พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 13 มาหาถึงที่
บทที่ 13 มาหาถึงที่
“ไม่มีอะไร แผลพวกนี้ล้วนเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว”
เนี่ยเฟิงใส่ชุด “ไอ อย่าบอกว่า ชุดนี้ที่พี่หกเลือกมายังดูดี”
ถึงแม้ว่าที่เนี่ยเฟิงพูดครั้งนี้คือต้องการที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา แต่ทว่าพี่สาวทั้งสามมองพวกรอยแผลที่โหดร้ายทารุณนี้ก็สามารถดูออกได้ว่าเนี่ยเฟิงไม่ได้ใช้ชีวิตตามที่ใจอยากอย่างแน่นอน
“เอาละ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ทานเสร็จก็ควรไปอาบน้ำนอนได้แล้ว”
ชิวมู่เฉิงตบที่บ่าของเนี่ยเฟิง เนี่ยเฟิงพยักหน้ายิ้มว่า: “ผมรู้แล้ว ผมจะนอนอย่างดี!”
จะว่าไปแล้วความรู้สึกพวกนี้ก็มหัศจรรย์มาก เนี่ยเฟิงจำไม่ได้แล้วว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีคนมาคอยเป็นห่วงเป็นใย อารมณ์ความรู้สึกที่บริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ใดๆนี้ ทำให้เนี่ยเฟิงถอนหายใจไม่หยุด
“คิดไม่ถึงว่าเพียงพริบตาเดียว เสี่ยวเฟิงก็โตขึ้นมากแล้ว ตอนที่ยังเด็กเสี่ยวเฟิงแม้จะเข้าห้องน้ำยังต้องให้พี่ตามไปส่ง ยังบอกว่าตัวเองกลัวความมืด!”
คางเมิ่งอดไม่ได้ที่จะผิวปาก เมื่อนึกถึงเรื่องตอนที่ยังเด็กนั้น
ในตอนนั้นเนี่ยเฟิงขี้กลัวมาก แถมยังชอบหวังพึ่งพี่สาวทั้งเจ็ดคนอีกด้วย ในวันธรรมดา เนี่ยเฟิงก็ยังคงเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่าของพวกเธอ คางเมิ่งนึกถึงเนี่ยเฟิงในตอนเด็ก แล้วดูเนี่ยเฟิงในตอนนี้ เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนโดยแท้
ตอนเด็กนุ่มๆนิ่มๆ น่ารักเหมือนกับก้อนหิมะน้ำแข็ง ตอนนี้กลับโตเป็นผู้ชายเต็มตัวแล้ว
“พี่เจ็ด นั่นมันก็เป็นเรื่องก่อนหน้าที่นานเท่าไหร่แล้วนะ? ผมจำได้ว่าตอนพี่เด็กๆจะต้องนอนกอดผม ใครกันแน่ที่ขี้กลัว? ไม่งั้นวันนี้ผมกอดพี่เจ็ดนอน?”
ใบหน้าของคางเมิ่ง “ฉ่า” แดงขึ้นมา
“พูดบ้าอะไรนะ ตอนนี้นายนะโตเป็นผู้ชายแล้ว โตแล้วห้ามพูดอะไรเหลวไหลอีก ถ้าไปพูดกับผู้หญิงคนอื่นแบบนี้ละก็ ผู้หญิงคนนั้นจะต้องตีนายแน่!”
ถึงแม้ว่าจะพูดออกไปอย่างนั้น แต่ในใจคางเมิ่งนั้นกลับคาดหวังอยู่เล็กๆ
ตอนกลางคืน เนี่ยเฟิงนอนหลับสบาย
ตั้งแต่ที่เขาจากบ้านเกิดและคนในครอบครัวมา ไม่มีเลยสักวันที่เขาจะนอนหลับอย่างรู้สึกปลอดภัย เขามักนอนกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ตลอด ร่างกายตื่นตัวเป็นอย่างมาก บางครั้งแค่ลมพัดใบไม้ขยับก็จะตื่นทันที
แต่ว่าในตอนนี้เนี่ยเฟิงสามารถนอนหลับได้อย่างสบาย อย่างไรเสียก็กลับมาสู่สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ยังมีพี่สาวอีกตั้งหลายคนที่คอยปกป้องดูแล
วันที่สอง เนี่ยเฟิงตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น หลังจากที่ล้างหน้าบ้วนปากลงตึกมา ก็เห็นมีอาหารมื้อเช้าวางอยู่เต็มโต๊ะ
“ที่วางอยู่บนโต๊ะมีแต่ของที่นายชอบ ลองชิมดู”
แม้ชิวมู่เฉิงจะเป็นคนเย็นชาดูแล้วไม่น่าคบค้าสมาคมด้วย แต่ฝีมือด้านการทำอาหารนั้นยอดเยี่ยม เธอตั้งใจอย่างมากในการทำโจ๊กหมูเนื้อแดงให้เนี่ยเฟิง
เนี่ยเฟิงดมกลิ่นรสชาติ จนเคลิ้มแล้วบอกว่า “หอมมาก! อาหารเช้าที่พี่ใหญ่ทำอร่อยที่สุดแล้ว!”
