พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 116 วิญญาณไม่สลาย
บทที่ 116 วิญญาณไม่สลาย
โจวลี่ซือลูบคางสักพัก จากนั้นก็ดีดนิ้วดังเปาะ “แน่นอนก็ต้องชอบแบบเสี่ยวเฟิงอย่างนี้สิ! เชื่อฟัง พี่ห้าชอบที่สุดเลย!”
โจวลี่ซือพูดเสร็จก็อดยื่นมือไปหยิกใบหน้ารูปไข่ของเนี่ยเฟิงไม่ได้ สมัยเด็กเธอชอบทำแบบนี้ที่สุด เพราะสมัยเด็กเนี่ยเฟิงหน้าตาเหมือนหยกแกะสลัก น่ารับจริงๆ
ทว่าพอเนี่ยเฟิงโตขึ้น เห็นได้ชัดว่าไม่มีรสสัมผัสเช่นนี้อีกแล้ว โจวลี่ซืออดถอนใจไม่ได้
“พี่ห้า ขึ้นรถก่อนค่อยว่ากันเถอะ!”
เนี่ยเฟิงพาโจวลี่ซือขึ้นรถไป
หลังจากรถขับออกไป เนี่ยเฟิงจึงถามขึ้นว่า: “ผมนึกว่าวันนี้พี่จะงานยุ่งเสียอีก นึกไม่ถึงว่าจะเลิกงานแล้ว?”
“อย่าพูดถึงเลย วันนี้เดิมทีต้องบินอีกที่ แต่นึกไม่ถึงว่าหมอนี่จะไปขอประธานกรรมการให้ฉันหยุด ฉันล่ะนึกไม่ถึงจริงๆ มันน่าโมโหนัก!”
โจวลี่ซือทุบกระจกรถด้วยความโกรธ
“พี่ห้าอย่าโกรธเลย อย่าออกแรงเยอะอย่างนั้น เดี๋ยวกระจกรถจะแตก รถคันนี้เป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของพี่ใหญ่เขานะ”
โจวลี่ซือละอายเก็บมือเข้ามา “โธ่เอ๊ย รำคาญใจจริงๆ! หมอนี่ทำไมพูดแล้วไม่รู้เรื่องนะ ฉันก็บอกแล้วว่าไม่อยากคบกับเขา แล้วก็บอกไปแล้วว่าฉันมีแฟนหนุ่มแล้ว แต่เขาก็ยังเหมือนครีมหนังวัว เช็ดยังไงก็เช็ดไม่ออก!”
“ถ้าไงให้ผมไปสั่งสอนแทนพี่ก็แล้วกัน?”
โจวลี่ซือรีบส่ายหน้า “ช่างเถอะๆ ไว้เดี๋ยวฉันค่อยคิดหาทาง ว่าแต่ต่อไปนายต้องเป็นเป้ากันลูกดอกให้ฉันแล้ว”
เนี่ยเฟิงฉีกปากยิ้ม “เป็นเป้ากันลูกดอก…งั้นพี่ห้าต้องให้น้ำใจผมสักหน่อยไหม?”
“ดีนะ นายตัวแสบ ได้เวลาตอบแทนพี่ห้าแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะเรียกเอารางวัลกับพี่ห้า?”
โจวลี่ซือยิ้มเยาะยกกำปั้นขึ้น “ระวังพี่จะต่อยเข้าให้!”
“พี่ห้าทำไม่ลงหรอก ผมรู้” เนี่ยเฟิงทำท่าได้ใจ “จริงสิพี่ห้า นี่เป็นบัตรประจำตัวที่พี่ใหญ่ให้เอามาให้ วันนี้ที่บ้านไม่มีใครอยู่ ถ้าไงเราไปกินข้าวกันดีไหม?”
“ได้ งั้นเราก็ไปกินข้าวกันเถอะ นายเพิ่งกลับมาไม่นาน ในที่แปลกตาแบบนี้……อืม งั้นเราไปกินชาบูกัน! ฉันกำลังหงุดหงิดอยู่พอดี กินชาบูจะได้ผ่อนคลายขึ้น!”
