พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 157 ไร้ยางอาย
บทที่ 157 ไร้ยางอาย
“เมื่อกี้น้องจงใจใช่ไหม?”
เมื่อเนี่ยเฟิงใช้บัตรรูดเปิดประตู หลินซูอินก็เดินเข้ามาถาม อย่างเสียงเบา
“ใช่แล้ว ผมรู้สึกว่าหล่อนทําอย่างนี้ทําให้ผมรู้สึกอึดอัดใจมาก ดังนั้นผมจึงจงใจให้หล่อนจ่ายเงินเองสะเลย”
เนี่ยเฟิงพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา
หลินซูอินพูดขึ้นอย่างอดยิ้มไม่ได้ว่า “หล่อนเป็นแค่เด็กสาวที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรเท่านั้น ไม่ต้องไปคิดเล็กคิดน้อยกับหล่อนไปเลย”
“ไม่ได้หรอกครับ เอาเปรียบผมน่ะไม่เป็นไร แต่ถ้าเอาเปรียบพี่สามของผมไม่ได้”
เนี่ยเฟิงส่ายหน้า และพูดขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว
“ดูท่าทางน้องสิ ไม่รู้ไปเรียนมาจากใคร”
“ในเมื่อเช่าห้องได้แล้ว งั้นพี่ก็ไปพักผ่อนเถอะ อีกสักพักผมจะพาพี่ไปดูสถานที่ลงแข่งที่สนามโหวเหนี่ยว”
เนี่ยเฟิงแสยะยิ้ม “ดูสิ ห้องนี้ดีมาก!”
“ห้องราคาเกือบ 6,000 หยวนเลยนะ ห้องนี้ยังไม่ถือว่าดีมากหรอกพี่? งั้นผมคงต้องไปฟ้องร้องล่ะ”
แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง ห้องที่แพงขนาดนั้น หลินซูอินก็รู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก
แต่เงินทั้งหมดก็ถูกจ่ายไปแล้ว และในตอนนี้พวกเขาก็ไม่สามารถเอาคืนกลับมาได้แล้ว
เนี่ยเฟิงกลับไม่ได้สนใจอะไร เงินเล็กน้อยแค่นี้สําหรับเขาแล้ว เป็นเพียงเรื่องจิ๊บจ๊อยเท่านั้น
แต่ในตอนนี้หลี่ซวนกลับรู้สึกโกรธเป็นอย่างมากและเขาก็คิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะถูกคาดเดาไว้ก่อนแล้ว
“น่าเกลียด ทั้งทั้งที่รวยขนาดนั้น กลับไม่ช่วยฉันจ่ายเงินให้เขา! นี่มันคนอะไรกัน! ”
หลี่ซวนทุบโต๊ะอย่างโกรธเคือง
ตอนแรกคิดว่าหลายวันนี้หล่อนคงจะกินดื่มและอยู่อย่างฟรีๆ แต่คิดไม่ถึงว่าสองพี่น้องนี้จะไม่ช่วยหล่อนจ่ายเลย
ในตอนนี้หลี่ซวนก็ได้พักอยู่ในห้องเพรสซิเดนสูทที่หรูหราเช่นนี้แล้ว แต่กลับไม่ได้รู้สึกมีความสุขเลยสักนิด
ยิ่งหล่อนคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเท่านั้นและยิ่งคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกเกลียดมากขึ้นเท่านั้น!
