พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 111 ติดเบ็ด
บทที่ 111 ติดเบ็ด
“พวกนายเป็นคนชิงอาหารทะเลแอนตาร์กติกาไปไม่ใช่เหรอ? ยังมีหน้ามาถามว่าขโมยอะไรไป ฉันว่ามันน่าขำจริงๆ”
พอฟางซื่อเหาได้ยินเนี่ยเฟิงพูดเช่นนี้ ก็อดขำไม่ได้ พูดขึ้นมาว่า
“ต่อให้พวกฉันฮุบไป แล้วยังไง? นายจะมีปัญญาอะไรเอากลับไปได้? คนที่ไร้ความสามารถก็ต้องถูกคนอื่นกลืนกิน นี่เป็นกฎธรรมชาติ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ปลาเล็กกินกุ้งฝอย ในเมื่อฝีมือตกต่ำถึงขีดสุด นายก็ควรยอมรับชะตากรรมซะ!”
ฟางซื่อเหารู้สึกสะใจขึ้นมา เมื่อเช้าพ่อของเขาเพิ่งจะเตือนว่าอย่าทำตัวความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก เพราะพ่อของเขายังไม่รู้ชัดว่าเนี่ยเฟิงเป็นใคร แล้วเขาเป็นคนวางแผนการทั้งหมดเหรอเปล่า?
ทว่าตอนนี้เห็นเนี่ยฟิงสะกดอารมณ์ไว้ไม่อยู่ เขาอาจจะสร้างภาพตบตาก็ได้ หรือไม่ก็อาจจะเป็นความบังเอิญ
“เสี่ยวเฟิง ไม่จำเป็นต้องพูดกับหมอนั่นให้มากความ”
“มันแน่อยู่แล้ว ก็พวกนายไม่มีหลักฐาน!”
“หลักฐานต้องมีแน่นอน อย่าคิดว่าเรื่องที่พวกนายทำจะปิดอยู่ไม่เล็ดลอด”
เนี่ยเฟิงทิ้งประโยคลึกซึ้งเอาไว้แล้วก็จากไปพร้อมกับเย่หรูเสว่ หลังจากฟางซื่อกรุปเดินออกไป เย่หรูเสว่ก็พูดอย่างเสียไม่ได้ว่า:
“ทำไมนายต้องไปยั่วยุฟางซื่อเหา? หมอนี่เป็นคนขี้โมโหอยู่แล้ว ฉันห่วงว่าเดี๋ยวเขาจะคิดร้ายกับนาย”
“งั้นก็ดี ถ้าเขากล้ามา พวกเราก็จับเขาไว้ แม้เขาจะงี่เง่า แต่พ่อของเขาไม่งี่เง่า พวกเขาสามารถเคลียร์ความสัมพันธ์กับบริษัทลูกได้ในระยะเวลาอันสั้น สมองอย่างฟางซื่อเหาคิดไม่ได้แน่นอน คนที่วางแผนอยู่เบื้องหลังต้องเป็นพ่อของเขาแน่”
เนี่ยเฟิงเผยยิ้ม “อีกอย่างเมื่อกี๊ที่ผมพูดกับเขาอย่างคนโง่ ก็เพื่อให้เขาเบาใจลง คนมั่นใจแบบตาบอดอย่างเขา ถึงเวลาต้องเผยไต๋ออกมาแน่”
ก็จริง เมื่อศัตรูเบาใจขึ้น ก็จะคลายความระวังลง
“แล้วนายคิดจะทำอย่างไร?”
เย่หรูเสว่ถามขึ้นมาอีก
“พี่หก พวกพี่ไม่รู้สึกแปลกบ้างเลยเหรอ? กิจการของเขาใหญ่โตขนาดนั้นมีทั้งบริษัทแม่กับบริษัทลูก แต่บริษัทลูกค้าของเถื่อนมาตั้งนาน น่าตกใจที่บัญชีของพวกเขายังคงสมดุลกัน อีกทั้งกระแสเงินทุนของพวกเขาก็ไม่มีปัญหาเลย…เป็นไปได้อย่างไร?”
