พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 110 แผนการยั่วยุ
บทที่ 110 แผนการยั่วยุ
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ทุกคนก็นั่งพักผ่อนกันสักพักหนึ่ง เวลานี้เย่หรูเสว่รู้สึกแต่ว่ามีความกดดันใหญ่มาก เพราะเนี่ยเฟิงใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังมองไปที่เย่หรูเสว่
ขาดแต่เขียนตัวอักษร”ทำตามสัญญา”ไว้บนหน้าแล้ว
ในที่สุดเย่หรูเสว่ทนไม่ได้จริงๆ ดังนั้นเลยดึงเนี่ยเฟิงไปที่ห้องพักผ่อน
เย่หรูเสว่ไอออกมาเสียงหนึ่ง ซ่อนความเก้อเขินในใจ”คุณหลับตาลง”
เนี่ยเฟิงหลับตาลง
เย่หรูเสว่หายใจเข้าลึกๆ มองไปดูเนี่ยเฟิงที่หลับตาอยู่ต่อหน้า อารมณ์ของเธอค่อนข้างจะซับซ้อน
สิ่งสำคัญคือเนี่ยเฟิงไม่ค่อยเหมือนตอนเด็กแล้ว ไม่อย่างนั้นตอนแรกเธอจะไม่รู้จักเนี่ยเฟิงได้ยังไงล่ะ?
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง เนี่ยเฟิงรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองมีความนุ่มนวล เธอลืมตาขึ้นมาอย่างแรง จับตาที่ตะลีตะลานของเย่หรูเสว่ได้
เย่หรูเสว่รีบใช้หลังมือไปปิดริมฝีปากของตัวเองเอาไว้ ดวงตากระพริบอย่างแรง
“ฉันให้คุณหลับตาไม่ใช่หรือ?ทำไมคุณเจ้าเล่ห์เช่นนี้ล่ะ?”
“ฉันหลับตาแล้ว เมื่อกี้ฉันรู้สึกว่าใบหน้าค่อนข้างจะนุ่มนวล ฉันก็รู้สึกแปลกดี เลยคิดจะลืมตาดู ฉันก็ไม่มีวิธีนะ!”
เนี่ยเฟิงจับใบหน้าของตัวเอง และยิ้มไปพูดไป
คำพูดนี้ของเขา ทำให้เย่หรูเสว่โกรธมาก เย่หรูเสว่เคาะศีรษะของเนี่ยเฟิงอย่างแรง
“ไอ้แกนี่ กล้ามาบอกว่าพี่หกเป็นคนไม่รักษาคำพูด ถ้าไม่รักษาคำพูด ฉันจะปฏิบัติตามสัญญาหรือ?”
“พี่หกอย่าตีฉันอีกเลย ตีอีกฉันก็โง่ไปแล้ว!’
เนี่ยเฟิงถูกเย่หรูเสว่ไล่ตี พอดีในเวลานี้นอกประตูมีเสียงเคาะประตูส่งมา ทั้งสองคนถูกหยุดการกระทำลง เปิดประตูแล้วเห็นเพื่อนร่วมงานเย่หรูเสว่รู้สึกอับอายเล็กน้อย
“หัวหน้าเย่ ตอนนี้เราออกเดินทางได้หรือยัง?”
