พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 130 เสียงที่คุ้นเคย
บทที่ 130 เสียงที่คุ้นเคย
“ถ้าอย่างนั้นก็ฝึกฝนมาแล้วหลายครั้งสินะ แต่ว่าหลายๆคนต่อให้ฝึกฝนมามากขนาดไหน ก็ไม่สามารถลอดผ่านช่องเขาแห่งความตายได้เลยนะ”
เนี่ยเฟิงเลียริมฝีปาก ช่องเขาแห่งความตายมันมีอยู่จริงๆ ในตอนนั้นตอนที่พวกเขากำลังรับการฝึกอบรมการบินนั้น ต้องบินลอดผ่านช่องเขาแห่งความตายจริงๆ
ในตอนนั้นก็มีคนตายไปจริงๆจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน
“หรือบางทีผมอาจจะมีทักษะอยู่บ้างก็ได้”
เนี่ยเฟิงหันสายตากลับมา พร้อมกับพูดตอบกลับไป
“แต่ว่า นายเรียนขับเครื่องบินเป็นตั้งแต่เมื่อไรกัน? สุดยอดขนาดนั้นเชียว”
“เรียนมาจากองค์กรองค์กรหนึ่ง ผมรับหน้าที่เป็นนักบิน”
โจวลี่ซือตกใจ“สุดยอดไปเลย!เสี่ยวเฟิง ฉันว่านายสามารถสอบเอาใบรับรองมาได้เลยนะ!เป็นนักบินได้เงินเยอะเชียวล่ะ!”
เนี่ยเฟิงฉีกยิ้มปากกว้าง“แล้วถ้าผมเป็นนักบินแล้ว ยังจะเป็นผู้ติดตามของพี่ห้าได้อีกเหรอ?”
“นั่นก็ต้องดูว่าถึงตอนนั้นนายจะไปอยู่ที่บริษัทของสายการบินไหน อีกอย่างต่อให้เป็นบริษัทสายการบินเดียวกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ในไลน์เดียวกันด้วย”
“อา แบบนี้นี่เอง? ถ้าเกิดเป็นแบบนี้ผมก็ไม่ไปแล้ว ผมชอบที่จะอยู่ด้วยกันกับพี่ห้า”
เนี่ยเฟิงส่ายหัวไปมา ดูแล้วเหมือนกับหมาน้อยที่ถูกกลั่นแกล้งรังแก
“พูดไร้สาระอะไรเนี่ย วันๆเอาแต่อยู่ติดกับฉัน แฟนในอนาคตของนายจะมีขุ่นเคืองเอาได้นะ”
โจวลี่ซือยิ้มไม่ได้ร้องไม่ออก
“ตอนนี้ผมก็ไม่ได้มีแฟนนี่นา ไม่เป็นไร ผมชอบอยู่ด้วยกันกับพี่ห้า”
“เด็กโง่ ไร้สาระน่า!”โจวลี่ซือตีๆที่อกของเนี่ยเฟิงพร้อมกับพูดแซวๆ“พอได้แล้ว ไม่ต้องคิดเยอะขนาดนั้น ถ้านายไม่ชอบก็ไม่ต้องทำ ไม่เป็นไร”
ตอนแรกโจวลี่ซืออยากที่จะถามต่อ แต่ไม่รู้ว่าเนี่ยเฟิงจะบอกเธอไหม
เนี่ยเฟิงยังมีความลับอีกมากที่เธอยังไม่รู้ โจวลี่ซืออยากรู้จริงๆ แต่เนี่ยเฟิงเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน ไม่ว่ายังไงโจวลี่ซือก็ต้องทำให้เขารู้สึกปลอดภัยสิถึงจะถูก
พอถึงช่วงค่ำ โจวลี่ซือก็ต้องไปแบ่งกลุ่มฝึกอบรม
“พวกเราต้องไปสอบ วันนี้น่าจะกลับมาช้าหน่อย นายพักผ่อนที่โรงแรมก่อนสักหน่อยแล้วกัน”
ตอนไปสอบ เธอก็รู้สึกลำบากใจที่จะพาเนี่ยเฟิงไปด้วย
“ครับ ผมจะอยู่ที่โรงแรมอย่างเชื่อฟัง พี่ห้าไปเถอะ!”
โจวลี่ซือพยักหน้า“อื้อ เชื่อฟังจริงๆ”
หลังจากที่โจวลี่ซือจากไปแล้ว มือถือของเนี่ยเฟิงก็ดังขึ้นมา
เขาวางมือถือไว้บนโต๊ะ มีภาพฉายขึ้นมาที่ผนังในห้อง
“ทหารชั้นหนึ่งของสำนักมังกรที่อยู่ที่โรงแรมฉางอานแห่งเมืองเยี่ยนตู เซียวหลาง เข้าพบราชามังกร!”