เย่หรูเสว่ขมวดคิ้ว เงยหน้ามองดูเนี่ยเฟิง “ความหมายของนายคือมีคนชักใยอยู่เบื้องหลังเขา?”
“แน่นอนอยู่แล้ว บัญชีปลอมกันได้ แล้วกระแสเงินทุนล่ะ ธนาคารต้องเก็บสำเนาไว้แน่ แต่ตอนนี้พอนำมาเทียบกับธนาคาร พวกเราตรวจสอบบัญชีเขาแล้วไม่พบปัญหาอะไร นั่นก็เพราะธนาคารอาจจะสมรู้ร่วมคิดกับพวกเขา”
เย่หรูเสว่ลูบคาง รู้สึกว่าสิ่งที่เนี่ยเฟิงพูดมีเหตุผล เธอพยักหน้า
“เดี๋ยวฉันจะให้เพื่อนไปตรวจสอบกระแสเงินของธนาคาร แม้จะปลอมแปลง ก็ต้องมีช่องโหว่แน่”
เย่หรูเสว่พูดจบก็ตบที่หัวไหล่ของเนี่ยเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มว่า:
“นึกไม่ถึงว่าเสี่ยวเฟิงจะหัวไวอย่างนี้ แป๊บเดียวก็นึกถึงจุดสำคัญออก”
เนี่ยเฟิงหัวเราะ “ทั้งหมดเพราะพี่หกสั่งสอนมาดี ถ้าไม่เพราะพี่หกคอยให้ความช่วยเหลือ ผมจะรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?”
“นายอย่ามาประจบหน่อยเลย เห็นๆ อยู่ว่านายฉลาดของนายเอง พวกเรากลับไปโรงพักกันก่อนเถอะ ส่วนคดีค้าของเถื่อนรายใหญ่ ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ชัดเจน”
พวกเขากลับเข้าไปที่สถานีตำรวจ เนี่ยเฟิงไม่ใช่คนในสถานีตำรวจ ฉะนั้นทุกคนในโรงพักจึงงานยุ่งกัน มีเพียงเขาที่นั่งอยู่ข้างๆ ช่วยจัดแฟ้มคดีนิดหน่อย
งานยุ่งจนค่ำได้เวลาเตรียมกินข้าวแล้ว เย่หรูเสว่หาเนี่ยเฟิงไม่เจอ เห็นแต่กระดาษโน้ตที่เนี่ยเฟิงทิ้งไว้บนโต๊ะ
“พี่หก เพื่อนผมอยากพบผม ผมจัดแฟ้มคดีเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมขอตัวก่อนนะ”
เย่หรูเสว่หัวเราะส่ายหน้า เนี่ยเฟิงไม่ว่าอย่างไรก็ยังเป็นเด็ก ยังมีความชอบเที่ยวอยู่
ความจริงเนี่ยเฟิงไม่ได้ไปหาเพื่อน แต่ได้รับข้อความจากสำนักมังกร
พวกเขาสืบรู้ว่าฟางซื่อเหา กำลังอยู่กับพวกเพื่อนหมาๆ
และพวกเพื่อนหมาๆ ก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นพวกที่เกี่ยวข้องกับคดีค้าของเถื่อนพอดี
อาหารทะเลแอนตาร์กติกา เส้นทางเดินเรือที่ดีอย่างนี้ ทำไมพวกเขาจะไม่ใช้ประโยชน์ให้หนำใจ
บวกกับหลายปีมานี้ ฟางเทียนหลงค่อยๆ โยนกิจการให้ฟางซื่อเหา แล้วก็เกิดความคิดที่ไม่เหมาะกับพวกเพื่อนหมาๆ
พวกเขาใช้อาหารทะเลแอนตาร์กติกามาค้าสัตว์ป่า
แม้แต่ฟางเทียนหลงยังไม่กล้าทำอย่างนี้
นี่เป็นเบาะแสบางส่วนที่เนี่ยเฟิงสืบได้มาพร้อมกับคดีถ้าของเถื่อน ตอนนี้ทางตำรวจยังไม่มีข่าวคราวเรื่องนี้
ในห้องเหมาส่วนตัวของร้านอาหารเหอผิง ฟางซื่อเหายิ้มร่า มองดูพวกลูกค้าเก่าแก่ของเขา
“เดิมทีสินค้าล็อตนั้นต้องไม่ผิดพลาด แต่พวกนายก็รู้ว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้น ฉันเองก็จนปัญญา!”
