้นี้หาออกมาให้ได้”
แต่คาดไม่ถึงว่า ผ่านไปสักครู่หนึ่งคนของสำนักมังกรก็มาขอประทานโทษแล้ว
“ขอประทานโทษด้วย ราชามังกร เบอร์ของฝ่ายตรงข้ามได้ผ่านการจัดการโดยเฉพาะ เราใช้หลายวิธีในการแก้ ก็ไม่สามารถที่จะค้นพบชื่อโดเมนของอีกฝ่าย”
เนี่ยเฟิงขมวดคิ้ว”งั้นดูเหมือนว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่เก่งทีเดียว แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อรู้ว่าฟางหลงเทียนมีส่วนเกี่ยวข้องกับอีกฝ่าย งั้นเพียงต้องการกระทำต่อเขา ก็เพียงพอแล้ว”
เนื่องจากคดีเรื่องลักลอบนำเข้าจากท่าเรือที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ตัวเองทุกคนล้วนหวาดกลัว เพราะว่าฝั่งของจินไห่มีท่าเรือมากมาย คนที่ทำทำโรงงานผลิตเรือหรือที่ทำอุตสาหกรรมเกี่ยวกับเรือก็มากมายอยู่
พวกเขามักจะมีการลักลอบนำเข้าบางอย่าง
ตอนนี้ก็คือคนที่ลักลอบนำเข้าล้วนไม่กล้าขยับตัวแล้ว ห่วงว่าทางตำรวจจะตรวจถึงพวกเขา ไม่ว่ายังไงบ้านหลี่ก็เป็นบริษัทสาขาของฟางซื่อกรุ๊ป
แม้กระทั่งฟางซื่อกรุ๊ปยังมีส่วนร่วมเข้าไปเลย ยิ่งอย่าพูดถึงธุรกิจเล็กๆอย่างพวกเขา พวกเขาจะกล้าต่อต้านกับฟางซื่อกรุ๊ปได้ยังไงล่ะ?
โชคดีที่ฟางหลงเทียนได้ให้ธนาคารไป่ฮัวทำบัญชีปลอมให้เขาแต่แรก ตอนนี้เขาเพียงต้องอยู่เงียบๆ รอให้ช่วงเวลานี้มันผ่านไปก่อนก็พอ
แต่ว่าเงินที่เสียหายก้อนหนึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว พอนึกถึงว่าต้องขาดทุนหลายร้อยล้าน แม้กระทั่ง1000กว่าล้าน ฟางหลงเทียนก็รู้สึกไม่สบายใจยิ่ง
เขาเตือนให้ลูกชายตัวเอง ช่วงนี้อย่าแกว่งหญ้าให้งูตื่น
เพราะว่าฟางหลงเทียนจะดูว่า ตกลงใครทำพวกเขาอยู่
“เสี่ยวเฟิง โชคดีที่มีคุณ พวกเราได้คลี่คลายคดีลักลอบขนของบ้านหลี่ ตอนนี้ธุรกิจของพวกเขาถูกตรวจค้น คุณจะไปดูที่สำนักงานใหญ่ของพวกเขาพร้อมกับฉันไหม?”
เย่หรูเสว่เพิ่งกลับมาจากเมืองจินไห่แล้วก็พักผ่อนสักพักหนึ่ง หลังจากตื่นมาแล้ว เย่หรูเสว่ก็โทรไปหาเนี่ยเฟิง
“ได้สิ!พี่หก ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?ฉันจะรีบไปหาคุณ”
“ตอนนี้ฉันอยู่ที่สำนักงานใหญ่สถานีตำรวจ อยู่ที่ห้องทำงานที่คุณมาหาฉันในปกติ คุณมาถึงแล้วก็มาหาฉันโดยตรงเลย”
ตอนที่เนี่ยเฟิงมาถึงเห็นว่าเย่หรูเสว่กำลังกินข้าวกล่องอยู่ พูดกับเขาอย่างไม่ชัดเจน:
“เวลานี้คุณน่าจะยังไม่ได้กินข้าวเนอะ ฉันได้เรียกให้คุณอีกชุดหนึ่ง เรากินอิ่มแล้วค่อยไป”
เนี่ยเฟืองอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ยกถุงในมือขึ้นมา”เรานี่มีความเข้าใจโดยปริยายกันจริงๆ ฉันคิดว่าเวลานี้พี่หกน่าจะยังไม่ได้กินอะไร เลยซื้อเค้กของหวานหน่อยนึงมาให้”
“ไม่เป็นไร วันนี้ต้องทำงานหนักแน่นอน ดังนั้นต้องกินได้อิ่มแน่นอน เดี๋ยวฉันจะกินเค้กพวกนี้ลงไปหมด คุณก็รีบนั่งลงมากินกันเลย!”
