พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 115 แฟนหนุ่มของฉัน
บทที่ 115 แฟนหนุ่มของฉัน
โจวลี่ซือระเบิดอารมณ์ขึ้นมาชั่ววูบ แต่หมอนี่มีสัมพันธ์ที่ดีกับสายการบินจินไห่มานาน
โจวลี่ซือเผยยิ้มอย่างผอืดผะอมและไม่ให้เสียมารยาท “คุณซ่าวคะ นี่เขาเรียกว่าอย่าข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า ฉันไม่รู้สึกอะไรกับคุณ ฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เราจะคบกัน”
ซ่าวเจ๋ฟังแล้วก็รีบเดินรุดหน้าไปขวางโจวลี่ซือไว้ แล้วคว้ามือที่โจวลี่ซือถือกระเป๋า “ผมก็บอกแล้วไง ว่าเราลองดูก่อนกันได้ คุณยังไม่ทันลองเลยจะรู้ได้อย่างไรว่าผมน่าสนใจเหรอเปล่า? อีกอย่างผมสามารถพาคุณออกงานเลี้ยงสังคมชั้นสูงงานไหนก็ได้ การได้รู้จักคนจำนวนมาก ย่อมดีกว่าการขลุกอยู่ในสายการบินจินไห่ไม่ใช่เหรอ?”
สิ่งที่โจวลี่ซือเกลียดที่สุดก็คือการต้องเจอกับแขกที่ขวางโลกพูดจาไม่มีเหตุผล ซ่าวเจ๋ไม่ใช่คนเมืองจินไห่ ครอบครัวเขาเป็นตระกูลที่มีฐานะจริงๆ อีกทั้งเส้นสายก็มาก แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ โจวลี่ซือก็ไม่ชอบเขา
ขณะที่โจวลี่ซือกำลังคิดว่าจะสลัดซ่าวเจ๋ออกไปอย่างไร เธอก็เห็นเนี่ยเฟิงที่ยืนอยู่ที่ปากประตู
ดวงตาทั้งคู่ของโจวลี่ซือเป็นประกายขึ้นมารีบพุ่งไปหาทันที กอดแขนข้างหนึ่งของเนี่ยเฟิงไว้ จากนั้นก็พูดจาออดอ้อนว่า: “ที่รัก คุณมาได้อย่างไร? เป็นห่วงฉันใช่ไหม ก็เลยมารับฉันกลับ?”
เนี่ยเฟิงรู้สึกตัวชาขึ้นมา พี่ห้าของเขาเป็นผู้หญิงที่ร่าเริง ปกติก็เป็นคนไม่เวิ่นเว้อ แล้วก็ถือความเห็นของตนเป็นใหญ่ เมื่อเทียบกับความดุเดือดของพี่หก พี่ห้ายังมีความละเมียดและอ่อนโยนกว่า
แต่โจวลี่ซือไม่เคยออดอ้อนเช่นนี้กับเขามาก่อน ความรู้สึกเช่นนี้ช่างแปลกจริงๆ
ซ่าวเจ๋ก็หน้าดำคร่ำเครียดในพริบตา เขารู้สึกว่าตัวเองถูกหักหลัง อดชี้นิ้วมาที่เนี่ยเฟิงไม่ได้ “ไหนเธอบอกว่าเธอไม่มีแฟนหนุ่มไง? อีกอย่างสายการบินพวกเธอห้ามมีแฟนไม่ใช่เหรอ!”
“ขอร้องล่ะ คุณซ่าว นี่มันสมัยไหนกันแล้ว? หรือถ้าสายการบินไม่ให้นายแต่ง นายก็จะไม่แต่งตลอดไปเหรอ อีกอย่างนี่ไม่ใช่เป็นกฎเหล็ก เรื่องนี้เป็นกฎอ่อน ที่สายการบินเราพูดถึงคือการห้ามคบหากับลูกค้า คนผู้นี้ไม่ใช่ลูกค้าเสียหน่อย”
โจวลี่ซือยักไหล่ “อีกอย่าง สายการบินของเราต้องให้เกียรติลูกค้า ฉะนั้นเพื่อศักดิ์ศรีของนาย ฉันเลยไม่พูดออกมา”
ซ่าวเจ๋รีบเขม่นไปที่เนี่ยเฟิง “เจ้าหน้าทะเล้นนี่มันดีกว่าผมตรงไหน ดูแต่งตัวใช้ของตามแผงลอย! น่าเกลียดอย่างกับอะไรดี! ดูปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าเป็นผู้ชายเกาะผู้หญิงไม่มีเงินต้องให้คุณเลี้ยง คนอย่างนี้ คุณยังจะอยู่กับเขาอีกเหรอ?”
