พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 142 เหมาหมด
บทที่ 142 เหมาหมด
“เอ๊ะ นายอย่ามาได้คืบเอาศอกนะ!”
พอทุกคนได้ยินคำพูดของเนี่ยเฟิง ก็พลันไม่สงบในพริบตา
พอฝ่ายจัดงานเห็นฉากนี้เข้าก็เก้อกระดากขึ้นมาบ้างเช่นกัน เพราะอย่างไรแขกเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่พวกเขาเชิญมา หากสามารถขายเครื่องบินออกไปได้คงไม่มีอะไรที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว
เนี่ยเฟิงพ่นลมหายใจออกมาอย่างช้าๆ เห็นคนเหล่านี้ถลึงตามองตนเองอย่างโกรธๆ เขาก็เลยดึงโจวลี่ซือที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา “หยุดรถด้วย”
จางเจิ้นกั๋วพลันสดใสขึ้นมาทันที หรือพวกเขาสองคนทนไม่ไหวต้องการจะลงจากรถแล้วใช่ไหม?
เดิมทีสองคนนี้ก็ไม่ได้มีเงินอะไร ตอนนี้ดูท่าคงจะถูกพวกเขาพูดเกินไปเป็นแน่ ดังนั้นจึงทนบากหน้าอยู่ไม่ไหว
ฝ่ายจัดงานรีบจอดรถทันที คนอื่นๆ เห็นพวกเขาสองคนลงจากรถ ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะออกมา โจวลี่ซือรู้สึกเพียงว่าในใจอึดอัดคับข้องอย่างยิ่ง เห็นหน้าตาของคนเหล่านี้ โจวลี่ซือจึงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“เสี่ยวเฟิง ไม่จำเป็นต้องลงจากรถ คนพวกนี้ก็แค่สุขสบายจนเคยชิน ดวงตาสุนัขจึงมองเห็นคนอื่นต่ำต้อยกว่า นึกว่าตนเองสูงส่งนักหนา ในความเป็นจริงพวกเขาก็แค่มีเงินนิดหน่อยเองไม่ใช่หรือไง?”
โจวลี่ซือมองเห็นใบหน้าของคนเหล่านั้น พลันรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที
“ไม่เป็นไร เพราะพวกเขาดูนิทรรศการนี้ยังไม่ทันจบ พวกเขาก็ต้องถอยกลับทางเดิมอย่างรวดเร็ว”
เนี่ยเฟิงกดมือถือ จากนั้นก็แสยะยิ้ม
โจวลี่ซือมุ่นหัวคิ้วอย่างแปลกใจอยู่บ้าง “เสี่ยวเฟิง ทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะ?”
“พี่ห้า พี่ดูสิ อีกเดี๋ยวพวกเขาก็ต้องกลับมา”
หลังซ่าวเจ๋เห็นพวกเขาสองคนลงจากรถก็รีบโทรมาทันที พูดอย่างเบิกบานหาใดเปรียบ
“มีความสุขเป็นบ้า ตอนที่พวกเขาสองคนถูกไล่ลงจากรถ ผมอยากจะปรบมือนัก แต่น่าเสียดายที่ผมไม่ได้อยู่ตรงนั้น มองไม่เห็นหน้าตาอึดอัดคับข้องนั้นของพวกเขา ยาจกอย่างพวกเขายังคิดจะไปดูเครื่องบินที่นั่นอีก จะไปมีปัญญาซื้อได้ยังไง!”
“นั่นน่ะสิ แถมยังไปล่วงเกินพวกเศรษฐีบนรถอีก ช่างเถอะ อย่างไรพวกเขาสองคนก็คงไม่มีที่ยืนอยู่ในเมืองเยี่ยนตูอีกแล้ว วันนี้ก็ถือเสียว่าให้พวกเขาได้เปิดหูเปิดตา มาดูงานนิทรรศการเครื่องบิน ต่อไปพวกเขาคงไม่มีโอกาสนี้อีกแล้ว เพราะพวกเขามาทำขายหน้าที่นี่ ต่อไปคงไม่กล้ามาอีกแล้ว!”
จางเจิ้นกั๋วเต็มไปด้วยความลำพองใจ ตอนที่ลูกพี่ลูกน้องสองคนนี้กำลังมีความสุขอยู่นั้นเอง จู่ๆ ฝ่ายจัดงานก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง
“อะไรนะ? นี่เรื่องจริงใช่ไหม? ผมรู้แล้วจะถอยกลับไปที่เดิมเดี๋ยวนี้!”
