พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 120 สมคบกัน
บทที่ 120 สมคบกัน
“ฉโนดตอนนี้กำลังดำเนินการอยู่ ยังไม่แทงออกมา แต่ระบบของพวกคุณน่าจะตรวจได้ ที่ดินผืนนี้เป็นของน้องชายฉันเนี่ยเฟิง”
ตอนนั้นฟางซื่อเหากับพวกบุกรุกที่ดินบ้านต้นตระกูลผืนนี้ คนในเมืองจินไห่ทั้งเมืองต่างทำเป็นหลับหูหลับตากัน
การเป็นถึงสี่ตัวพ่อ และสี่ตัวพ่อก็ต้องการของของตระกูลเนี่ยเป็นหลัก ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญจริงๆ
เหตุที่ชิวมู่เฉิงตกปากรับคำแต่งงานกับตระกูลฟาง นอกจากโอนเอนตามความประสงค์ของคุณนายใหญ่ชิวแล้ว ยังมีอีกข้อ นั่นก็คือเพื่อกิจการของตระกูลเนี่ย
ตอนนั้นชิวมู่เฉิงรู้เรื่องที่อีกฝ่ายรื้อบ้านอาศัยกับการก่อสร้างอาคารฟางเจิ้ง แต่เวลานั้นเธอยังไม่มีอำนาจมากพอ ดังนั้นชิวมู่เฉิงจึงไม่สามารถลุกขึ้นสู้ได้
ทางเดียวที่ชิวมู่เฉิงนึกออกก็คือแต่งงานกับฟางซื่อเหา เช่นนั้นเธอก็สามารถสอบถามกิจการในมือของฟางซื่อเหาได้ ถึงเวลานั้นจะได้เอาที่ดินผืนนี้กลับคืนมา
เพียงแต่ยังไม่ทันทำตามแผนการ
นึกไม่ถึง ผ่านไปหลายปีแล้ว เนี่ยเฟิงที่ต้องตายในทะเล นึกไม่ถึงว่าจะมีชีวิตรอดกลับมา
เนี่ยเฟิงเห็นบ้านต้นตระกูลถูกเกลี่ยราบเป็นหน้ากลอง ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แล้วจะปล่อยฟางซื่อเหาไปได้อย่างไร?
ฉะนั้นอาคารฟางเจิ้งถูกทำลาย เนี่ยเฟิงก็ต้องเอาบ้านต้นตระกูลกลับคืนมา
ปัจจุบัน ชิวมู่เฉิงยังคงดำเนินการตามแผนที่วางไว้ในแบบแปลน ในปีนี้จะต้องสร้างบ้านต้นตระกูลให้มีโฉมหน้าเหมือนในอดีตขึ้นมาอีกครั้งให้ได้
แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีคนจากกรมที่ดินมาตรวจสอบ แต่ชิวมู่เฉิงได้ไปยื่นเรื่องทำฉโนดไว้แต่เนิ่นๆ แล้ว ว่าตามหลักแล้วฉโนดน่าจะออกมาในสองสามวันนี้แล้วถึงจะถูก แต่ชิวมู่เฉิงก็ยังไม่ได้ข่าวเลย
“ในมือพวกคุณไม่มีฉโนด แล้วยังดำเนินการพัฒนาที่ดินผืนนี้ได้อย่างไร? หรือพวกคุณไม่รู้ว่าต้องมีฉโนดก่อนถึงจะพัฒนาได้?”