เย่หรูเสว่ไม่ได้ลีลา เดิมทีนิสัยของเธอก็เป็นแบบตรงไปตรงมา
เนี่ยเฟิงเปิดข้าวกล่องออกมา นั่งอยู่ข้างๆเย่หรูเสว่ สอบถามสถานการณ์ของเมื่อวาน
“คืนเมื่อวานราบรื่นมาก ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกตัวไม่ทันเลย ถูกเราจับได้พอดี และหัวหน้าของอีกฝั่งก็ถูกเราจับตัวได้ แต่พวกเรารู้สึกว่านั่นเป็นเพียงแค่หัวหน้าเล็ก เบื้องหลังน่าจะยังมีเจ้านายใหญ่อีกคนหนึ่ง ไม่งั้นจะเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดหาสินค้ามากขนาดนั้นให้เขา เพื่อนร่วมงานของฉันกำลังสอบถามเขาอยู่ น่าจะไม่นานก็จะมีเบาะแส”
ระดับความเฉียบแหลมของเย่หรูเสว่ไม่แตกกับเนี่ยเฟิงเลย เพราะเธอยังไงก็เป็นตำรวจ ก็ต้องมีกำลังเช่นนี้อยู่แล้ว
“พี่หกเก่งจริงๆเลย ถ้าหากไม่ใช่ว่าพี่หกรู้สึกตัวได้เร็ว คงไม่สามารถจับกลุ่มคนพวกนี้เข้ามาหมดหรอก!”
เย่หรูเสว่กินข้าวช้อนหนึ่งอย่างจนปัญญา”พอเถอะ คุณก็อย่าประจบสอพลอฉันอีกเลย ในนี้ก็มีคุณูปการของคุณด้วย ถ้าเวลานั้นคุณรู้สึกว่าชอบอาชีพนี้ ฉันสามารถจัดตำแหน่งงานตำรวจช่วยให้คุณได้ แต่ว่าฉันไม่อยากให้คุณเป็นตำรวจ เพราะว่าตำรวจเหนื่อยและอันตรายมาก”
เนี่ยเฟิงยิ้มออกมา เขาส่ายหน้า พูดอย่างเป็นพลเมืองดี:
“นี่มีอะไรล่ะ นี่เป็นการบริการให้ประชาชน ถือเป็นเรื่องดี เอ๊ะ เมื่อวานพี่หกรับปากกับฉันเรื่องหนึ่ง……ลืมไปแล้วหรือ?”
เย่หรูเสว่อึ้งไปสักครั้งหนึ่ง ดวงตาที่สวยงามของเธอหมุน จากนั้นพูดด้วยความสงสัย:
“เมื่อวานฉันรับปากอะไรกับคุณ?เมื่อวานเราสองคนดำเนินงานอยู่ไม่ใช่หรือ?’
“ใช่ไง คุณบอกว่ารอให้เรื่องนี้จบสิ้น จะให้รางวัลฉัน……หรือว่าพี่หกลืมสิ่งนี้ไปแล้วหรือ?งั้นรางวัลของฉันก็ไม่มีแล้วใช่ไหม?”