ของรักที่สุดของโจวลี่ซือก็คือน้องชายคนนี้ พอได้ยินคนสบประมาทของชายเธอเช่นนี้ ก็ไม่แคร์อะไรอีกแล้ว เอามือเท้าสะเอวด่าขึ้นมาว่า “คุณมีสิทธิ์์อะไรมาด่าเสี่ยวเฟิง? ฉันจะอยู่กับใครมันก็เรื่องของฉัน แล้วฉันก็เคยบอกแล้วว่า เราสองคนไม่เหมาะสมกัน ที่ฉันชอบก็คือแบบนี้! ตอนนี้เราอาจจะจนไปหน่อย แต่ชีวิตมันต้องดีขึ้นแน่นอน ใช่ไหม เสี่ยวเฟิง?”
เนี่ยเฟิงพยักหน้า “อืม ห้า……ซือซือพูดถูก เขาเป็นแฟนสาวผม ฉะนั้นต่อไปคุณอย่ามาลวนลามเธออีก”
เดิมทีเนี่ยเฟิงเคยชินที่จะพูดออกมาว่าพี่ห้า ว่าแต่ดีที่เขามีไหวพริบเปลี่ยนคำพูดทัน
เมื่อครู่ตอนที่โจวลี่ซือได้ยินเนี่ยเฟิงพูดคำว่า “ห้า” ออกมา ใจก็หล่นไปที่ตาตุ่มแล้ว
ซ่าวเจ๋กัดฟันกรามกรอดๆ มองเนี่ยเฟิงเจ้าหน้าทะเล้นอย่างไรก็ไม่เข้าตา “ในเมื่อคุณมีแฟนด้าน เช่นนั้นเราก็มาแข่งกันอย่างยุติธรรม!”
โจวลี่ซือถูกซ่าวเจ๋ทำให้สะดุ้ง เธอรู้ว่าคุณชายเพลย์บอยอย่างซ่าวเจ๋ที่จริงแค่อยากอวดแสดงเพียงชั่วคราวเท่านั้น อีกทั้งเนื่องจากโจวลี่ซือไม่ยอมตกลงคำขอของซ่าวเจ๋ จึงปลุกความมุ่งมั่นของซ่าวเจ๋ขึ้นมา ให้ตามตื๊อเธอไม่ปล่อย
อีกอย่างต่อให้โจวลี่ซือคบกับซ่าวเจ๋ ซ่าวเจ๋ก็ไม่มีทางยอมให้เธอเข้าประตูบ้านตระกูลซ่าวแน่
โจวลี่ซือเป็นผู้ช่วยนักบิน ไม่เหมือนกับแอร์โฮสเตสพวกนั้น เธอรู้ดีว่าพวกเศรษฐีรุ่น 2 ส่วนใหญ่มีแต่พวกเพลย์บอย
ตอนนั้นซ่าวเจ๋ก็เดิมพันกับพรรคพวกของตัวเองไว้ ว่าจะให้ได้ตัวโจวลี่ซือภายในวันเดียว ดังนั้นจึงได้เพียรพยายามเช่นนี้
แต่โจวลี่ซือก็สลัดซ่าวเจ๋ออก ไม่ว่าซ่าวเจ๋จะซื้อดอกไม้ให้เธอเท่าไหร่ ซื้อของแบรนด์เนมมามากแค่ไหน ส่งช่อดอกไม้มากี่ช่อ โจวลี่ซือก็มีเพียงแค่ 2 คำคือ “ไม่ได้”
ซ่าวเจ๋ถูกบรรดาพรรคพวกหัวเราะเยาะใส่ บอกเขาว่าแค่ผู้ช่วยนักบินตัวเล็กๆ คนหนึ่งก็จับไม่อยู่ แล้วเขาจะยอมได้อย่างไร? ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องกู้หน้าครั้งนี้ให้ได้
โจวลี่ซือไม่คิดที่จะทำให้ตัวเองเป็นที่ผ่อนคลายชาหลังอาหารของพวกเศรษฐีรุ่นที่2 ดังนั้นโจวลี่ซื่อจึงไม่คิดที่จะสนใจซ่าวเจ๋
เพียงแต่ซ่าวเจ๋ก็เหมือนครีมหนังวัว ติดอยู่บนตัวสลัดไม่ออก!
