พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 148 เปราะบางเหลือเกิน
บทที่ 148 เปราะบางเหลือเกิน
พวกเขาใช้สายตาไม่อยากจะเชื่อมองเนี่ยเฟิง เนี่ยเฟิงหลับตาถึงกับจับการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้ นี่เขาทำได้ยังไงกัน!
พวกเขาไหนเลยจะรู้ว่าประสาทสัมผัสทั้งห้าของเนี่ยเฟิงได้ถูกขัดเกลาจนเฉียบคมเป็นพิเศษยามอยู่ในสนามรบ ดังนั้นการหลับตาจึงรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของพวกเขาได้ดีกว่า
คนที่ฝึกยุทธทุกการเคลื่อนไหวล้วนนำพาลมหอบหนึ่งมาด้วย ซึ่งในส่วนเล็กๆ นี้คนอื่นไม่อาจรู้สึกถึงมัน แต่เนี่ยเฟิงกลับรู้สึกถึงมันได้
ตอนนี้เขารวมสมาธิได้ถึงจุดหนึ่งแล้ว ดังนั้นคนเหล่านี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเนี่ยเฟิงจึงเป็นเพียงเด็กน้อยเท่านั้น
ชายชราเบิกตากว้าง ไม่ถึงห้านาที เขาถึงกับเห็นพวกลูกศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจของตัวเองถูกเล่นงานจนลงไปนอนกองกับพื้น!
อาจารย์ระดับหนึ่งเหล่านี้นอนอยู่บนพื้นแน่นิ่งไปแล้ว และเวลานี้เนี่ยเฟิงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ
“ไม่เลว สามารถทนมือฉันได้ตั้งห้านาที นับว่ามีฝีมือพอตัว แต่ฉันเป็นพวกแค้นฝังหุ่น ในเมื่อเมื่อกี้พวกนายทำกับฉันแบบนี้ ฉันเองก็ไม่ควรเกรงใจพวกนายเช่นกัน”
เนี่ยเฟิงลดสายตามองคนเหล่านี้ “เส้นชีพจรของพวกนายถูกฉันตัดขาดหมดแล้ว ต่อไปคิดจะฝึกยุทธคงเป็นไปไม่ได้แล้ว”
ชายชรากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เจ้าหมอนี่เป็นใครมาจากไหนกัน ฝึกวิชามาจากที่ใด ถึงกับมีความสามารถขนาดนี้!
“ตาแก่ อยากจะลองมาประมือกับผมไหม?”
ชายชราถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างหวาดกลัว ดูท่าพวกเขาจะไปหาเรื่องกับคนที่ไม่ควรหาเรื่องเข้าเสียแล้ว!
“ฮ่าๆ! น้องสาม คิดไม่ถึงว่านายจะมีวันที่หวาดกลัวเช่นนี้กับเขาด้วย”
เวลานี้มีเสียงไม่น่าฟังเสียงหนึ่งดังลอยเข้ามา เสียงนี้ราวกับถูกคนบีบคอให้ฝืนร้องออกมา ทั้งยังแหบแห้ง
เงาร่างหลังค่อมสายหนึ่งทะลวงเข้ามา คนคนนี้มีเล็บมือยาวมาก ทั้งยังดูอัปลักษณ์เป็นที่สุด
เนี่ยเฟิงอดขมวดคิ้วไม่ได้ ใช้สายตาทนมองตรงๆ ไม่ได้มองชายคนนั้น
“พี่รองมาพอดี เจ้าหมอนี่ไม่ใช่คนธรรมดา เขาเล่นงานลูกศิษย์ฉันได้ทั้งหมด!”
ชายชราราวกับเจอที่พึ่ง รีบเข้าไปใกล้ชายอัปลักษณ์ที่เหมือนกับอะไรสักอย่างคนนั้นทันที
“ไอ้เด็กโสโครก นับว่าแกยังมีฝีมืออยู่บ้าง!”
“พล่ามให้น้อยหน่อย รีบเรียกคนที่พอจะอวดอ้างได้ของพวกนายออกมา ว่าจะชดใช้บัญชีนี้ของฉันยังไง?”
เนี่ยเฟิงยกบิลในมือขึ้นมา “ไม่อย่างนั้นวันนี้สถานฝึกยุทธของพวกนายจะพังเพราะเรื่องนี้ และจะแพร่ไปยังอินเตอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว ถึงเวลาต่อให้พวกนายอยากจะรับสมัครคนก็ทำไม่ได้แล้ว”
เนี่ยเฟิงพูดเนิบๆ
“ไอ้หนูแกกำลังข่มขู่สถานฝึกยุทธเฮยหลงของเราอยู่หรือ?”
