พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 146 ไม่ใช่คู่มือ
บทที่ 146 ไม่ใช่คู่มือ
“ทวงหนี้? ผมว่าคุณมาผิดที่แล้วล่ะ?”
อาจารย์คนนั้นส่ายหน้า เขาใช้สายตาจับผิดมองสำรวจเนี่ยเฟิง คนอย่างเนี่ยเฟิงดูไม่เหมือนกับคนเป็นวูซูเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นสายตาของอาจารย์คนนั้นจึงเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมา
“ผมไม่ได้มาผิดที่ วันนี้สถานฝึกยุทธเฮยหลงส่งคนมาพังรถที่แหล่งขายรถหงต๋าของผม ทำให้ผมเสียหายเป็นร้อยล้าน ผมอยากจะมาถามดูหน่อยว่าเรื่องนี้จะจัดการยังไง?”
หลังเนี่ยเฟิงพูดจบก็ยกบิลที่อยู่ในมือขึ้นมา ในนั้นเขียนค่าเสียหายในแหล่งขายรถรวมถึงค่ารักษาที่พนักงานถูกทำร้ายในวันนี้ได้อย่างชัดเจนครบถ้วน
“คุณคนนี้โปรดอย่ามาก่อกวนกัน เรื่องที่คุณพูดมาพวกเราต่างไม่รู้ทั้งสิ้น”
อาจารย์ส่ายศีรษะ รู้สึกเพียงว่าคนอย่างเนี่ยเฟิงช่างพิลึกพิลั่นอยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้จึงคิดจะไล่คนออกไป
รูปร่างของอาจารย์คนนี้กำยำอย่างมาก อีกทั้งยังมองเห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ มองแวบเดียวก็รู้ว่ามีพละกำลังมาก หากคิดจะต่อสู้กับเขา บางทีอาจจะเสียเปรียบได้
อาจารย์ขวางอยู่ตรงหน้าเนี่ยเฟิงราวกับภูเขาลูกหนึ่ง “ขอโทษ โปรดหลีกทางด้วย ผมมาหาคนที่มาก่อเรื่องในร้านผมวันนี้”
จากที่เห็นในวิดีโอมีคนทั้งหมดยี่สิบคน
ตอนนี้คนที่อยู่ในสถานฝึกซ้อมมีอยู่ประมาณสองร้อยกว่าคน
แต่ กล้องวงจรปิดของแหล่งขายรถถ่ายไว้ชัดเจนมาก ถ่ายออกมาแทบจะเห็นรูปพรรณสัณณาณได้หมดทุกคน
เมื่อก่อนเนี่ยเฟิงเคยทำอาชีพทหารรับจ้างและนักฆ่า ดังนั้นรูปพรรณสัณณาณของแต่ละคนแทบจะเป็นเหมือนนิ้วมือตนเอง แค่คนยี่สิบคน เนี่ยเฟิงจึงจำได้ขึ้นใจ
“เหอะ! แม้ไม่รู้ว่าพวกนายเป็นใคร แต่หากพวกนายคิดจะมาก่อเรื่อง ฉันแนะนำว่าล้มเลิกความคิดนี้ไปเสียดีกว่า อาศัยตอนที่ฉันยังมีความอดทนอยู่ รีบไสหัวไปซะ! รู้ไหมว่าที่นี่ที่ไหน? ที่นี่คือสถานฝึกยุทธเฮยหลง!”
อาจารย์คนนั้นเห็นว่าพวกเนี่ยเฟิงไม่ฟังที่เขาพูด จึงวอร์มกล้ามเนื้อบนร่างทันที ดูท่าทางเหมือนปีศาจร้ายตนหนึ่ง
เนี่ยเฟิงหรี่ตา “ดูท่าคุณคงไม่คิดจะหลีกทางสินะ?”
“ฉันไม่หลีกให้แน่นอน นายเองก็ไม่ประมาณตัวเองเสียบ้างเลย ไม่รู้จักว่าตนเองมีกำลังแค่ไหน ถึงกับกล้ามาหาเรื่องสถานฝึกยุทธเฮยหลง?”
อาจารย์ถลึงตามองเนี่ยเฟิงอย่างไม่พอใจ
เขาเห็นเนี่ยเฟิงยังคงไม่มีทีท่าจะจากไป ก็โกรธขึ้นมาทันที เห็นเพียงอาจารย์ยื่นมือมาผลักเนี่ยเฟิงไปหนึ่งที
แต่ตอนที่เขายังไม่ทันได้แตะไหล่เนี่ยเฟิง ก็ถูกเนี่ยเฟิงหักมือข้างหนึ่งแล้ว!