“ตอนนี้เราออกเดินทางได้แล้ว”เย่หรูเสว่พยักหน้า จากนั้นพาเนี่ยเฟิงสองคนนั่งรถจากไป ไม่นานก็มาถึงบริษัทของพวกฟางซื่อเหา
“ไอ้พวกนี้หลังจากที่แบ่งปันทรัพย์สินของตระกูลเนี่ยแล้ว ก็เจริญเติบโตขึ้นอย่างเร็ว ก็คือว่าฉันไม่มีความสามารถ ไม่สามารถป้องกันตระกูลเนี่ยได้…”เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ เย่หรูเสว่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
“พี่หกพูดอะไรเนี่ย อันนี้โทษคุณได้ยังไงล่ะ?คุณคิดดูสิ ตอนนั้นคุณแค่อายุเท่าไหร่เอง แม้ว่าจะปกป้องตระกูลเนี่ยก็ไม่มีปัญญาอยู่แล้ว”
แม้ว่าต่อมาพี่สาวหลายคนนี้ก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขามีความสามารถพอที่จะไปต่อต้านสี่ตระกูลตัวพ่อได้
“ฉันรู้ว่าช่วงหลายปีนี้ตระกูลของฟางซื่อเหาต้องทำธุรกิจที่ผิดกฎหมายแน่ๆ หลายปีนี้ฉันล้วนตรวจสอบอยู่ แต่ไม่ได้หลักฐานมาเลย”
อีกฝ่ายซ่อนตัวได้ดีเกิน แม้ว่าเธอพยายามไปตรวจสอบยังไง ยังคงจับผิดไม่ได้ซักกะอย่าง
“แต่ว่า สุดท้ายก็จับผิดพวกเขาได้”เย่หรูเสว่จัดเครื่องแบบตำรวจบนร่างของตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นเดินเข้าไปด้วยก้าวใหญ่ แม้ว่าบนร่างของเนี่ยเฟิงไม่ได้สวมเครื่องแบบตำรวจ แต่เขาก็ก้าวอย่างมั่นใจมากเช่นกัน
เนี่ยเฟิงรู้ว่าครั้งนี้พวกเขาจะต้องไม่ได้อะไรเลยแน่นอน เพราะว่าไอ้เจ้าเล่ห์นั้นวางแผนไว้ตั้งนานแล้ว
แต่ว่าไม่เป็นไร นี่ก็ถือว่าหักเหลี่ยมพวกเขาแล้ว
เมื่อนึกถึงลักษณะที่โกรธขรึมของจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวนั้น เนี่ยเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหงายมุมปากขึ้นมา
นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
อย่างที่คิด การมาถึงของตำรวจ ทำให้คนในฟางซื่อกรุ๊ปล้วนมีความตื่นตระหนก แต่ว่าคนที่รู้เหตุการณ์จริงในธุรกิจใหญ่นี้ก็มีแค่หลายคนเท่านั้น ไม่มีใครจะเอามาหาเรื่องใส่ตัวในเวลานี้หรอก
เย่หรูเสว่พาเพื่อนร่วมงานของตัวเองไปตรวจสอบตามอัธยาศัย
หลังจากที่ใกล้จะตรวจสอบเสร็จ คนพวกฟางซื่อเหาถึงปรากฏตัวออกมา
“คุณตำรวจ แม้ว่าบริษัทสาขาของเราเกิดคดีลักลอบนำเข้าที่รุนแรงเช่นนี้ แต่เรื่องนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกเราแม้แต่นิด เป็นยังไงบ้าง?ตรวจเสร็จแล้วใช่ไหม ตรวจเสร็จแล้วเชิญพวกคุณไปได้ครับ”
ฟางซื่อเหามองไปที่เนี่ยเฟิงและเย่หรูเสว่ด้วยความอวด
โชคดีที่เช้าวันนี้เขาได้สนทนากับพ่อมาก่อน รู้ว่าวันนี้ต้องมีคนมาตรวจสอบสำนักงานใหญ่ของพวกเขาแน่นอน
ฟางซื่อเหาได้เห็นคนที่คุ้นเคยสองคนนี้รู้สึกโมโหมาก ไอ้สองคนนี้ทำร้ายเรื่องดีๆของเขาไปมากมาย ตอนนี้เขาคิดขึ้นมาก็รู้สึกโกรธ แต่พ่อของฟางซื่อเหาเตือนเขาว่า อย่าก่อเรื่องในเวลานี้อีก ดังนั้นแม้ว่าเขาโมโหขนาดไหนก็ต้องกลืนเข้าท้องเอง
“สำนวนไทยที่ว่าเจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก บริษัทสาขายังเป็นเช่นนี้เลย สำนักงานใหญ่จะดีไปถึงไหนล่ะ ฉันว่าการประพฤติของคุณก็แย่แน่ๆเลย”เนี่ยเฟิงยิ้ม
เนี่ยเฟิงรู้อยู่แล้วว่าฟางซื่อเหาคนนี้ทนการยั่วยุไม่ได้ และเป็นเหมือนอย่างที่คิดจริงด้วย หลังจากเนี่ยเฟิงพูดออกมา ฟางซื่อเหาก็ทนต่อไม่ได้เลย
“เนี่ยเฟิง แกอย่านึกว่าฉันเกรงใจแกอยู่ แกก็สามารถมาพูดเพ้อเจ้อได้!”