“ทหารชั้นหนึ่งสาขาการบินพลเรือนจงเฟิงของสำนักมังกรแห่งเมืองเยี่ยนตู เฉียนปิน เข้าพบราขามังกร!”
“ทหารชั้นหนึ่งของสถานฝึกยุทธจิงยิงสำนักมังกรแห่งเมืองเยี่ยนตู เจิ้งเหอ เข้าพบราขามังกร!”
ตามมาด้วยคนอีกจำนวนไม่น้อยที่พูดแนะนำตัว แต่ในขณะนี้เนี่ยเฟิงกลับยกมือขึ้นมา“พอแล้ว ไม่ต้องแนะนำแล้ว ฉันดูบัญชีรายชื่อมาหมดแล้ว”
ลูกน้องที่อยู่ข้างหลังแม้ว่าจะรู้สึกเสียดายไม่น้อย แต่ก็ทำตามอย่างเชื่อฟัง
“เจิ้งเหอ เรียบเรียงข้อมูลโดยละเอียดของเยี่ยนตูเสร็จแล้วส่งมาที่อีเมลของฉัน เฉียนปิน มีเรื่องต้องการให้นายทำ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ดังนั้นนายเตรียมตัวให้พร้อมไว้ เรื่องที่ฉันมาเยี่ยนตู ไม่ต้องไปแหวกหญ้าให้งูตื่น”
“รับทราบครับ!ราชามังกรวางใจได้!”
“ดี ฉันดูข้อมูลการพัฒนาของเมืองเยี่ยนตูแล้ว ช่วงนี้ถือว่าไม่เลวเลย มีรายการการท่องเที่ยวสองสามรายการพอใช้ได้ หลังจากพยายามแล้วพยายามอีก เงินและอุปกรณ์ต่างๆที่ฉันส่งไป สามวันมานี้ก็น่าจะไปถึงมือของพวกนายแล้ว อย่าทำให้ฉันต้องผิดหวัง”
“ทราบครับ!”
“มีอะไรอีกไหม?”
เนี่ยเฟิงมองภาพในจอของผู้รับผิดชอบที่อยู่ในอินเทอร์เน็ต ในตอนนี้มีทหารชั้นหนึ่งที่อยู่ในเมืองเยี่ยนตูจำนวนยี่สิบคน การประชุมในวันนี้เป็นการประชุมของเหล่าบรรดาทหารชั้นหนึ่ง
ปกติแล้ว นอกจากทหารชั้นหนึ่งแล้ว ชั้นรองก็แทบจะไม่เคยได้เจอกับเนี่ยเฟิงเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการได้พูดคุย นี่เป็นเหตุผลที่พวกจินไห่เวยถึงพากันตื่นเต้นตื่นตัวกัน
“ราชามังกร ผู้รับผิดชอบของเมืองเยี่ยนตูขอพบครับ”
เนี่ยเฟิงขมวดคิ้ว“ไม่”
“เขาบอกว่าอยากเจอคุณสักหน่อยครับ……”
“ไม่ว่าง”
เนี่ยเฟิงโบกๆมือ“ถ้าจะมาพบ ฉันจะจัดการเอง สิ่งที่กรมที่ดินของเมืองจินไห่ทำนั้น ทำให้ฉันต้องขุ่นเคืองใจ ยังคิดจะมาพบกับฉันอีกอย่างนั้นเหรอ? เหอะ”
“ครับ!”
