พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 150 คดีพลิก
บทที่ 150 คดีพลิก
เดิมเนี่ยเฟิงรู้ว่าพวกเขาก็คือพวกเดียวกัน เพราะอย่างไรที่นี่ก็เป็นเมืองเยี่ยนตู
ซาวาได้ยินก็เข้าใจที่พวกเขาพูด “พวกคุณไร้ยางอายเกินไปแล้ว!”
“หญิงต่างชาติอย่างเธอรู้ด้วยเหรอว่าอะไรเรียกว่าไร้ยางอายหรือไม่ไร้ยางอาย ถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็ต้องตามพวกเราไปด้วยกัน”
ตำรวจพวกนี้กัดไม่ปล่อยอยู่บ้าง เฮยหลงใช้สายตายั่วยุมองเนี่ยเฟิงกับซาวา
ซาวาเองก็คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะเป็นพวกเดียวกัน เธอกำหมัดแน่น พูดอย่างโกรธเคืองว่า “ฉันจะดูสิว่าพวกนายใครจะกล้าจับฉัน พวกนายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร! ฉันคือเจ้าหญิงนะ!”
หลังเฮยหลงได้ยินก็อดหัวเราะเสียงดังขึ้นมาไม่ได้ “แม้เธอจะหน้าตาสวยมาก แต่ก็ไม่เห็นต้องไร้ยางอายขนาดนี้เลย? ฉันยังไม่เคยเห็นใครเรียกตัวเองว่าเจ้าหญิงมาก่อน!”
ซาวาพลันกำหมัดแน่นทันที พูดอย่างโกรธเคืองว่า “พวกนาย พวกนายรังแกกันเกินไปแล้ว!”
เนี่ยเฟิงย่อมรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาเป็นพวกเดียวกัน หากจะพูดเหตุผลกับพวกเขา คงทำไม่ได้เป็นแน่ เห็นเพียงเขาขวางอยู่ตรงหน้าซาวา กล่าวกับตำรวจพวกนั้นว่า
“พวกนายอยากพาฉันกลับไป ฉันว่าพวกนายคงไม่ความสามารถขนาดนั้นหรอก”
“หึ! ดูท่านายคิดจะหนีการจับกุมสินะ?!”
หัวหน้ากองรีบก้าวออกมาทันที ถามเนี่ยเฟิงอย่างไม่พอใจ
“เปล่า ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น เพียงแต่พวกนายไม่อาจพาฉันไปได้”
หลังเนี่ยเฟิงพูดจบก็ยกมือถือขึ้นมา “ยังไม่รีบไสหัวมาที่นี่อีก มาพาสุนัขของพวกนายไป?”
พอหัวหน้ากองได้ยินเนี่ยเฟิงพูดเช่นนี้ ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “แกถึงกับกล้าด่าตำรวจเชียวเหรอ!”
“ก็แค่หัวหน้ากองเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น ฉันแนะนำว่านายอย่าอวดดีนักเลย”
เนี่ยเฟิงยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น นิ่งเด่นเป็นสง่า ไม่มีท่าทางหวาดกลัวแม้แต่น้อย
หัวหน้ากองพลันกัดฟันเดินเข้ามาทันที หยิบกุญแจมือขึ้นมา คิดจะสวมให้เนี่ยเฟิง
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเข้าใกล้เนี่ยเฟิง ก็ถูกเนี่ยเฟิงใช้เท้าข้างหนึ่งถีบออกไปแล้ว
“แกทำร้ายตำรวจ!”
เฮยหลงเองก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กตระกูลเนี่ยคนนี้จะถึงกับกล้าแข็งเช่นนี้ ควรรู้ว่าที่นี่คือถิ่นของพวกเขา!
ที่เรียกกันว่ามังกรแกร่งพลัดถิ่นหรือจะสู้งูดินเจ้าที่ อีกอย่างตระกูลเนี่ยก็ไม่ใช่มังกรแกร่งนานแล้ว เหลือแค่กากเดนอย่างเขาคนเดียว
ทำไมเขาถึงอวดดีได้ขนาดนี้กัน?