เนี่ยเฟิงมองไปที่เย่หรูเสว่ด้วยความน่าสงสาร ก็เหมือนเด็กที่ถูกแย่งขนมไป สีหน้านั้นทำให้เย่หรูเสว่รับไม่ไหว
“คุณพูดถึงสิ่งนี้นี่เอง ขอโทษนะ พี่หกยุ่งงานจนลืมไป เสี่ยวเฟิงว่ามาสิ อยากได้รางวัลอะไร?”เย่หรูเสว่มองไปที่เนี่ยเฟิงด้วยความขอโทษ
มุมปากของเนี่ยเฟิงหงายขึ้นมาเล็กๆ”ในเมื่อเป็นรางวัล งั้นรางวัลอะไรล้วนได้หมดใช่ไหม ถ้าหากว่าใช่ งั้นฉันก็พูดแล้วนะ!”
“รางวัลอะไรล้วนได้หมด ขอให้แค่ฉันทำได้ แต่คุณอย่าทำให้ฉันต้องลำบากนะ ถ้าหากคุณให้ฉันซื้อรถมาเซราติเมื่อวาน แน่นอนว่าฉันไม่มีเงินให้คุณ”
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด เย่หรูเสว่รู้สึกว่าเนี่ยเฟิงเหมือนจะมาทำอะไรที่มันเลวๆ
“ฉันไม่ได้คิดจะเอารถ…อย่างนี้ละกัน พี่หกคุณจูบฉันครั้งหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นรางวัลให้ฉันแล้ว คุณว่ายังไง?คุ้มใช่ไหม?”
เนี่ยเฟืองพูดแล้วก็แตะไปที่ใบหน้าของตัวเอง หลังจากที่เย่หรูเสว่ฟังแล้ว ข้าวที่กินเข้าไปก็เกือบจะพ่นออกมา เธอไอเบาๆ จากนั้นจ้องไปที่เนี่ยเฟิงอย่างแรง
“ไอ้แกนี่นะ ไม่ว่าเมื่อไหร่ล้วนไม่ลืมเอาเปรียบพี่เนอะ!ฉันบอกกับคุณนะ เป็นไปไม่ได้ ไม่นั้นคุณให้ฉันซื้อรถคันหนึ่งให้คุณดีกว่าเลย!”
เมื่อเผชิญกับสายตาที่โหดเหี้ยมของเย่หรูเสว่ เนี่ยเฟิงก็หุบปากลงทันที
“พี่หกคุณโกหก พี่หกบอกว่าฉันเอาอะไรล้วนได้หมด ขอให้ไม่เกินไปก็พอ แต่นี่แค่เป็นการใช้ริมฝีปากโดยใบหน้าของฉันเบาๆเองคุณยังไม่ยอมเลย ดูเหมือนว่าพี่หกไม่ได้คิดจะให้รางวัลฉันเลย”
เนี่ยเฟิงพูดเสร็จก็วางตะเกียบลง ถอนหายใจออกมา คนที่เหลือก็อดไม่ได้ที่จะมองมาทางของเขา สมาชิกในทีมพวกเขารู้ว่าคนที่จัดการคดีความครั้งนี้ได้ไม่ใช่คนอื่น คือเนี่ยเฟิงนี่เอง
มีการช่วยเหลือจากเนี่ยเฟิง พวกเขาถึงสามารถควบคุมหลักฐานได้
และถ้าหากไม่มีเรือสิบลำที่เขาลืมมา อีกฝ่ายจะถูกหลอกง่ายๆได้ไงล่ะ?
เย่หรูเสว่เห็นว่าเพื่อนร่วมงานกำลังใช้สายตาที่ตำหนิมองมาที่เธอ ทำให้เธอรู้สึกเป็นภาระ
“รางวัลนี้เดี๋ยวอยู่ที่อื่นฉันค่อยให้คุณละกัน”เย่หรูเสว่ไอออกมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ หลังจากเนี่ยเฟิงฟังแล้วก็ดีใจใหญ่เลย
“ฉันรู้ว่าพี่หกรักฉันที่สุดแล้ว แต่เดี๋ยวคุณอย่ากลับคำนะ!”
“ฉันเหมือนคนที่พูดอย่างทำอย่างหรือ?คำพูดของคุณไม่น่าฟังเลยเนี่ย!”
เย่หรูเสว่จ้องดูเนี่ยเฟิงตาหนึ่ง”กินข้าวของคุณให้ดีสิ!”