วันนี้โจวลี่ซือบินกลับมาเมืองจินไห่แล้ว ประจวบกับที่บัตรประจำตัวตกอยู่ในบ้านของชิวมู่เฉิง ฉะนั้นนึงทำให้ชิวมู่เฉิงต้องส่งบัตรประจำตัวมาที่นี่
ที่น่ายินดีก็คือ คนที่วิ่งเต้นให้คือเนี่ยเฟิง ไม่เช่นนั้นโจวลี่ซือก็ไม่รู้จะปลีกตัวอย่างไร
“ผมเป็นแฟนหนุ่มของเธอ และไม่จำเป็นต้องไปหาเพิ่มอีกคน”
เนี่ยเฟิงมองหมอนี่ด้วยความเย็นชา คนที่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง
“เหอะๆ! นายเป็นแฟนหนุ่มแบบไหนกัน? นายให้อะไรซือซือได้? ให้ของแพงเขาได้เหรอ?”
ซ่าวเจ๋แสยะยิ้มมองดูเนี่ยเฟิง
“เรื่องนี้คุณไม่ต้องยุ่ง คุณซ่าว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ขอตัวก่อน ไปเถอะเสี่ยวเฟิง”
โจวลี่ซือไม่คิดจะพัวพันกับซ่าวเจ๋ เธอดึงเนี่ยเฟิงไว้ แล้วก็จากไปอย่างหวานชื่น
“เดี๋ยวก่อน ผมยังพูดไม่จบเลย พวกคุณคิดจะไปไหน?”
ซ่าวเจ๋พูดจบก็ยื่นมือออกมา จะคว้าโจวลี่ซือไว้
แต่มือของเขายังไม่ทันแตะถูกโจวลี่ซือ ก็ถูกเนี่ยเฟิงคว้าเอาไว้
“อ๊าก!”
ซ่าวเจ๋เจ็บจนปากฉีก!
เนี่ยเฟิงออกแรงแค่นิดเดียว “ฉันขอเตือนนาย อย่าแตะต้องซือซืออีก และอย่ามาเกาะแกะเธอ ไม่งั้นฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่”
เนี่ยเฟิงปล่อยมือด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก ซ่าวเจ๋เจ็บจนกุมมือเอาไว้ ร้องลั่นไม่หยุด
โจวลี่ซืออดคิ้วขมวดไม่ได้ ทว่าก็ไม่ได้เอ่ยอะไร ทั้งสองคนเดินผ่านช่องพนักงานออกมาข้างนอก แล้วโจวลี่ซือจึงเอ่ยขึ้นว่า “เมื่อกี๊นายบิดมือเขาหักเลยเหรอ?”
“เปล่า อย่างไรเขาก็เป็นลูกค้าของพี่ ผมไม่ทำให้พี่เสียหน้าอยู่แล้ว ผมแค่สั่งสอนเขาเล็กน้อยเท่านั้นเอง แม้แต่กระดูกก็ไม่ได้ร้าวเลย”
โจวลี่ซือจึงได้โล่งใจ “อย่าไปล่วงเกินหมอนั่น เขารู้จักประธานกรรมการของพวกฉัน เกิดเขาไปพูดอะไรกับประธานกรรมการขึ้นมา ฉันคงต้องตกงานแน่”
เนี่ยเฟิงพยักหน้าในฉับพลัน “ผมก็ว่า จากนิสัยของพี่ห้าไม่น่าจะยอมให้ใครมากระโดดไปมาต่อหน้าตัวเอง”
โจวลี่ซืออดหัวเราะไม่ได้ “นั่นสิ หมอนั่นทำฉันรำคาญจะแย่แล้ว ทุกครั้งที่เห็นเขาก็รู้สึกอดโมโหไม่ได้จริงๆ นายรู้ไหม? ที่เขาตามจีบฉันก็ไม่ใช่เพราะชอบฉัน แค่เพื่อเดิมพันแก้เซ็งเท่านั้น”
โจวลี่ซือเหลือกตาขาว “อีกอย่างหมอนี่ก็ไม่ใช่สเป็คที่ฉันชอบ!”
“แล้วพี่ห้าชอบแบบไหนเหรอ?”