“อีกเดี๋ยวพี่ยังต้องออกไปบริษัทสักรอบ เนื่องจากเมื่อวานนี้นายออกไป
วุ่นวายที่ข้างนอก พอดีวันนี้น้องเจ็ดมีเวลาว่าง วันนี้ก็ให้น้องเจ็ดอยู่เพื่อนแล้วกัน”
เนี่ยเฟิงกะพริบตา เดิมทีวันนี้เขาวางแผนว่าจะไปโรงพยาบาลเยี่ยมเนี่ยเหล่าสี่ ดูท่าแล้วคงต้องสายหน่อยถึงจะไปได้
“พี่ใหญ่ ผมก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ผมรู้หนักเบา” เนี่ยเฟิงกะพริบตา เดิมก็คิดจะขอให้ชิวมู่เฉิงยอมให้เขาออกไปข้างนอกคนเดียว
แต่ทว่ายังพูดได้ไม่ทันจบ ก็ถูกเย่หรูเสว่ที่กำลังลงมาขัดซะก่อน
“ถ้านายไม่ใช่เด็กจะออกไปวุ่นวายได้ยังไง?”
“พี่หก คำพูดพี่ก็ไม่ถูกแล้ว ผมก็แค่ออกไปทำความคุ้นเคยกับสถานการณ์ มีตรงไหนที่วิ่งวุ่น?”
เย่หรูเสว่ส่งเสียงเชอะออกมา “ไม่อนุญาตให้เถียง มีแต่เด็กเท่านั้นแหละที่มักจะออกไปวิ่งเล่น พี่จะบอกอะไรนายให้นะ ทางพี่นะสามารถสืบไปตามตัวประสานใหญ่ๆของมอนิเตอร์ควบคุมได้ พี่จะคอยจับตาดูนาย”
ฉับพลันเนี่ยเฟิงก็เหมือนลูกบอลที่ถูกปล่อยลม “งั้นก็ได้ วันนี้ผมก็อยู่บ้านวันนึง พักผ่อนกายใจ”
พวกพี่สาวล้วนพยักหน้าพอใจ
หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จ ชิวมู่เฉิงกับเย่หรูเสว่ก็ออกไปจากคฤหาสน์
ในตอนนี้คางเมิ่งที่อยู่ในชุดนอนสีชมพูกำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟา
เนี่ยเฟิงเห็นดังนั้น ก็รีบเข้าไปใกล้ ชิดข้างหูของคางเมิ่งพูดว่า: “ พี่เจ็ด พี่กำลังดูอะไรอยู่หรือ?”
คางเมิ่งตกใจ หลังจากที่ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเนี่ยเฟิงที่ข้างหูดังขึ้นโดยฉับพลัน คางเมิ่งรู้สึกขนลุก
สมควรตาย เนี่ยเฟิงคนนี้โตขึ้นแล้วแม้แต่เสียงก็เปลี่ยนไป เสียงเปลี่ยนไปเป็นทุ่มต่ำแถมยังดึงดูด แทบจะขานรับประโยคนั้นทันทีอย่างง่ายๆเลย –ฟังแล้วหูยังกับว่าจะท้องได้
“ทำอะไรนะ!”
คางเมิ่งปิดใบหูที่ร้อนๆของตัวเอง สายตาก็เปลี่ยนเป็นลุกลี้ลุกลน
เนี่ยเฟิงที่น่าสงสารเป็นอย่างยิ่งกล่าวว่า: “ผมก็อยากดูว่าพี่ทำอะไรอยู่ ดุผมทำไมเนี่ย? ตอนเด็กๆพี่เจ็ดก็คอยปกป้องผมอยู่ชัดๆ”
“เหอะ! นั่นมันก็เป็นเรื่องสมัยเด็กแล้ว อย่าโวยวาย บนรถไฟวันนั้นที่ถูกนายก่อกวน แฟนคลับพวกนั้นบางส่วนล้วนออกจากการเป็นแฟนคลับ ตอนนี้ให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นเป็นเรื่องตลก”
เนี่ยเฟิงเดินอ้อมหนึ่งรอบ ก็นั่งลงที่ข้างๆคางเมิ่ง “ฝ่ายตรงข้ามอะไรอะ?”