“ฉันไม่ได้พูดเพ้อเจ้อ และคนที่โดนจับนั้นเป็นน้องชายไม่แท้ของคุณไม่ใช่หรือ?และอีกอย่าง ไม่มีทรัพยากรที่บริษัทพวกคุณให้ พวกเขาจะดำเนินการลักลอบนำเข้าที่ใหญ่ขนาดนี้ได้ยังไงล่ะ พวกคุณบอกว่าพวกคุณไม่รู้ ฉันไม่เชื่อหรอก”
“พวกคุณตำรวจเก่งจริงๆเนอะ กล่าวผิดเป็นถูกได้ ถ้าแกมาพูดเพ้อเจ้ออีก เชื่อไหมว่าฉันจะฟ้องคุณว่าใส่ร้ายคนอื่น!”
ฟางซื่อเหากัดฟันไว้ อยากจะบดขยี้กระดูกของเนี่ยเฟิง และยัดเข้าปาก!
“อะไรคือกล่าวถูกเป็นผิดล่ะ ฉันพูดความจริงหมดนะเนี่ย คุณโกรธขนาดนั้น เป็นเพราะว่าฉันพูดถึงเรื่องเจ็บใจของคุณใช่ไหม และอีกอย่างฉันก็ไม่ใช่ตำรวจ คุณจะฟ้องว่าฉันใส่ร้าย ก็ไปฟ้องสิครับ ฉันไม่กลัวหรอก”
“แก!”
เนี่ยเฟิงโกรธจนตัวสั่น”เนี่ยเฟิง แกก็แค่สามารถพูดได้แค่ในตอนนี้แหละ ฉันบอกแกนะ ฉันจะไม่ปล่อยแกแน่ๆ!”
“หุบปากเดี๋ยวนี้ แกนี่เป็นการขู่เขินนะ!”เมื่อกี้เย่หรูเสว่ก็ฟังอยู่ตลอด เมื่อได้ยินฟางซื่อเหาพูดแบบนี้ เย่หรูเสว่ก็รีบขัดจังหวะเขา ยับยั้งความคิดของเขา
ฟางซื่อเหารู้อยู่แล้วว่าอยากรู้ว่าเป็นพวกเดียวกับเนี่ยเฟิง พวกเขาสองพี่น้องก็คือจะเอาให้ฟางซื่อกรุ๊ปล่มจม
ถ้าหากไม่ใช่ว่าพ่อเขาบอกเขาว่าอย่าก่อเรื่องในเวลานี้ เขาจะสั่งให้คนต่อยจนไอ้เนี่ยเฟิงสลบไป
ไม่อย่างนั้นพวกเขาสองคนจะยังสามารถอวดในนี้ได้ยังไงล่ะ?
“ยังไม่พบสถานการณ์อะไรชั่วคราว แต่ฟังจากคำพูดของน้องชายคุณ เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องมากมายกับบ้านคุณ แม้เราไม่ได้พบอะไรแต่ว่ามีพยานอยู่ ดังนั้นพวกคุณยังต้องถูกเรียกตัวเช่นกัน”
พอเย่หรูเสว่พูดเสร็จก็เก็บของเตรียมจากไป แต่ฟางซื่อเหาไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง พูดอยู่ข้างๆว่า”พวกแกถือว่าเป็นแค่อะไรเนี่ย”
“ยังไง รู้สึกว่าไม่พอใจใช่ไหม แม้ว่าไม่พอใจคุณก็ต้องทนอยู่ บริษัทสาขาของพวกคุณเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น คุณยังคิดจะเอาตัวรอดได้อีก? ฝันไปเถอะ”
“เนี่ยเฟิง!ฉันทนแกมานานมากแล้วนะ พวกแกไม่มีหลักฐานก็มักตรวจสอบบริษัทของเรา นี่มาถึงขั้นความลับของบริษัทแล้ว แต่พวกแกยังหยิ่งขนาดนี้อีก!”
เวลานี้ ฟางซื่อเหาไม่สามารถบังคับอารมณ์ตัวเองได้อีกแล้ว ด่าอย่างรุนแรงออกมา
สิ่งที่เนี่ยเฟิงเอาก็คือประสิทธิภาพแบบนี้ เขายิ่งโกรธก็ยิ่งดี
“ฟางซื่อเหา บ้านคุณแย่งของๆคนอื่นไปเดิมทีก็ไม่ใช่คนดีอะไรเลย ยังไม่ให้คนอื่นพูดอีกหรือ?”
“ฉันแย่งของอะไรไป!”