แม้ว่าหัวหน้าจะจมอยู่ในความสวยของชิวมู่เฉิง แต่เขาก็รู้ตัวว่าวันนี้แท้ที่จริงตัวเองมาเพื่ออะไร เขารับเงินมาจากคนอื่น แน่นอนต้องทำงานให้คนอื่นสำเร็จ ต่อให้ตรงหน้าเขาเป็นนางสวรรค์ เขาก็จะหวั่นไหวไม่ได้
“ถึงจะไม่มีฉโนด แล้วเรามีใบรับรองชั่วคราว”
ในเมื่อจะก่อสร้างแล้วแน่นอนชิวมู่เฉิงก็ต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม เพราะชิวมู่เฉิงเป็นคนทำอะไรที่ค่อนข้างรอบคอบอยู่แล้ว
“เสี่ยวหลิว เอาใบรับรองชั่วคราวออกมา ให้ท่านผู้นำเหล่านี้ดู”
ชิวมู่เฉิงส่งสายตาไปยังเลขาฯ เลขาฯ พยักหน้า รีบเอาแฟ้มเอกสารออกมา
“เชิญผู้นำทุกท่านดู นี่เป็นใบรับรองชั่วคราวที่บริษัทของเราได้มา หนังสือรับรองฉบับนี้รับรองว่าเรามีสิทธิ์์ในการพัฒนาที่ดินบนถนนเหมยหยวนนี้ เราได้รับความยินยอมจากเจ้าของที่ดิน ได้รับสิทธิ์์ในการพัฒนาถึงได้ลงมือก่อสร้าง”
หัวหน้าชำเลืองดูแวบหนึ่ง แล้วก็หัวเราะขึ้นมาว่า “ผมไม่รู้ว่าใบรับรองนี้ใครเป็นคนออกให้พวกคุณ แต่อย่างนี้มันก็ตลกเกินไปแล้วล่ะ เพราะเจ้าของที่ดินผืนนี้ไม่ได้แซ่เนี่ยเลย! พวกคุณทำการละเมิดที่ดินของผู้อื่น แล้วยังใช้วิธีตบตาเลี่ยงการตรวจสอบ?”
ชิวมู่เฉิงคิ้วขมวด เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้มีความไม่ชอบมาพากล ตอนนี้ดูท่าทางแล้วก็เป็นเช่นนี้จริงๆ
“หัวหน้า คุณบอกว่าที่ดินผืนนี้ไม่ใช่ของน้องชายฉัน แล้วเป็นของใครกัน? แล้วในมือเขามีฉโนดหรือเปล่า?”
“แน่นอนที่ดินผืนนี้เป็นของผม ตอนนั้นพวกคุณระเบิดอาคารฟางเจิ้งที่ผมลำบากลำบนก่อสร้างขึ้นมา จากนั้นก็เข้ายึดรังยึดที่ดินบนถนนเหมยหยวนผืนนี้ ก่อนหน้าผมเป็นผู้ใหญ่ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกคุณ แต่ตอนนี้ผมไม่อดกลั้นฝืนทนต่อไปแล้ว”
มีเสียงเสียงหนึ่งลอยเข้ามา เนี่ยเฟิงกับชิวมู่เฉิงมองตามเสียงนั้นไป ก็เห็นรถหรูคันหนึ่งจอดอยู่ข้างไซด์งาน มีชายสวมสูทสีขาวก้าวลงมาจากรถ แต่งตัวอย่างพิถีพิถัน ทรงผมก็หวีเรียบเป็นเงา ดูแล้วมีสง่าราศี
คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือฟางเทียนหลง
ท่าทีฟางเทียนหลงดูแล้วไม่เหมือนว่าลูกชายของเขาติดคุกอยู่ ไม่มีความเศร้าแม้แต่น้อย แต่กลับดูได้ใจ เข้าถึงภาษิตที่ว่าคางคกขึ้นวอสี่คำนี้อย่างถึงแก่นแท้
ฟางเทียนหลงเดินตรงมาข้างหน้า มือข้างหนึ่งจับมือของหัวหน้าไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“หัวหน้าจ้าว งานยุ่งมากมายยังต้องให้คุณมาวิ่งเต้น ต้องขอโทษคุณด้วยจริงๆ แต่ผมจะให้ที่ดินของตัวเองถูกโจรปล้นไปดื้อๆ ไม่ได้หรอก คนพวกนี้คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของที่ดินไปแล้วจริงๆ!”
เนี่ยเฟิงแบะมุมปาก ดูท่าทางฟางเทียนหลงมีความมั่นใจ น่าจะมีคนหนุนอยู่เบื้องหลัง
เนี่ยเฟิงนึกถึงเรื่องที่ถูกตามฆ่าเมื่อคืน เช้ามาวันนี้ก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ดูท่าทางทั้งหมดนี้ถูกวางแผนเอาไว้แล้ว
“เรื่องนี้แน่นอน กรมที่ดินของเราต้องปกป้องทรัพย์สินที่ดินของประชาชนให้ปลอดภัยอย่างสุดความสามารถ ฉะนั้นเราจะไม่ให้เรื่องผิดกฎหมายเกิดขึ้น และจะไม่ยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด”
หัวหน้าจ้าวพยักหน้าทำอย่างกับเป็นเรื่องใหญ่ ดูแล้วเหมือนเป็นผู้ผดุงคุณธรรม
“ฟางเทียนหลง ใครให้คุณบังอาจบอกว่าที่ดินผืนนี้เป็นของคุณ?”
