พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 129 เปลือยกายสิ
บทที่ 129 เปลือยกายสิ
“นี่นายใช้วิธีอะไรกันแน่!หัวข้อนี้แทบจะไม่มีใครสามารถทำได้เลยนะ!”
ในตอนนี้ซ่าวเจ๋รู้สึกอับอายจนโมโห เขารู้สึกว่ามันต้องเป็นแบบนี้แน่นอน
“นายซ่าว นายทำแบบนี้มันน่าขายหน้ามากเลยนะ เห็นๆอยู่ว่านายแพ้แล้ว แต่นายไม่ยอมรับเนี่ยนะ?”
โจวลี่ซือเป็นผู้ช่วยนักบิน แน่นอนว่าเธอต้องเคยเห็นหัวข้อสอบแบบนี้มาก่อนอยู่แล้ว นี่มันยากมากจริงๆ
ในสถานการณ์ที่ต้องลงจอดในขณะที่น้ำมันเชื้อเพลิงจะหมด เครื่องบินไม่สามารถบินขึ้นได้ ต่อให้ลงจอด ด้านล่างก็เป็นเทือกเขา ไม่สามารถเอาเครื่องลงจอดได้
ทั้งสองข้างกว้างเกินไป เครื่องบินไม่สามารถวนได้ แล้วเครื่องก็จะตกเนื่องจากไม่มีน้ำมัน
สมัยก่อนโจวลี่ซือคิดอยู่นานสองนาน แล้วก็ทำเครื่องบินตกในห้องจำลองอยู่หลายครั้ง ก็ยังไม่สามารถจากไปอย่างราบรื่นได้สักที
ครูก็เคยบอกไว้แล้วว่าหัวข้อสอบนี้ ไม่มีทักษะอะไร นอกจากต้องบินผ่านช่องเขา ไม่อย่างนั้นเครื่องบินก็จะตก
ในความเป็นจริง หัวข้อสอบนี้นำมาจากทางการทหาร คนที่ขับเครื่องบินพลเรือนแบบพวกเขา แทบจะไม่มีใครสามารถสอบผ่านข้อสอบนี้ไปได้เลย
ด้วยเหตุนี้ทำให้พวกคนที่เข้าสอบของการบินพลเรือนเรียกหัวข้อสอบนี้ว่า หัวข้อหักคะแนนแห่งความตาย
ดังนั้นจึงยังเก็บหัวข้อสอบนี้ไว้ ตอนแรกไว้เตือนเหล่าบรรดาผู้เข้าสอบว่าอย่าอาศัยโชคลอย ต้องมีการคิดกรองไว้ล่วงหน้า ตัดสินใจให้ถูกต้องและแม่นยำ
เพราะว่าถ้าเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นมาจริงๆ ก็จะไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีกแล้ว
แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีคนสอบผ่านจริงๆ แถมเนี่ยเฟิงยังดูผ่อนคลายอีกด้วย ทำได้ยังไงกัน?
“พวกคุณยังเห็นไม่ชัดใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวผมสอบให้พวกคุณดูอีกรอบก็แล้วกัน”
เนี่ยเฟิงพูดจบ ก็เลือกสอบอีกรอบ
ในตอนนี้ ผู้คนต่างกลั้นหายใจ ถึงขนาดที่มีคนหยิบมือถือออกมาถ่ายวิดีโอ
พวกเขาอยากรู้ว่าเนี่ยเฟิงบังคับยังไง ถึงได้ขับผ่านช่องเขาแห่งความตายได้อย่างราบรื่นแบบนั้น!
เนี่ยเฟิงทำการควบคุมเกียร์อย่างมีระเบียบไม่วุ่นวาย ตอนที่เข้าใกล้เทือกเขา ตัวเครื่องของเขาเอียงประมาณร้อยแปดสิบองศา
เครื่องบินขับผ่านไปอย่างนิ่งๆ บินลอดผ่านช่องเขาที่แคบขนาดนั้นไป
เนี่ยเฟิงลงจอดลงบนพื้นอย่างนิ่งสงบอีกครั้ง
หลังจากขับเสร็จแล้ว เนี่ยเฟิงก็ลงมาจากห้องจำลอง ผู้คนต่างพากันตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
พวกเขากลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก ไม่รู้ว่าเนี่ยเฟิงทำได้ยังไง
แม้ว่าพวกเขาจะถ่ายวิดีโอแล้ว แต่นี่มันก็ยังน่าเหลือเชื่ออยู่ดี!
เนี่ยเฟิงยิ้มๆ“ยังไง?”
ซ่าวเจ๋จึงหันสายตากลับมา“นาย!นายทำได้ยังไงกัน!”