จากนั้นก็มีเสียง “กร๊อบ” ดังกังวานขึ้นมาทันที พลันเสียงร้องโหยหวนของอาจารย์ก็ดังไปทั่วสถานฝึกยุทธ
“มือฉัน! มือฉัน!”
อาจารย์กุมมือตัวเองพลางร้องโหยหวนราวกับจะขาดใจ เพราะกระดูกของเขาถึงกับหักไปทุกส่วน!
มือนี้ของเขาตกห้อย มองแวบเดียวก็รู้ว่าเจ็บปวดเหลือแสน!
“ฉันเกลียดคนที่ใช้มือชี้ฉันที่สุด นี่คือบทเรียนเล็กๆ ที่มอบให้นาย”
เนี่ยเฟิงปัดมือตัวเอง จากนั้นสายตาโหดเหี้ยมก็เล็งไปที่คนยี่สิบคนนั้นที่มาก่อเรื่อง แม้พวกเขาจะซ่อนอยู่ท่ามกลางผู้คน แต่กลับไม่รอดพ้นสายตาเนี่ยเฟิงไปได้
“เฮ้ย! แกเป็นใครกัน? ถึงกับมาก่อเรื่องถึงที่นี่ แถมยังทำร้ายอาจารย์เราด้วย!”
นักเรียนจำนวนสิบคนเดินเข้ามาทันที เรียงกันแน่นจนก่อตัวเป็นกำแพงคน เห็นเพียงพวกเขามองเนี่ยเฟิงอย่างดุร้ายราวกับปีศาจ
“เศษสวะแบบนี้ก็เป็นอาจารย์พวกนายได้ อย่างนั้นสถานฝึกยุทธของพวกนายคงไม่มีใครเก่งสักคนเลยสินะ?”
หลังพวกนักเรียนได้ยินคำพูดไม่เกรงใจของเนี่ยเฟิง ก็พลันโกรธขึ้นมา
ควรรู้ว่าพวกเขาออกไปแข่งขันการต่อสู้ล้วนเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุด เจ้าหมอนี่เป็นใครมาจากไหน ถึงกับกล้าพูดเช่นนี้?
หรือว่าที่นี่คนที่พอจะอวดอ้างได้ก็คืออาจารย์คนนี้? ฉันแนะนำว่าตอนนี้ทางที่ดีพวกนายควรไปเรียกกำลังเสริมมาจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะสายเกินไป”
เนี่ยเฟิงดัดข้อนิ้วตัวเอง ได้ยินเพียงเสียงนิ้วมือของเขาลั่นกร๊อบแกร๊บ
“ไอ้เด็กโสโครก โอหังเกินไปแล้ว!”
เมื่อครู่อาจารย์ถูกทำร้าย เป็นไปได้มากว่าเพราะพลั้งเผลอไปชั่วขณะ จนเปิดช่องว่างให้หมอนี่ แต่กลุ่มของพวกเขาไม่มีทางให้เนี่ยเฟิงรอดพ้นไปได้แน่!
ซาวามองเนี่ยเฟิงที่ตกอยู่ในวงล้อมอย่างกังวลใจอยู่บ้าง
เนี่ยเฟิงโบกมือให้ซาวาเป็นสัญญาณว่าให้เธอถอยหลังไป เพราะอีกเดี๋ยว คนพวกนี้เป็นไปได้มากว่าอาจจะปลิวออกไปเอง
ซาวาพยักหน้าอย่างรีบร้อนหาซอกมุมยืนสักแห่ง เธอมองเนี่ยเฟิงอย่างตื่นเต้นอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าราชามังกรแห่งสำนักมังกรจะใช้วิธีการอะไรมาเก็บกวาดคนที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำพวกนี้!
“เมื่อกี้ฉันลองนับดูคร่าวๆ ที่นี่มีคนอยู่ทั้งหมดสองร้อยกว่าคน มีเท่านี้ ไม่จำเป็นต้องสู้แบบเวียนเทียนหรอก เข้ามาพร้อมกันเลยดีกว่า”
คำพูดนี้ของเนี่ยเฟิงทำให้คนเหล่านี้โมโหถึงขีดสุดทันที เจ้าหมอนี่กล้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ยังไง ควรรู้ว่าพวกเขาเคยผ่านการฝึกมานะ!