ชิวมู่เฉิงมองฟางเทียนหลงอย่างไม่พอใจ นึกไม่ถึงว่าฟางเทียนหลงจะไม่มีความเกรงกลัวเลย แล้วยังนำฉโนดที่ดินออกมาจากกระเป๋า “ดูนี่ผมต่างหากที่เป็นผู้ถือสิทธิ์์ที่ดินผืนนี้ พวกคุณบอกว่ากำลังยื่นเรื่องทำฉโนดอยู่ เห็นทีฉโนดของพวกคุณคงทำออกมาไม่ได้แล้วล่ะ”
ชิวมู่เฉิงเหลือตาทั้งคู่ลง “ฟางเทียนหลง คุณช่างต่ำช้าไร้ยางอายที่สุด! ทั้งที่ของสิ่งนี้ไม่ใช่ของของตัวเอง! ฉโนดในมือของคุณได้มาอย่างไร? ฉันว่าคุณรู้ดีแก่ใจ!”
ฟางเทียนหลงส่ายหน้าอย่างได้ใจ เห็นสองพี่น้องถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้ก็รู้สึกสะใจขึ้นมา ในเวลานี้ลูกชายเขายังลำบากอยู่ในคุกอยู่เลย พอเขานึกถึงเรื่องนี้ ก็รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมา
“แน่นอนผมก็ต้องได้มาด้วยวิธีถูกกฎหมาย ไม่อย่างนั้นล่ะ คุณคิดว่าผมได้ที่ดินผืนนี้มาอย่างไรเหรอ? หรือใช้วิธีปล้นอย่างพวกคุณบังคับซื้อขายกัน? ผมไม่ใช่คนแบบนี้เสียหน่อย”
ใบหน้าของฟางเทียนหลงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ชิวมู่เฉิงรู้ว่าพวกเขากับหัวหน้าเจ้าน่าจะสมคบคิดกัน ถึงได้มาตรวจที่ดินบนถนนเหมยหยวน
“สรุปคือขณะที่ที่ดินผืนนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบผู้ถือสิทธิ์์อย่างชัดเจน พวกคุณจะก่อสร้างไม่ได้ มีเรื่องอะไรให้ส่งมอบหลักฐานก่อนแล้วค่อยๆ พูดคุยกันละกัน”
หัวหน้าจ้าวพูดเสร็จ ก็ยกมือปัดไปมาอย่างรำคาญ พาทีมงานทั้งหมดกลับไปยังทางเดิม ส่วนฟางเทียนหลงยังคงยืนยิ้มอย่างเยือกเย็นอยู่ที่เดิม
“อย่าคิดว่าส่งลูกชายผมเข้าตะรางได้ก็จะจับจุดอ่อนผมได้ ผมจะบอกอะไรให้ นี่เพิ่งจะเริ่ม ผมจะไม่ปล่อยพวกคุณไปเด็ดขาด คอยดูเถอะ!”
ฟางเทียนหลงจุดบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งมวน หัวเราะฮ่าๆ แล้วก็ขึ้นรถไป
“ไอ้หมอนี่จะบังอาจเกินไปแล้ว ผมจะไปจัดการมัน” เนี่ยเฟิงพูดพลางกำกำปั้น แต่ถูกชิวมู่เฉิงขวางเอาไว้
“หัวหน้าจ้าวกับเขาเป็นพวกเดียวกัน ต่อให้ตอนนี้นายไปสั่งสอนฟางเทียนหลง ฟางเทียนหลงก็ต้องรู้จักพูด ฉันจะไปกรมที่ดินสักหน่อย เรามีใบอนุญาตชั่วคราวอยู่ในมือ ฉโนดในมือของเขา ไม่น่าจะใช่ของจริง”
ชิวมู่งเฉิงรู้สึกกลัดกลุ้มจนกดที่ขมับของตัวเอง “เสี่ยวเฟิง ขอโทษด้วยจริงๆ ที่ทำให้นายต้องมาดูเรื่องตลก”