“แน่นอนว่าฉันสุดยอดกว่านายน่ะสิ”
ตอนที่เขาขับเครื่องบินรบ เคยขับลอดผ่านช่องเขาที่โหดร้ายอันตรายกว่านี้อีก เผชิญกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันมามากกว่านี้ไม่รู้ตั้งเท่าไร
แต่เขาก็สามารถบังคับควบคุมให้พ้นจากอันตรายกลับมาสู่สภาวะปกติปลอดภัยได้
ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นระหว่างบิน ถ้าอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
ดังนั้น เนี่ยเฟิงต้องปกป้องตัวเอง แล้วก็ต้องปกป้องเครื่องบินรบด้วยเช่นกัน
โจวลี่ซือรู้สึกสงสัยอย่างช่วยไม่ได้ การปฏิบัติเมื่อตะกี้ของเนี่ยเฟิงลื่นไหลสุดๆ
แต่ทำไมเนี่ยเฟิงถึงไม่เคยบอกเธอเลยว่าตัวเองขับเครื่องบินเป็น?
โจวลี่ซือยิ่งรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น เธออยากรู้ว่าช่วงหลายปีที่เนี่ยเฟิงหายตัวไป เขาเจอกับอะไรมาบ้าง
“ซ่าวเจ๋ ถ้าเดิมพันแล้วก็ต้องยอมรับการพ่ายแพ้ ถึงเวลาที่นายต้องเปลือยกายต่อสาธารณะแล้วใช่ไหม?”
จู่ๆสีหน้าของซ่าวเจ๋ก็แดงขึ้นมา เขาไม่คาดคิดว่าตัวเองจะพ่ายแพ้!
“เนี่ยเฟิง!”
ซ่าวเจ๋กัดฟันกรอดๆ แทบจะกลืนกินเนี่ยเฟิงที่อยู่ตรงหน้านี้ลงไปในท้องให้รู้แล้วรู้รอด!
“ว่าไง แต่เรียกฉันก็ไม่มีประโยชน์ ฉันไม่มีทางยอมถอยแน่นอน นายต้องแก้ผ้าต่อหน้าสาธารณะ”
“นี่นาย!”
“ทั้งสองคน ล้อเล่นกันแรงเกินไปแล้วไหมครับ? เอางี้พวกเราจับมือสงบศึกกันดีกว่าเนอะ!แก้ผ้าต่อหน้าสาธารณะมันดูถูกกันเกินไปแล้ว”
ไมค์รีบเข้ามาไกล่เกลี่ยสถานการณ์ทันที
“มันดูถูกกันตรงไหน? ถ้าแก้ผ้าในที่สาธารณะเป็นการดูถูก แล้วคลานเข่าร้องเห่าเสียงหมามันไม่เป็นการดูถูกคนหรือไง?”
โจวลี่ซือรีบลุกขึ้นมาทันที มองไมค์กับซ่าวเจ๋อย่างไม่สบอารมณ์สุดๆ
“พวกนายทีเล่นทีจริง ถ้าเมื่อตะกี้เสี่ยวเฟิงไม่ได้ชนะซ่าวเจ๋ ซ่าวเจ๋จะต้องให้เสี่ยวเฟิงคุกเข่าแน่นอน แล้วคุณจะบอกว่าให้จับมือสงบศึกกันเหมือนตะกี้ไหม?”
โจวลี่ซือปกป้องเนี่ยเฟิง“ในเมื่อเขากล้าเดิมพัน ก็มีความมั่นใจกับตัวเองหน่อยสิ ถ้าไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้ ก็ควรจะใจกล้าถึงจะถูก ไม่กล้าแก้ผ้าต่อที่สาธารณะหรือไง?”
คำพูดนี้ของโจวลี่ซือกระตุ้นอารมณ์ของซ่าวเจ๋ ซ่าวเจ๋รู้สึกอับอาย ดวงตามากมายขนาดนั้นกำลังจับจ้องเขาอยู่
ซ่าวเจ๋กัดริมฝีปาก“นี่พวกคุณ!พวกคุณ!”
“ไม่ต้องมาพวกคุณพวกเราแล้ว แพ้ก็คือแพ้”
เนี่ยเฟิงยิ้มเบาๆ“อย่าทำตัวขายขี้หน้าต่อหน้าคนสิ”
ซ่าวเจ๋กำหมัดแน่น เขาจะเสียหน้าไม่ได้!
“ถ้านายไม่กล้าถอด งั้นให้ฉันช่วยนายก็ได้นะ”เนี่ยเฟิงสายตาแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน
“ใครบอดว่าฉันไม่กล้า!หุบปากเหม็นๆของนายไปซะ!”