“ต่อให้นายจนปัญญาก็ไม่ควรเอาสินค้าของเรามาล้อเล่นนะ นายไม่รู้เหรอว่าสินค้าล็อตนี้สำคัญต่อเรามากแค่ไหน?”
ลูกค้าเก่าแก่สองสามรายของฟางซื่อเหาต่างจ้องฟางซื่อเหาด้วยความไม่พอใจ
“หลายวันก่อนบริษัทลูกถูกตรวจสอบ พ่อฉันบอกให้หยุดไว้ก่อน สินค้าล็อตนั้นฉันเลยไม่กล้านำเข้า ถ้าฉันขนสินค้าล็อตนั้นเข้ามาไม่เท่ากับฉันเอาตัวเองไปติดร่างแหเหรอ พวกนายจะเห็นแก่ผลประโยชน์อย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ นี่ถ้าถูกอายัดขึ้นมา ต่อไปพวกเราจะหาเงินอย่างไร?”
ตระกูลฟางของพวกเขาติดสิบอันดับเศรษฐี คนที่ฟางซื่อเหารู้จักก็เลยเยอะขึ้น
อันที่จริงตอนแรกฟางซื่อเหาก็ไม่รู้จักใช้ประโยชน์จากอาหารทะเลแอนตาร์กติกา ก็เป็นพวกเพื่อนหมาๆ ที่ออกอุบายให้เขา บอกว่าค้าสัตว์ป่าสามารถหาเงินได้มากกว่านี้ อีกทั้งเขาสามารถเก็บเงินพวกนี้ไว้เองได้ด้วย
พ่อของฟางซื่อเหาเข้มงวดกับเขามาก ส่วนฟางซื่อเหาก็เป็นคนชอบความหรูหรา วันๆ ใช้เงินอย่างกับปล่อยน้ำไหล เงินที่พ่อเขาให้ไม่เคยจะพอ ดังนั้นฟางซื่อเหาจึงเกิดความคิดนี้ขึ้น
ที่ผ่านมาราบรื่นมาโดยตลอด แต่รอบนี้คดีเกี่ยวโยงหลายอย่าง แม้แต่ฟางซื่อเหาคนจองหองอย่างเขาก็ไม่กล้าวู่วาม กลัวว่าถึงเวลาเกิดปัญหาแล้วเขาจะแบกรับไม่ไหว
“แต่ฉันคุยกับผู้ซื้อทางนั้นไว้แล้ว ตอนนี้นายนำเข้าสินค้าตามตามกำหนดไม่ได้ นายรู้ไหมว่าฉันต้องสูญเงินเท่าไหร่?”
“นั่นน่ะสิ ความเสียหายจำนวนนี้นายแบกรับไหวเหรอ?”
ฟางซื่อเหาฟังพวกเขาเอะอะกันขึ้นมา มุมปากอดกระตุกไม่ได้ คนพวกนี้ต้องการให้เขาชดใช้ แต่เขาก็เป็นพ่อไก่เหล็กที่ไม่ยอมถอนขนแม้แต่เส้นเดียว มีแต่เอาเงินเข้ากระเป๋าไม่มีเอาออก
“งั้นฉันช่วยพวกนายหาทางก็แล้วกัน”
อยู่ๆ ก็มีเสียงเข้มทรงพลังดังแว่วขึ้นมา ทุกคนตกใจกับเสียงที่แปลกหู ต่างเมียงมองไปตามเสียงที่อยู่ในห้องเหมาส่วนตัว ไม่รู้ว่ามีคนเพิ่มมาอีกหนึ่งตั้งแต่เมื่อไหร่!
และคนผู้นี้ก็นั่งอยู่ในมุมห้อง กำลังใช้สายตาที่เหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มมองดูพวกเขา
คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือเนี่ยเฟิง!
ฟางซื่อเหาตกตะลึงไปชั่วขณะ หมอนี่มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่!