“ก็เน็ตไอดอลผู้หญิงที่แข่งกันกับฉันนั่นไง”
คางเมิ่งด้านหนึ่งพูดไปอีกด้านก็เปิดรูปโปรไฟล์อีกฝ่ายอย่างคล่องแคล่ว “อะ ดู เธอนี่แหละ”
หลังจากเนี่ยเฟิงดูแล้ว ก็แบะปากออกมา “อะไรเนี่ย หน้าตาไม่เห็นสวยสักนิด ไม่ได้หนึ่งเปอร์เซ็นต์ของความสวยของพี่เจ็ด”
คางเมิ่งได้ฟังประโยคนั้นของเนี่ยเฟิงก็พอมีประโยชน์ เธอพยักหน้าเบาๆ “ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว!ทว่าถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้สวยเท่าไหร่ แต่ความสามารถในการหาแฟนคลับนั้นสูงมากทีเดียว ไอ ครั้งก่อนโดนนายก่อกวน ฉันเสียแฟนคลับไปเยอะมาก ตอนนี้คงต้องอธิบายดีๆสักรอบ”
“ขอโทษครับ”
เนี่ยเฟิงชำนาญในการแสดงน้ำเสียงอ่อนนุ่ม เขารู้ว่าพวกพี่สาวนั้นแพ้ทางอะไรแบบนี้
“ช่างเถอะ ใครใช้ให้นายเป็นน้องชายฉัน พี่เจ็ดไม่คิดเล็กคิดน้อย!”
เห็นไหม ได้ผลจริงๆ
“ไม่อย่างนั้น ให้ผมช่วยชี้แจงให้ไหม?”
ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังหารือว่าจะชี้แจงเรื่องในตอนนั้นอย่างไร อยู่ๆก็มีเสียงที่น่ากลัวของโทรโข่งดังมาจากนอกประตูห้อง
“ไอ้หนู ไสหัวออกมาซะ! ฉันรู้นะว่าแกอยู่ที่นี่!”
เสียงที่คุ้นเคยของฟางซื่อเหาดังเข้ามา เนี่ยเฟิงคิ้วกระตุก อ่า คาดไม่ถึงว่านายคนนี้จะกล้ามาจริงๆ?
“เกิดเรื่องอะไรกัน? ทำไมด้านนอกถึงได้เสียงดังขนาดนั้น?”
คางเมิ่งงงวยบางส่วน
“พี่เจ็ด พี่นั่งรออยู่ตรงนี้ ผมจะออกไปดูเอง”
เนี่ยเฟิงพูดจบก็ลุกขึ้น คางเมิ่งรีบจับเนี่ยเฟิงไว้ “นายไม่ต้องไป พี่ไปดูเอง!”
“ที่ด้านนอกนั้นไม่รู้ว่ามีอันตรายหรือเปล่า? ผมจะสามารถให้คนน่ารักน่าหลงใหลอย่างพี่เจ็ดออกไปเจออันตรายได้อย่างไร? เชื่อฟังนะ พี่รออยู่ตรงนี้ ผมไปแป๊ปเดียวก็กลับ”
คำพูดของเนี่ยเฟิงนั้นไร้ข้อสงสัย คางเมิ่งก็โดนความเด็ดขาดของเนี่ยเฟิงทำให้ตะลึงไป
เนี่ยเฟิงเปิดประตูออกก็มองเห็น ที่ด้านนอกนั่นแน่นขัดไปด้วยกลุ่มคน โดยได้ล้อมคฤหาสน์เอาไว้เรียบร้อยแล้ว
คนที่เป็นหัวหน้านั้นไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือฟางซื่อเหานั่นเอง
“ไอ้หมอนี่จมูกสุนัขหรือไง? ถึงได้หาที่นี่เจอได้?”
ฟางซื่อเหาเพียงแค่นึกถึงความอัปยศเมื่อวานนี้ ทันใดนั้นก็รู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เพียงแค่เห็นเนี่ยเฟิงก็เหมือนกับเห็นคู่อริที่ฆ่าพ่อของตัวเอง “ไอ้หนู!คิดไม่ถึงว่าเมื่อวานนี้จะกล้าทำอย่างนั้นกับฉัน จะบอกอะไรให้นะ ฉันไม่มีทางปล่อยแกไปแน่!วันนี้ฉันจะทำให้แกตายไปซะ!”
เนี่ยเฟิงหัวคิ้วกระตุก ดูท่าแล้วครั้งนี้ฟางซื่อเหาคงต้องการให้เขาตายจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่กันมาเป็นกองทัพเช่นนี้ เอาคนมาซะเยอะแยะ