“แกถึงกับดูถูกพวกเรา ฉันจะให้แกได้รู้ถึงความร้ายกาจของพวกเรา!”
เห็นเพียงพวกเขากู่ร้องพุ่งเข้ามาใช้หมัดใช้เท้าได้ไม่เลวจริงๆ แต่สำหรับเนี่ยเฟิงที่ทำภารกิจแทรกซึมเข้าประเทศรัสเซียเพียงลำพัง และยังกำจัดคนทั้งกองร้อยด้วยตัวคนเดียวแล้ว คนเหล่านี้จึงไม่นับเป็นอะไรได้
ยิ่งไปกว่านั้นคนที่อยู่ในกองร้อยตอนนั้นต่างมีทั้งปืนและปืนใหญ่ ถึงขนาดขับรถถังและเครื่องบินรบด้วยซ้ำ
และเพราะเหตุนี้ เนี่ยเฟิงจึงกลายเป็นเทพสงครามที่ใครได้ยินต่างก็ต้องวิ่งหนี ทำให้ประเทศรัสเซีย มองโกเลียและอีกหลายประเทศล้วนไม่กล้าบุ่มบ่าม
และด้วยยุทธวิธีเช่นนี้จึงถูกเรียกว่าเทพเจ้าแห่งสงคราม เพราะเนี่ยเฟิงราวกับเทพเจ้ามาเยือน เพื่อกวาดล้างคนเหล่านี้ทั้งหมด
“พลั่กๆๆ!”
พวกลูกศิษย์ไร้แรงต่อต้านโดยสิ้นเชิง ทั้งๆ ที่พวกเขาเห็นว่าเนี่ยเฟิงถูกล้อมอยู่ตรงกลาง ตามหลักแล้วหากพวกเขาบุกเข้ามาพร้อมกัน เนี่ยเฟิงคงได้แต่ถูกตีจนร่วง แต่เนี่ยเฟิงถึงกับเล่นงานพวกเขาจนฟันร่วงหมดปากแทน
ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีพวกเขาก็ลงไปนอนกองกันหมด แต่เนี่ยเฟิงกลับดูไร้รอยขีดข่วนด้วยซ้ำ
เนี่ยเฟิงปัดๆ ฝุ่นที่อยู่บนตัว จากนั้นก็เดินไปหยุดตรงหน้าศิษย์คนหนึ่ง “ฉันจำแกได้ เพราะฉันเห็นแกเป็นคนนำทีมของแกจากในกล้องวงจรปิดมาพังรถของฉัน ฉันอยากจะถามว่าเงินที่พังรถของฉันพวกแกจะเป็นคนจ่ายหรือว่าสถานฝึกยุทธของพวกแกเป็นคนจ่าย?”
“แก ไอ้ตัวประหลาด!”
อีกฝ่ายกุมหน้าอก พูดออกมาอย่างยากลำบาก เพราะเขาไม่เคยเห็นคนคนเดียวต่อกรกับคนสองร้อยกว่าคนได้ ร่างกายถึงกับไม่มีรอยขีดข่วนเลยสักนิด แม้แต่เสื้อผ้าก็ยังอยู่ครบ!
“คำเรียกนี้ไม่ได้ยินมานานมากแล้ว”
ตั้งแต่เขาได้ขึ้นเป็นราชามังกร ทุกคนต่างให้ความเคารพเขามากขึ้น แล้วจะพูดคำพูดเนรคุณเช่นนี้ออกมาได้ยังไง?
“ชดใช้มาชดใช้กลับ พวกนายเล่นงานคนของฉัน ฉันย่อมต้องเล่นงานกลับคืน”
เนี่ยเฟิงพูดจบก็ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบไปที่มือของอีกฝ่าย เห็นเพียงเขาออกแรงไปที่ข้อต่อของอีกฝ่าย มันก็หักละเอียดทันที!
เสียงร้องโหยหวนดังต่อเนื่องไม่หยุด
หลังเนี่ยเฟิงจัดการคนสุดท้ายเสร็จ ที่ด้านนอกประตูก็มีคนกลุ่มหนึ่งมาถึง ชุดที่คนกลุ่มนี้สวมใส่ดูสูงส่งอย่างมาก ดูท่าพวกเขาคงจะเป็นระดับขั้นอาจารย์
“ทุเรศสิ้นดี! แกทำอะไร!”
เนี่ยเฟิงปัดมือ ยิ้มตอบว่า “หรือพวกนายไม่มีตา? ถึงมองไม่เห็นว่าฉันทำอะไร?”