หลี่ซวนเอนกายลงนอนอยู่บนเตียง และเอาแต่คิดเรื่องนี้อย่างโกรธเคือง หลังจากคิดไปอยู่นาน หลี่ซวนก็เผลอหลับไป
ซึ่งตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงแล้ว เนี่ยเฟิงจึงไปหาหลินซูอิน
“พี่สาม ผมหิวแล้ว พวกเราไปกินอะไรอร่อยอร่อยกันดีกว่า?” เนี่ยเฟิงมองหลินซูอินอย่างน่าสงสาร
หลินซูอินวางรายการเพลงที่หล่อนเขียนไว้ข้างๆ
“ได้เลย ไม่มีใครสามารถทำให้เสี่ยวเฟิงของเราหิวได้” เสี่ยวเฟิงอยากทานอะไรล่ะ? ”
“ไม่รู้สิ มีอะไรที่พี่อยากทานไหมล่ะ? พวกเราค่อยไปทานด้วยกัน? ”
เนี่ยเฟิงพูดดังนั้นก็ทำท่ากําลังจะเดินไป
“ทําไมเราไม่เรียกหลี่ซวนล่ะ?” หลินซูอินคิดว่า ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็เป็นครูจากโรงเรียนเดียวกัน ถ้าไม่เรียกมันก็จะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เนี่ยเฟิงกลับส่ายหน้า “ผมไม่อยากเรียกหล่อนไปเลย ”
“เฮ้อ พี่รู้ว่าความประทับใจแรกที่หล่อนทำให้น้องนั้นไม่ดีเท่าไหร่ แต่พี่มากับหล่อน หากพี่ไปทานอาหารกลางวันกับน้องแค่คนเดียว เมื่อนั้นหล่อนจะต้องไม่พอใจอย่างแน่นอนเลย”
“พี่สาม พี่นี่ชอบนึกถึงคนอื่นอยู่เรื่อยเลย ดังนั้นจึงโดนรังแกทุกครั้ง…”
“พี่ไม่ได้โดนรังแกหรอก ถ้าคนอื่นรังแกพี่ พี่ก็จะตอบโต้กลับ คุณครูหลี่ค่อนข้างใจร้อนบางครั้งอาจจะมีแนวโน้มว่าจะเอาเปรียบ แต่หล่อนก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร”
คนคนหนึ่งจะดีหรือไม่ดีนั้นเราสามารถมองได้จากสิ่งเล็กเล็กน้อยน้อยเหล่านี้
เนี่ยเฟิงไม่ชอบหลี่ซวนเลย เพียงแต่พี่สาวของเขาจิตใจดีเกินไป
“งั้นก็เอาเถอะ”
หลินซูอินก็ไปกดกริ่งประตู
หลี่ซวนที่กําลังหลับอยู่นั้นก็ถูกปลุกจนตื่น แล้วโกรธจนไม่สะทกสะท้านอะไรไปครู่หนึ่ง เห็นเพียงแต่ใบหน้าที่มืดครื้มของหล่อน ทันใดนั้นหล่อนก็เปิดประตูออก “ทําอะไรน่ะ! เหนื่อยมาทั้งเช้าแล้ว ทำไมยังไม่ให้คนอื่นนอนพักผ่อนดีๆอีก! ”
หลินซูอินไม่คิดว่าหลี่ซวนจะตื่นมาด้วยอารมณ์โกรธขนาดนั้น “ฉันเห็นว่ามันใกล้จะเที่ยงแล้ว เลยอยากมาถามว่าจะไปทานข้าวด้วยกันกับเราไหม ถ้าเผลอไปปลุกคุณขึ้นมา ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะ”
หลี่ซวนยังรู้สึกไม่สบอารมณ์กับเรื่องในวันนี้เท่าไหร่!
หลินซูอินพวกเขาชนเข้ากับปากกระบอกปืนอย่างไม่ต้องสงสัย
“พวกคุณไปกินเองเถอะ!”
พอหลี่ซวนพูดจบ เสียง “โครม” ก็ดังขึ้น และเหวี่ยงประตูอย่างดุดัน
“ดูสิ หล่อนคนนี้ไม่ได้มีความสามารถอะไรมากมาย แถมยังอารมณ์ร้อนอีก ผมบอกไปแล้วว่าไม่ต้องมาเรียกหล่อนแล้ว เห็นไหมว่าพวกเราถึงกับต้องหงายหลังกลับมากันเลยทีเดียว”
“งั้นก็ได้ ในเมื่อเขาไม่อยากไปทานข้าวกับพวกเราแล้ว งั้นพวกเราก็ไปเองกันดีกว่า” เสี่ยวเฟิง น้องคิดได้หรือยังว่าจะไปกินอะไร? ”
หลินซูอินมักจะเป็นคนที่ชอบคล้อยตามคนอื่นเสมอ