“ให้พวกเขารู้จุดยืนของตัวเองก่อนแล้วค่อยว่ากัน เลิกการประชุม”
เนี่ยเฟิงวางสายการประชุมออนไลน์ ยิ้มเย้ยหยันอย่างช่วยไม่ได้
เรื่องที่เขากลับมา สุดท้ายพวกเขาก็รู้จนได้
เขาเจอคนแบบนี้มาเยอะแล้ว แต่ไม่เป็นไร ให้พวกเขากระโดดโลดเต้นอยู่แบบนั้นไปก่อน
เนี่ยเฟิงค่อยๆถอนหายใจออกมา เขาก้มดูนาฬิกา น่าจะอีกสักพักกว่าที่โจวลี่ซือจะกลับมา
ในเวลานี้เอง โจวลี่ซือก็ส่งข้อความมาหาเนี่ยเฟิง“ตอนนี้พี่ลืมไปเลย……แฮ่มๆ พรุ่งนี้มีการประชุม แต่ฉันไม่ได้พาถุงน่องมา ถ้านายว่างล่ะก็ช่วยไปซื้อให้ฉันสักคู่สิ ฉันกลัวว่าตอนเลิกงานจะดึกเกินไป”
เนี่ยเฟิงเห็นข้อความก็ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ พี่ห้าก็ยังเป็นคนสะเพร่าจริงๆด้วย ครั้งที่แล้วก็ลืมเอกสารไว้ที่บ้านวิลล่าที่เมืองจินไห่
ครั้งนี้ออกมาอบรบก็ลืมพาถุงน่องมาอีก
แต่แถวนี้ไม่น่าจะมีที่ไหนขาย อีกอย่างนี่ก็เป็นสิ่งที่ควรจะพกติดตัว พูดยังไงก็ควรจะซื้อให้เสร็จเรียบร้อยไว้หลายๆชิ้น
เนี่ยเฟิงคิดแบบนี้ก็กะที่จะไปดูในเมืองสักหน่อย ตอนนี้ยังพอมีเวลาอยู่
แต่สถานที่ฝึกอบรมห่างจากในเมืองพอสมควร หลังจากที่เนี่ยเฟิงออกไป ก็หารถได้หนึ่งคัน ซื้อของในเมืองเสร็จก็กะที่จะกลับเลย
ห้างในเมืองก็ใหญ่มาก เนื่องจากช่วงเวลากลางคืนแล้ว ที่นี่ผู้คนจึงค่อนข้างคึกคักมาก
“พวกแกจะทำอะไร!ปล่อยฉันนะ!”
ในขณะนี้เอง จู่ๆเนี่ยเฟิงก็ได้ยินเสียง เสียงนี้ฟังแล้วคุ้นหูมาก
เนี่ยเฟิงมองตามไปยังเสียง เห็นผู้ชายสองสามคนกำลังบังคับขู่เข็ญผู้หญิงรูปร่างอ้อนแอ้นให้เข้าไปในรถ
มองออกว่าผู้หญิงคนนี้ปฏิเสธขัดขืน แต่เธอสู้แรงของผู้ชายสองสามคนนั้นไม่ไหว
เนี่ยเฟิงเดินตรงเข้าไป แต่รถกลับขับออกไปก่อน
“รถของคุณ ผมขอซื้อต่อแล้วกัน”
เนี่ยเฟิงเอื้อมมือออกไปคว้าคนที่เพิ่งจะลงจากรถที่อยู่ใกล้ๆแถวนั้นๆไว้ จากนั้นก็โยนบัตรในมือออกไป
อีกฝั่งสีหน้าเต็มไปด้วยความสับสนมึนงง“คุณทำอะไร!บ้าหรือเปล่า!”
แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ก็ไม่ได้ห้ามปรามเนี่ยเฟิง เนี่ยเฟิงเหยียบคันเร่งเต็มฝีเท้า อีกฝั่งตามไปด้วยความโมโห แต่เท้าคนสู้รถได้ที่ไหน?
“บัดซบ!”
เจ้าของรถมองบัตรในมือด้วยความโมโห เขากำลังคิดจะโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจ แต่ข้าวของของเขายังไม่ได้เอาลงมาจากรถ
เขาทำได้แค่ไปโทรศัพท์ที่ร้านสะดวกซื้อบริเวณนั้น เขามองบัตรธนาคารใบนี้ด้วยความหวัง จากนั้นก็ยื่นบัตรใบนี้ออกไป“คุณช่วยผมดูให้หน่อยว่าในบัตรใบนี้มีเงินหรือเปล่า”
อีกฝั่งพยักหน้า รับบัตรมา ใส่รหัสข้างหลังบัตรเข้าไป“ข้างใน มีอยู่หนึ่งล้าน”
เจ้าของรถสองตาถลึงโตทันที เพราะว่ารถคันนั้นของเขาราคาแค่ไม่กี่แสนเท่านั้น!
เขาสีหน้าดีใจทันที ยึดบัตรกลับมาทันที วันนี้มีโชคใหญ่หล่นใส่จริงๆซะแล้วสิ
ถึงแม้ว่าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ได้เงินหนึ่งล้านมาแบบเปล่าๆแบบนี้ เขาแจ้งตำรวจก็บ้าแล้วน่ะสิ!
หลังจากที่เนี่ยเฟิงเหยียบคันเร่งตามไปติดๆ รถคันนั้นก็แล่นมาถึงทางถนนเลี้ยวลดคดเคี้ยวลับตาคนอย่างรวดเร็ว
ที่นี่เป็นสถานที่ใช้ในการแข่งรถสมัยก่อน