หลังอีกฝ่ายวางสาย ก็สั่งให้คนขับเลี้ยวรถโดมกลับทางเดิมอย่างรีบร้อน ทุกคนต่างสงสัยอยู่บ้าง ด้านหลังยังมีเครื่องบินอีกตั้งเยอะที่ยังไม่ได้ดู ทำไมพวกเขาจะกลับเสียแล้วล่ะ? แม้ราคาเครื่องบินเหล่านั้นจะแพงหูฉี่ พวกเขาก็ไม่ได้คิดจะซื้อเช่นกัน แต่บางโมเดลก็หาดูได้ยากจริงๆ
“เอ๋ พวกคุณเป็นอะไรไป? ทำไมถึงกลับทางเดิมล่ะ? พวกเรายังดูไม่ครบเลยนะ!”
“นั่นน่ะสิ หรือพวกคุณคิดว่าเครื่องบินพวกนี้พวกเราซื้อไม่ไหวใช่ไหม?”
คนรับผิดชอบของฝ่ายจัดงานทำท่าเกรงใจ ยิ้มกล่าวกับพวกเขาว่า
“ต้องขอโทษแขกทุกท่านด้วย เมื่อสักครู่เครื่องบินที่จัดแสดงในงานไม่อาจขายได้ เพราะถูกบรรจุลงหีบห่อหมดแล้ว ดังนั้นงานนิทรรศการครั้งนี้จึงดำเนินต่อไม่ได้แล้ว”
พอคนรับผิดชอบพูดคำนี้ออกมา ทุกคนต่างตกตะลึงกันหมด เครื่องบินของที่นี่รวมๆ ดูก็แทบจะแตะหลายพันล้านแล้ว ใครกันที่มีเงินมากมายก่ายกองขนาดนั้น ซื้อเครื่องบินพวกนี้ไปหมดแล้ว?!
“พับผ่าสิ! นี่มันเศรษฐีมือเติบที่ไหนกัน! ซื้อเครื่องบินไม่ได้ซื้อทีละเครื่อง แต่ซื้อทั้งงานนิทรรศการเนี่ยนะ?!”
ปกติพวกเขาก็วางมาดเป็นมหาเศรษฐีเช่นกัน แต่ต่อให้ร่ำรวยแค่ไหนก็ไม่ได้มือเติบถึงขนาดนั้น แท้จริงแล้วอีกฝ่ายมีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ ทำไมถึงซื้อเครื่องบินทั้งหมดนี้ได้?
ฝ่ายจัดงานก็รู้สึกแปลกใจมากเช่นกัน เพราะฝ่ายจัดงานไม่ได้เห็นตัวคนที่ซื้อเครื่องบินคนนั้น แต่เบื้องบนเป็นคนบอกเขามา ตอนนี้รถชมนิทรรศการทั้งหมดต่างถอยกลับมาทางเดิมหมดแล้ว
พวกเขาทำได้แต่ขับรถ กลับไปยังรถโดมสองสามคันที่จอดอยู่อีกด้าน ผู้คนที่กำลังชมเครื่องบินอยู่ที่นั่นเมื่อสักครู่ต่างลงจากรถกันหมดแล้ว
ทุกคนต่างซุบซิบกันที่ข้างหู ไม่รู้ว่าเป็นใครกันที่เหมาเครื่องบินไปหมด
โจวลี่ซือเห็นพวกเขากลับมาทางเดิมก็รู้สึกแปลกใจมากเช่นกัน เธอมุ่นหัวคิ้วอย่างห้ามไม่อยู่
“เมื่อกี้พวกเขาไปชมนิทรรศการไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงกลับมาเร็วขนาดนั้นล่ะ? ตามหลักน่าจะยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงถึงจะดูเครื่องบินลำสุดท้ายจบ”
โจวลี่ซือดึงเนี่ยเฟิงไปอยู่อีกด้าน พูดด้วยเสียงเบาๆ
แต่จางเจิ้นกั๋วยังเหมือนวิญญาณร้ายคอยตามติด จ้องตรงที่พวกเขายืนอยู่ จากนั้นก็เดินเข้ามากระแนะกระแหนพวกเขาทันที
“ทำไมพวกคุณถึงหน้าไม่อายขนาดนี้ ยังอยู่ที่นี่อีกเหรอ?”
โจวลี่ซือเห็นจางเจิ้นกั๋วก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที ทำไมเจ้าหมอนี่ถึงเหมือนกอเอี้ยะหนังวัวที่แกะก็แกะไม่ออกแบบนี้นะ
“เกี่ยวอะไรกับคุณ พวกเราซื้อตั๋วแล้วอยากเข้ามาก็เข้ามา ฝ่ายจัดงานก็ไม่ได้ไล่พวกเราไปสักหน่อย แล้วคุณนับเป็นตัวอะไรกัน มีสิทธิ์อะไรมาไล่พวกเราไป?”