“ตามพี่ห้าทุกอย่างครับ”
พี่ห้าเป็นคนสวยมาก ดวงตาแอลมอน จมูกเป็นสัน ปากกระจับ แล้วผิวก็ขาวเหมือนดั่งหยก
เวลาเธอไม่ยิ้มก็เหมือนยิ้ม ดูมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เป็นสไตล์ที่คนทุกเพศทุกวัยชอบ
เวลาเธอยิ้มขึ้นมาก็มีลักยิ้ม ช่างน่ารักมากทีเดียวเลย
โจวลี่ซือวางแผนการเดินทางเสร็จ ก็สั่งให้เนี่ยเฟิงขับตรงไป
เธอถอดชุดทำงานออก เผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตที่อยู่ข้างใน รูปลักษณ์ที่ดูเข้มงวดลดลงไปถนัด
“นายช่วยงานน้องหกอยู่ไม่ใช่เหรอ? ทำวันนี้ถึงว่าง?”
“ทางพี่หกงานยุ่งมาก เลยให้ผมกลับมาพักก่อน”
“งานทางน้องหกต้องตรากตรำจริงๆ นายมาเป็นสจ๊วตที่นี่กับพี่ดีกว่า ใบหน้าอย่างนายมาเป็นสจ๊วตไม่มีปัญหาแน่นอน! ไว้ถึงเวลาพี่จะพูดกับทางเจ้านายเอง นายก็บินกับฉัน ถ้าชอบแอร์โฮสเตสคนไหนเข้าก็บอกกับพี่ ไว้พี่จะเป็นแม่สื่อแม่ชักให้!”
เนี่ยเฟิงฉีกยิ้ม “ผมชอบพี่ห้าเข้าจะทำอย่างไรดี?”
“ก็ได้ งั้นพี่ก็จะแต่งกับนาย”
โจวลี่ซือพยักหน้า “เดี๋ยวรีบเอาทะเบียนบ้านของนายออกมา แล้วเราสองคนก็ไปจดทะเบียนกันเลย!”
เนี่ยเฟิงถูกแหย่คนหัวเราะออกมา “จริงเหรอเปล่าเนี่ย?”
“แน่นอนสิ แต่พี่ขอบอกเธอไว้ก่อน พี่ชอบกินแต่ขี้เกียจทำ ไม่อยากจะทำงานบ้านเลยสักนิด แล้วเดี๋ยวน่ะ นายต้องหาแม่บ้าน 1 รปภ.2ให้พี่ กับบัตรเครดิตที่รูดไม่มีวันหมดให้พี่ 1 ใบ นี่คือมาตรฐานคู่ของพี่”
“ต้องขนาดนี้เลยเหรอ?”
“แน่นอนสิ เมื่อกี๊หมอนั่นก็พูดอย่างนี้กับพี่ ดูสิพี่สาวนายราคาดีใช่ไหมล่ะ?”
“พี่ห้าดูมีราคาดีจริงๆ หน้าตาก็สวย นิสัยก็ดี ใครไม่ชอบก็แปลกแล้วล่ะ!”
โจวลี่ซือก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง “มัวพูดความจริงอะไรอยู่ นายน่าจะเลือกชมสิ่งที่คนอื่นไม่ได้ชมฉันสิ”
เนี่ยเฟิงชอบนิสัยโจวลี่ซือมาก ร่าเริง เถรตรง แล้วยังทำให้คนรู้สึกสบายใจ ได้อยู่กับเธอเหมือนได้อาบแดดในฤดูหนาว อบอุ่นเสียจริงๆ
แป๊บเดียวรถก็มาถึงร้านชาบูที่โจวลี่ซือพูดถึง
“ร้านชาบูนี้จองที่ยากมาก เรียกได้ว่าเป็นเครื่องบินขับไล่ร้านชาบูอื่นเลยก็ว่าได้ คราวก่อนพี่กับเพื่อนร่วมงานมากันที่นี่ อะไรๆ ก็ดี เสียแค่แพงไปหน่อย ว่าแต่ของดีก็คู่กับราคาแพง ไปเถอะ!”
เนี่ยเฟิงจอดรถเสร็จก็ขึ้นไปชั้นบนกับโจวลี่ซือ พวกเขา2คนขอนั่งบนดาดฟ้า
โจวลี่ซือสั่งน้ำซุปกับผักอย่างช่ำชอง “เสี่ยวเฟิง หมู่นี้นายก็ไปบ้านพี่สาวแต่ละคนไม่น้อย นายคิดว่างานไหนเหมาะกับนายเหรอ?”