“นี่เป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดไม่ใช่เหรอ? ฉันกำลังขู่พวกนายอยู่จริงๆ แต่ฉันแค่อยากมาเอาของที่ฉันต้องการกลับไป”
เนี่ยเฟิงแสยะยิ้ม “เรื่องชดใช้ก็ต้องชดใช้ด้วย”
“เหอะ! สถานฝึกยุทธเฮยหลงตั้งตระหง่านอยู่ที่เมืองเยี่ยนตู หลายปีขนาดนั้นแกคิดว่าฝีมือของพวกเรามีเพียงเท่านี้หรือ? วันนี้ฉันจะทำให้แกได้เห็นว่าอะไรที่เรียกว่าสุดยอดแห่งวูซู!”
ชายชราที่ถูกเรียกว่าพี่รองคนนั้น ส่งเสียงหัวเราะแหลมเล็กออกมาชุดหนึ่ง เห็นเพียงเขาดีดนิ้วทีหนึ่ง ชายที่มีกลิ่นอายแห่งความตายเข้มข้นสองสามคนก็เดินเข้ามา
ดวงตาของพวกเขาดูไร้ความรู้สึก รูปร่างกำยำอย่างมาก บนร่างสวมชุดจั๊มสูทอย่างหนา ดูน่าอึดอัดอยู่บ้าง
แต่ต่อให้ชุดจั๊มสูทที่สวมอยู่หนาแค่ไหน ก็สามารถมองเห็นเค้าโครงของกล้ามเนื้อนั้นได้
“สั่งสอนเขาหน่อย!”
คนเหล่านั้นราวกับมนุษย์จักรกล หลังได้รับคำสั่ง ก็พุ่งเข้ามาทันที รวดเร็วอย่างยิ่ง
เนี่ยเฟิงรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง เพราะคนเหล่านี้ถึงกับไม่รู้สึกเจ็บปวด กระทั่งกระดูกก็หักหมดแล้ว แถมดวงตาของพวกเขาก็ไม่กะพริบเลยสักครั้ง
“ฝึกยุทธถึงขั้นนี้ พวกนายช่างน่าอดสูจริงๆ!”
ตอนที่เนี่ยเฟิงยังเด็กเคยฝึกยุทธกับคุณตา มักมีเวลาที่เจ็บตัวเสมอ
ตอนนั้นความอดทนและฝีมือของเขายังไม่แข็งแกร่งอย่างตอนนี้ ด้วยเหตุนี้ทุกครั้งที่เจ็บตัว เนี่ยเฟิงก็จะเจ็บอยู่หลายวัน
ตอนที่เนี่ยเฟิงรู้สึกเจ็บ จึงมักจะบ่นกับคุณตาว่า “ทำไมฝึกยุทธถึงเจ็บขนาดนี้ แถมกล้ามเนื้อก็ล้า หรือจะไม่มีวิธีที่ไม่เจ็บแล้ว?”
“หลานรู้สึกเจ็บ ถึงรู้ว่ากล้ามเนื้อต้องฝึกฝนระดับไหนจึงจะเป็นขีดจำกัดของหลาน หลานรู้สึกว่าร่างกายไม่สบาย หลานถึงรู้ว่าร่างกายหลานมีความสามารถทนรับได้เพียงใด คนที่ฝึกยุทธอย่างพวกเรา จะต้องรู้ขอบเขต ไม่อย่างนั้นจะต่างอะไรกับสัตว์ป่ากัน?”