ไม่พูดก็ต้องพูด ยามโจวลี่ซือโกรธขึ้นมายังคงดุร้ายมากทีเดียว หลังจางเจิ้นกั๋วได้ยินก็ทนบากหน้าไม่ไหวอยู่บ้าง
“ก็นั่นแหละยาจกอย่างพวกนายถึงกล้าพูดไงล่ะ พูดได้เต็มปากเต็มคำขนาดนั้น เพราะอย่างไรพวกนายนอกจากจนแล้วก็ไม่มีอะไรสักอย่าง เป็นแค่ของที่ขายขี้หน้าเท่านั้น!”
“พอคิดถึงตอนที่พวกนายถูกไล่ลงจากรถโดมเมื่อกี้ ฉันก็รู้สึกมีความสุขแล้ว!”
“ถูกไล่ลงมา? ใครพูดกัน นั่นพวกเราลงมาเองต่างหาก”
เนี่ยเฟิงขวางอยู่ด้านหน้าโจวลี่ซือ หรี่ตามองจางเจิ้นกั๋ว จางเจิ้นกั๋วหัวเราะเสียงดังฮ่าๆ
“ใช่ๆๆ เป็นพวกนายลงไปกันเองจริงๆ แต่ก็เพราะพวกนายทนไม่ไหว ดังนั้นถึงได้เลือกที่จะหนีออกมา แล้วมันต่างอะไรกัน? ก็ไม่ได้ต่างกับขายขี้หน้าหรอก”
จางเจิ้นกั๋วโบกมือ อดกลอกตามองบนไม่ได้
“นายอย่ารังแกคนอื่นเกินไปนัก!” โจวลี่ซือเห็นจางเจิ้นกั๋วทำตัวข่มคนอื่น ก็รู้สึกหายใจติดขัด เจ้าหมอนี่ดูไปแล้วก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่ ทำไมถึงมีหน้ามาพูดกับพวกเขาแบบนี้? แท้จริงแล้วเป็นใครกันที่มอบความกล้าให้เขา?
“พี่ห้า อย่าไปเสวนากับคนพรรค์นี้เลย เมื่อกี้ที่พวกเราลงจากรถไม่ใช่เพราะเหตุผลเหล่านั้นที่นายพูด ฉันแค่รู้สึกว่าฐานะการเงินของพวกเราไม่ได้อยู่ระดับเดียวกัน แม้แต่สติปัญญาความรู้ก็เข้ากันไม่ได้แม้แต่น้อย ดังนั้นอยู่กับพวกนายไปจึงรังแต่จะดึงฉันต่ำลง แทนที่จะทำแบบนี้สู้ลงรถอย่างมีความสุขจะดีกว่า เพราะอย่างไรของที่ต้องการซื้อก็ซื้อเสร็จแล้ว”
พอจางเจิ้นกั๋วได้ยินก็เบิกบานทันที “นายเองก็รู้นี่ว่าฐานะการเงินของพวกนายไม่ได้อยู่ระดับเดียวกับพวกเรา ดูท่านายยังรู้จักตัวเองดีอยู่บ้าง แต่ของที่พวกนายซื้อคืออะไร? เครื่องบินจำลองเหรอ? เครื่องบินจำลองของที่นี่ไม่ใช่ถูกๆ หรอกนะ ไม่รู้ว่าพวกนายจะมีปัญญาซื้อหรือเปล่า!”
เนี่ยเฟิงยิ้มเย็นชา “เครื่องบินจำลอง? ของที่ฉันชอบ ฉันซื้อตั้งแต่เห็นครั้งแรกแล้ว ไม่เอาแต่จดๆ จ้องๆ หรอก เพราะฉันมีฐานะการเงินแบบนี้ แต่ไม่เหมือนบางคนนั่งอยู่บนรถ รู้จักแต่ปลุกปั่นอารมณ์ของพวกกบในกะลาเหล่านั้น แต่ในความเป็นจริงไม่นับเป็นของอะไรด้วยซ้ำ”
จางเจิ้นกั๋วโกรธขึ้นมาทันที เห็นได้ชัดว่าเนี่ยเฟิงกำลังพูดถึงเขาอยู่ไม่ใช่เหรอ จางเจิ้นกั๋วพลันชี้ไปที่เนี่ยเฟิงพลางกล่าวว่า “นายว่าอะไรนะ? ฉันว่านายคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม!”
“ทำไม เมื่อกี้นายว่าพวกเราอย่างถึงอกถึงใจขนาดนั้น ตอนนี้พวกเราก็แค่ใช้ท่าทีที่นายทำกับฉันมาทำกับนายบ้างเท่านั้นเอง ทำไมนายต้องโกรธขนาดนั้นด้วยล่ะ?”