“ทำร้ายนายก็ทำร้ายนายสิ หรือฉันยังต้องเลือกวันอีก? พอถอดชุดนี้ออกนายก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น”
เนี่ยเฟิงพูดพลางยักไหล่ ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทำผิดตรงไหน
พอซาวาเห็นภาพนี้ก็รู้สึกสุขใจอย่างยิ่ง รีบพูดสมทบอยู่ด้านข้างว่า “เดิมพวกนายก็คือพวกคนเลวสมคบกันทำชั่ว ทำร้ายนายยังจะบอกว่าทำร้ายตำรวจอีก นายดูเอาสิพวกเขาพังแหล่งขายรถของเรา ค่าเสียหายมากมายไม่ชดใช้ก็แล้วไปเถอะ พวกนายยังจะเข้าข้างกันอีก
ซาวารู้สึกว่าพวกเขาสมควรได้รับแล้ว
“น่ารังเกียจ! อย่าขยับ! ไม่อย่างนั้นฉันจะยิงเธอซะ!”
หัวหน้ากองคลานขึ้นมาจากพื้นอย่างยากลำบาก พูดจบก็คว้าปืนที่อยู่ตรงเอวขึ้นมา เห็นเพียงเขาใช้ปืนเล็งไปที่เนี่ยเฟิง
หากคนทั่วไปเห็นปืนล้วนตกใจจนสะดุ้ง เพราะอย่างไรคนก็ไม่ใช่มนุษย์เกราะเหล็ก หากถูกยิงเข้า จะต้องบาดเจ็บเป็นแน่ หนักหนาสุดก็ถึงตายได้
แต่บนใบหน้าเนี่ยเฟิงเพียงปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยัน “ทำไม? จะยิงฉัน? งั้นก็เล็งให้ดีหน่อยล่ะ อย่าพลาดเชียว เพราะต่อไปนายจะไม่มีสิทธิ์ได้ถือปืนแล้ว”
“แกขู่ฉันเหรอ ฉันจะบอกให้นะ ฉันได้เป็นถึงหัวหน้าเพราะความหงอเหรอ ตำแหน่งนี้แกคิดว่าความกล้าของฉันน้อยนิดเท่าหนูหรือไง! เพียงแค่ทำร้ายตำรวจ หนีการจับกุมความผิดสองอย่างนี้ฉันก็สามารถยิงแกได้แล้ว!”
“ช่างกล้าเหลือเกิน แกจะยิงใคร!”
ทันใดนั้นก็มีน้ำเสียงเปี่ยมด้วยพลังดังลอยเข้ามา ตำรวจที่ถือปืนเตรียมพร้อมยิงกลุ่มหนึ่งล้อมห้องไว้ทันทีจนแม้แต่น้ำก็ยังไหลผ่านไม่ได้
พอเฮยหลงเห็นคนที่มาเป็นใครก็ตกตะลึงอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะคนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นผู้กำกับการตำรวจสำนักงานใหญ่แห่งเมืองเยี่ยนตูนั่นเอง
หลังผู้กำกับการตำรวจสำนักงานใหญ่เดินเข้ามา หัวหน้ากองก็รีบก้มหน้าทันที เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้กำกับถึงมาที่นี่
“พวกนายจัดการเรื่องยังไงกัน? ถึงกับทำให้คุณเนี่ยได้รับความไม่เป็นธรรมแบบนี้ เห็นๆ อยู่ว่าสถานฝึกยุทธเฮยหลงทำไม่ถูกต้อง! วิดีโอกล้องวงจรปิดนายเองก็เห็นแล้ว สถานฝึกยุทธเฮยหลงควรชดใช้ค่าเสียหายให้คุณเนี่ยถึงจะถูก”
เฮยหลงพลันขมวดคิ้วขึ้นมาทันที แม้เขากับผู้กำกับจะไม่ค่อยสนิทกัน แต่ในเมืองเยี่ยนตูเขาก็เป็นคนมีอิทธิพล เมื่อก่อนก็เคยกินข้าวกับผู้กำกับตั้งหลายครั้ง ตามหลักแล้วควรอยู่ข้างเดียวกับเขาถึงจะถูก ทำไมจู่ๆ ถึงเปลี่ยนไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามล่ะ?
นี่มันแปลกเกินไปหน่อยหรือเปล่า?