คุณตาบอกเนี่ยเฟิงจนปากเปียกปากแฉะ
เนี่ยเฟิงจึงจำคำพูดนี้ได้ขึ้นใจมาจนถึงตอนนี้ มีบางคนเพื่อให้ได้ขึ้นมาอยู่ลำดับต้นๆ ไม่เสียดายที่จะทำการผ่าตัด โดยกำจัดความรู้สึกเจ็บปวดออกไป
ก็เหมือนกับเป็นการโกง เมื่อพวกเขาไม่รู้สึกเจ็บ ก็สามารถเดินหน้าต่อได้
และเพราะไม่รู้สึกเจ็บ การฝึกฝนของพวกเขาจึงล้ำเลิศกว่าคนธรรมดา แต่ก็เพราะเป็นเช่นนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงกลายเป็นซากศพเดินได้
ตอนนี้พอคิดดูก็น่าอดสูอย่างยิ่ง
มิน่าเนี่ยเฟิงถึงรู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งความตายของพวกเขาเข้มข้น ที่แท้ก็เป็นเหตุผลเช่นนี้
เนี่ยเฟิงไม่มีความคิดจะปล่อยพวกเขาไป เห็นเพียงเขาใช้ท่ามังกรสะบัดหางทีหนึ่งเพื่อทำให้พวกเขาล้มลง จากนั้นก็ทำลายข้อต่อกระดูกของพวกเขา ให้พวกเขายืนขึ้นมาไม่ได้อีก
“เอาคนมาเป็นหุ่นเชิดของพวกนาย พวกนายยังรู้สึกภูมิใจตัวเองมากใช่ไหม? แต่ฉันจะบอกให้นะ การกระทำแบบนี้สำหรับฉันไม่อาจให้อภัยได้”
พริบตาเนี่ยเฟิงก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าชายชราทั้งสองคนราวกับภูติผี เห็นเพียงเขาใช้มือข้างหนึ่งบีบคอชายชราอัปลักษณ์คนนั้นไว้
ชายชราคิดไม่ถึงว่าตนเองจะถูกเด็กสารเลวคนหนึ่งข่มขู่เข้าให้แล้ว!
เขาออกแรงขัดขืน กลับไร้ทางต่อต้าน “แกมัวยืนทำอะไร? หรือจะมองดูพี่รองของแกถูกบีบคอตายไปเฉยๆ? ยังไม่รีบไปตามเฮยหลงออกมาอีก?”
ชายชราที่ถือไม้เท้าตัวสั่นงันงก ไอสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวเนี่ยเฟิง ทำให้คนไร้ทางต่อต้านโดยสิ้นเชิง
เขากลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก วิ่งหัวซุกหัวซุนพุ่งออกไป
เวลานี้เนี่ยเฟิงถึงได้เหวี่ยงคนออกไปอีกทาง ชายชราอัปลักษณ์คนนั้นล้มลงราวกับร่างไร้กระดูก
ซาวาพุ่งเข้ามาทันที “พี่เฟิง! พี่เท่เป็นบ้าเลย!”
“ก็แค่ความสามารถเล็กน้อยเท่านั้น”
เนี่ยเฟิงส่ายหน้า สภาพเลวร้ายกว่าที่นี่ เขาก็เคยมีชีวิตรอดผ่านมาแล้ว ก็แค่จัดการพวกไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำไม่กี่คนเท่านั้น
ผ่านไปสักพัก มีชายวัยกลางคนคนหนึ่ง เดินตามชายชราที่ถือไม้เท้าคนเมื่อกี้เข้ามา
“ที่แท้ก็เป็นเด็กหนุ่มหล่อเหล่ามากความสามารถเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่านายจะร้ายกาจมาก เล่นงานคนของฉันจนมีสภาพแบบนี้ได้”
คนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น คือเฮยหลงนั่นเอง
“คำพูดเยินยอพวกนี้ฉันฟังมามากแล้ว นายไม่จำเป็นต้องพูดกับฉันอีก เฮยเป้าลูกชายของนายส่งคนมาพังข้าวของแหล่งขายรถของฉัน ทำให้พนักงานของฉันบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย พวกนายคิดจะชดใช้ยังไง?”
เนี่ยเฟิงเจอเก้าอี้ตัวหนึ่ง จากนั้นก็นั่งลง ยกขาขึ้นไขว่ห้าง แกว่งบิลค่าเสียหายฉบับนั้นที่อยู่ในมือไปมา
เฮยหลงหรี่ตา เขารู้สึกว่าเนี่ยเฟิงดูคุ้นตาอยู่บ้าง เหมือนกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“ขอโทษด้วย ลูกศิษย์ของฉันไร้มารยาทเอง ค่าเสียหายย่อมต้องชดใช้ แต่นายเองก็มาพังที่นี่ไปหนหนึ่งแล้ว เรื่องนี้ก็หายกันแล้วหรือเปล่า?”
“เฮยหลง นายดีดลูกคิดได้ไม่เลวเลย แต่พวกนายเป็นคนมาหาเรื่องฉันก่อน ฉันมาที่นี่ต้องการให้ชดใช้ค่าเสียหาย พวกนายกลับทำท่าทางไม่ดีใส่ ฉันถึงต้องลงมือสั่งสอนไงล่ะ