“ตอนนี้ยังไม่รู้สึกอะไรมาก ที่ชอบเป็นพิเศษก็ยังหาไม่เจอ”
“เสี่ยวเฟิงก็ค่อยๆ ดูไป การทำงานต้องเลือกในสิ่งที่ตัวเองชอบ ไม่งั้นทำนานเข้าจะรู้สึกเหนื่อยล้า ว่าแต่ไม่ว่างานอะไรก็ล้วนต้องทำเพื่อเงินทั้งนั้น ถ้าไงเอาอย่างนี้สิ ไม่ต้องทำแล้ว พี่กับพี่สี่จะเลี้ยงนายเอง”
เงินเดือนโจวลี่ซือตอนนี้หลักล้าน จะใครสักคนนั้นเหลือเฟือ
“พี่ห้าจะเหมือนพี่สี่ได้อย่างไร จะว่าไป ตอนนี้ผมก็เป็นแฟนหนุ่มของพี่ไม่ใช่เหรอ? ถ้าผมให้พี่เลี้ยงจริงๆ จะไม่กลายเป็นเกาะผู้หญิงเหรอ?”
“เฮ้อ… แล้วเกาะผู้หญิงไม่ดีตรงไหนเหรอ? อีกอย่าง เดิมทีเสี่ยวเฟิงของเราก็ใช้หน้าตาหากินได้! จะเกาะผู้หญิงสักหน่อยก็ไม่ใช่เป็นปัญหานี่!”
โจวลี่ซือพยักหน้าอย่างจริงจัง
อยู่ๆ เนี่ยเฟิงก็อดขำน้ำตาไหลไม่ได้ บรรดาพี่สาวของเขามุ่งมั่นที่จะเลี้ยงดูเขาจริงๆ
“ต่อให้หางานที่เหมาะสมไม่ได้ ผมก็ทำการค้าของตัวเองได้นะ”
“เสี่ยวเฟิงช่างมีปณิธานจริงๆ! มีความคิดที่จะก้าวหน้า พี่ปลื้มใจนายจริงๆ!” คำพูดนี้ออกมาจากใจของโจวลี่ซือ ในสายตาของบรรดาพี่สาวมีเลนส์ฟิลเตอร์คอยกรอง ไม่ว่าเนี่ยเฟิงทำอะไรก็ถูกไปหมด ทำอะไรก็ยอดเยี่ยมไปหมด
“ไอ้ตัวแสบ! อย่าคิดว่าหลบกันมาที่นี่แล้วจะรอดพ้นจากฉันนะ!”
เสียงของซ่าวเจ๋ดังขึ้นมาในฉับพลัน เนี่ยเฟิงกับโจวลี่ซือทั้งสองคนมองไปยังที่มาของเสียง โจวลี่ซืออดมองบนไม่ได้ ทำไมวิญญาณหมอนี่ไม่สลายไปซะนะ ตามมาที่นี่จนได้!
“ซ่าวเจ๋ เมื่อกี๊ที่สนามบินฉันก็พูดกับคุณอย่างชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ? ฉันบอกแล้วไงว่าฉันมีแฟนหนุ่มแล้ว ช่วยอย่ามาเกาะแกะฉันอีกเลย!”
ซ่าวเจ๋มองดูโจวลี่ซือ รู้สึกอับอายจนโกรธ “ผมตามจีบคุณมาตั้งนาน เสียเงินเสียงแรงไปตั้งมาก ตอนนี้คุณกลับมาบอกผมว่าคุณมีแฟนหนุ่มแล้ว! อย่างนี้ไม่เรียกว่าปั่นหัวผมเหรอ?”
โจวลี่ซือขำขึ้นมาในทันที “ถ้าอย่างนั้นคุณซ่าว ฉันได้ขอให้คุณมาเสียเงินกับเสียงแรงกับฉันหรือเปล่า? อีกอย่างตอนแรกที่คุณสนใจฉัน ฉันก็บอกคุณแล้วว่า ฉันไม่คบกับคุณหรอก! ทั้งหมดคุณเป็นคนคิดไปฝ่ายเดียวเอง หรือจะให้ฉันฉีกหน้าคุณเหรอ?”
ซ่าวเจ๋โกรธจนคลุ้มคลั่ง “คุณกับไอ้หมอนี่ไม่ได้คบกันจริงสินะ? คุณแค่จะหาเป้าไว้กันลูกดอก!