“ผู้กำกับ ผมคิดว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว เจ้าหมอนี่มาถึงสถานฝึกยุทธเฮยหลงของเรา ก็ทำร้ายลูกศิษย์ไปมากมาย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องรับผิดชอบเช่นกัน ไม่ใช่หรือ”
“หึ จะพูดแบบนี้ไม่ได้ ตอนแรกที่ฉันมาที่นี่ เดิมก็คิดจะมาขอเจรจา แต่พวกนายกลับเล่นหมาหมู่ คิดว่าฉันมาที่นี่คนเดียวจะรังแกง่าย ดังนั้นพวกนายจึงลงมือก่อน ฉันย่อมต้องป้องกันตัวเป็นธรรมดา”
ใบหน้าของเนี่ยเฟิงเผยรอยยิ้มอันบริสุทธิ์จริงใจออกมา “พวกคุณทุกคนสามารถเอากล้องวงจรปิดมาดูได้ พวกเขาลงมือก่อนจริงๆ”
เฮยหลงกัดกรามหลัง ตระกูลเนี่ยแต่ละคนล้วนเป็นอัจฉริยะ ตอนที่เขากับเนี่ยเจิ้งเคยประมือกันก็พ่ายแพ้มาแล้ว คิดไม่ถึงว่าลูกของเขาจะเก่งกว่าเขาเสียอีก!
เฮยหลงรู้ว่าเนี่ยเฟิงฝีมือยอดเยี่ยม เขาไม่ใช่คู่มืออย่างแน่นอน เพราะอย่างไรเนี่ยเฟิงตัวคนเดียวก็ยังเอาชนะลูกน้องของน้องรองกับน้องสามเขาได้
คนเหล่านี้ล้วนเคยผ่านการฝึกพิเศษมา แม้กระทั่งเฮยหลงก็ไม่ใช่คู่มือของคนเหล่านั้น ดังนั้นเฮยหลงจึงหลอกเนี่ยเฟิงมาที่นี่ คิดจะยิงเพื่อสั่งสอนเขา
ใครจะรู้ว่าทักษะการหลบหลีกของเนี่ยเฟิงจะร้ายกาจถึงขนาดนั้น เขาไม่ใช่คู่มือของเนี่ยเฟิงโดยสิ้นเชิง
และเพราะเป็นเช่นนี้ เฮยหลงถึงคิดจะให้คนของสถานีตำรวจมาที่นี่ จับตัวเนี่ยเฟิงไป ขอเพียงเนี่ยเฟิงเข้าไป ทุกอย่างก็จะจัดการง่ายขึ้น ควรรู้ว่าทั้งเมืองเยี่ยนตูล้วนเป็นคนของเขา
แต่คิดไม่ถึงว่าผู้กำกับการตำรวจสำนักงานใหญ่จะช่วยเนี่ยเฟิง
“มีใครป้องกันตัวแล้วเล่นงานคนจนมีสภาพเช่นนี้บ้าง?”
ตาเฒ่าสามพลันโกรธขึ้นมาทันที กัดฟันมองเนี่ยเฟิง
“พวกนายพวกเดียวกันตีฉันคนเดียว ฉันย่อมต้องออกแรงต่อต้านเป็นธรรมดา ไม่อย่างนั้นฉันต้องถูกพวกนายตีตายแน่ ฉันเป็นคนยุติธรรมมาก ขอเพียงพวกนายชดใช้ค่าเสียหายให้ฉัน อย่างนั้นฉันย่อมไม่มีทางมาหาเรื่องพวกนายแน่”
“แต่ค่าเสียหายที่นายว่ามาก็มากเกินไป เป็นหมื่นเป็นแสนล้านเชียวนะ!”
เฮยหลงคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลง ตอนแรกทางฝั่งพวกเขากำลังได้เปรียบ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีอะไรเลย
“พี่เฟิงไม่มีความคิดจะหลอกเอาเงินพวกนาย พวกนายคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าธุรกิจของเขามีอยู่ทั่วโลกเท่าไหร่ มีเรื่องอีกมากมายแค่ไหนที่ต้องการให้เขาไปทำ ค่าเสียหายหมื่นล้านไม่ได้มากมายอะไรเลย เป็นการไว้หน้าพวกนายมากแล้ว”
ซาวาเชิดคางขึ้น
“เจ้าหญิงซาวาพูดได้ถูกต้อง บัญชีในส่วนนี้พวกนายต้องชดใช้จริงๆ”
ผู้กำกับพยักหน้าอย่างจริงจัง เฮยหลงกัดฟัน ตอนนี้หากขัดขืน จะต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านแน่ เจ้าหมอนี่ไม่รู้ว่าไปสมคบกับผู้กำกับได้ยังไง
ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ของเฮยหลงไร้หนทางต่อต้านโดยสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้ดวงตาของเฮยหลงจึงเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มพลางกล่าวว่า “ใช่ๆๆ จะต้องชดใช้อย่างไม่ตกหล่นแน่นอน คืนนี้ผมจะส่งเงินไปให้คุณเนี่ย พวกคุณดู แบบนี้เป็นยังไง?”