ซ่าวเจ๋ถอดเสื้อผ้าออกอย่างลุกลี้ลุกลน สุดท้ายเหลือเพียงแค่กางเกงในตัวเดียว
ซ่าวเจ๋ที่ร่างกายผอมแห้งเป็นไก่ต้มแทบจะเทียบไม่ได้กับเนี่ยเฟิง
ซ่าวเจ๋เป็นคนที่ชอบสำมะเลเทเมา เขาแทบจะฟิตร่างกายไม่เป็นเลยสักนิด
“ฉันว่านายน่าจะยังไม่เข้าใจคำว่าเปลือยกายหมายความว่ายังไงสินะ”
เนี่ยเฟิงชี้ไปที่กางเกงของซ่าวเจ๋ “นี่มันก็เป็นชิ้นผ้าไม่ใช่หรือไง?”
“เนี่ยเฟิง นายอย่ารังแกคนให้มันมากนักนะ!”
เนี่ยเฟิงยกไหล่“ฉันรังแกนายตรงไหน? นายเป็นคนพูดเองทั้งนั้น ฉันไม่ได้มีเจตนาจะบังคับนายนะ”
ซ่าวเจ๋โกรธสุดๆ เขาไม่อยากถูกคนอื่นดูถูก เขาแค่รู้สึกว่ามันน่าอัปยศอดสูอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่ก็ถอดกางเกงออกอยู่ดี
โจวลี่ซือรีบเมินหน้าหนีไปทางอื่นทันที ของสกปรกแบบนี้เธอไม่อยากจะดูเลยสักนิด!
“เนี่ยเฟิง!โจวลี่ซือ!พวกนายจำไว้นะ!ฉันไม่มีทางปล่อยพวกนายไปแน่นอน!”
ซ่าวเจ๋วิ่งกอดเสื้อผ้าออกมา
“พวกคุณ เอ้อ!ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน แยกย้ายได้!”
ถึงจะพูดยังไงซ่าวเจ๋ก็เป็นเพื่อนสนิทของไมค์ บวกกับที่บ้านของซ่าวเจ๋มีฐานะอีก เขาไม่มีทางทำให้ซ่าวเจ๋ต้องขุ่นเคืองใจแน่นอน
ดังนั้นไมค์จึงรีบตามไปทันที
หลังจากกลับมาถึงโรงแรม โจวลี่ซือก็พูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีสุดๆ“สุดยอดมากๆ!นายดูสิ!หมอนี่ติดเทรนด์ค้นหายอดนิยมแล้วล่ะ!”
แม้ว่าวิดีโอจะมีการเซนเซอร์ แต่ก็เป็นที่สนใจของพวกชาวเน็ตอย่างไม่หยุดหย่อน
“เขาสมควรโดนแล้ว”
เนี่ยเฟิงยิ้มปากกว้าง
“ก็ใช่!เขาประเมินค่าเสี่ยวเฟิงของพวกเราต่ำเกินไป!เขาอาจจะโกรธสุดๆแล้วก็ได้ นายไม่รู้ พ่อของเขาเป็นคนที่มีหน้ามีตามาก ถ้าเห็นสภาพแบบนี้ของลูกตัวเอง จะต้องรู้สึกอับอายขายขี้หน้าแน่ๆ”
โจวลี่ซือไม่ได้มองต่อ“แต่น่าเสียดาย เพราะว่าเขามาสร้างความวุ่นวาย การฝึกอบรมในวันนี้ก็เลยล้มเหลวไปซะอย่างนั้น”
“ผมรู้สึกว่าเนื้อหาที่ฝึกอบรมของคนคนนั้นก็แค่นั้นแหละ ถ้าพี่ห้าอยากได้เนื้อหามีสาระ ผมสามารถให้พี่ได้”
โจวลี่ซือขมวดคิ้ว สองตาเปล่งประกายคู่นั้นมองสำรวจเนี่ยเฟิง“เมื่อตะกี้ฉันยังไม่ได้ถามนายเลย ทำไมนายไม่บอกฉันว่านายขับเครื่องบินเป็น?”
“ผมแค่รู้สึกว่านี่มันก็ไม่ได้น่าโอ้อวดเท่าไร ก็เลยไม่ได้พูดออกมา”
“ก็ใช่ เสี่ยวเฟิงของพวกเราไม่ได้ขี้อวด ไม่เหมือนกับคนบางประเภท เอาแต่โอ้อวดตัวเองไปทุกที่ แกว่งเท้าหาเสี้ยนเข้าซะได้เป็นไงล่ะ!”
โจวลี่ซือก็รู้สึกสะใจอยู่เหมือนกัน“แต่เมื่อตะกี้ฉันเห็นนายปฏิบัติได้อย่างไหลลื่นมาก แม้แต่ช่องเขาแห่งความตายก็ยังผ่านลอดไปได้ ทำได้ยังไงกัน?”
“หัวข้อนั้น ผมเคยทำมาหลายร้อยรอบแล้ว ตอนแรกก็ทำได้ไม่ดี ต่อมาก็ค่อยๆดีขึ้นเอง”