คิดไม่ถึงเลยว่าในตอนนี้ ประตูห้องจะถูกเปิดออกอีกครั้ง หลี่ซวนโผล่หัวออกมา แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ในเมื่อพวกคุณมาเรียกฉันแล้ว งั้นฉันก็จะไปทานข้าวกับพวกคุณเอง”
เดิมทีเนี่ยเฟิงไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีอะไรต่อคนคนนี้ แต่ในตอนนี้พอเห็นหน้าเขาแล้วกลับรู้สึกรําคาญขึ้นมาแทน
ปกติแล้วเนี่ยเฟิงก็เคยคบค้าสมาคมกับผู้หญิงมาไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่ทําให้เขาไม่สบอารมณ์เหมือนวันนี้
เดิมทีเนี่ยเฟิงก็ไม่ได้คิดจะมา เพื่อเรียกหลี่ซวนไปทานข้าวด้วยกัน เพราะในสายตาของเนี่ยเฟิง หลี่ซวนคนนี้เป็นแค่คนหนึ่งที่จงใจและจู้จี้เรื่องมากเท่านั้น
ที่สายตาของหลี่ซวนยึดติดอยู่กับเฟอร์รารีที่เขาขับมาเมื่อครู่นั้น บางทีอาจเป็นเพราะหล่อนเห็นเขาขับรถเฟอร์รารี ดังนั้นหลี่ซวนจึงรู้สึกว่าเขารวยมาก
ถ้าหลี่ซวนเป็นเพื่อนของพี่สามของเขา นั่นก็ถือว่าแล้วไป แต่พวกหล่อนก็เป็นเพียงเพื่อนร่วมงานเท่านั้น และหลี่ซวนก็ยังเป็นแค่ครูฝึกหัด
ครูฝึกหัดที่อยากเข้าพักในโรงแรมหรูหราแบบนั้นไม่ใช่ว่าเขาจงหรอกเหรอ?
เนี่ยเฟิงไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร พวกเขาจึงเดินออกไปถึงที่หน้าประตูโรงแรม หลี่ซวนก็พลันเอ่ยปากขึ้นว่า
“หม้อไฟหม่าล่าที่นี่มีชื่อเสียงมาก ทําไมเราไม่ไปกินหม้อไฟหม่าล่ากันล่ะ?”
เมื่อหลี่ซวนพูดออกมา สองพี่น้องก็ขมวดคิ้วพร้อมกัน
หลินซูอินกําลังจะแข่งแล้ว อาหารรสจัดแบบนี้หากกินมากไปจะต้องเป็นร้อนในอย่างแน่นอน หรืออาจจะทําให้ลําคออักเสบก็เป็นได้ แล้วเมื่อถึงตอนนั้นจะร้องเพลงออกมาได้ยังไงล่ะ?
หลายวันมานี้หลินซูอินจะพูดอะไรก็ต้องพูดอย่างเสียงเบา เพื่อรักษาสภาพที่ดีที่สุดไว้
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลี่ซวนจะไม่รู้อะไรเลย ยังจะให้หล่อนไปกินหม้อไฟหม่าล่าอีก
“คุณครูหลี่ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ พรุ่งนี้ฉันจะต้องเข้าร่วมการแข่งขันแล้ว ดังนั้นฉันคงไปกินหม้อไฟหม่าล่ากับคุณไม่ได้”
“อะไรนะ?”ทําไมต้องออกมาอย่างยุ่งยากกับคนอย่างคุณด้วย อันนี้กินไม่ได้ อันนั้นก็กินไม่ได้! ”
หลี่ซวนอดไม่ได้ที่จะกลอกตา การกระทําเช่นนี้ของหล่อน ทำให้เนี่ยเฟิงยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจมากขึ้นเท่านั้น
หากโดยปกติแล้วมีคนทําแบบนี้กับหล่อน งั้นเจ้าหมอนั่นคงอยู่ไม่รอดเป็นแน่ แต่ถึงอย่างไรหล่อนก็เป็นเพื่อนร่วมงานของหลินซูอิน ดังนั้นเนี่ยเฟิงจึงไม่สามารถลงมือได้อย่างลนรีบ
“พวกคุณเรียกฉันมาทานข้าวด้วยกัน แต่พอฉันเลือกได้แล้วว่าจะทานอะไร พวกคุณก็กลับบอกว่าทานไม่ได้ เช่นนั้นเรียกให้ฉันมาทานข้าวอะไรกันล่ะ”
หลี่ซวนจงใจทำอย่างนั้น เพื่อแก้แค้นเรื่องเมื่อครู่ และเมื่อเห็นว่าสองพี่น้องนั้นต่างก็ไม่กล้าพูดอะไร หลี่ซวนก็ยิ่งพูดอย่างรุนแรงขึ้น
“ในเมื่อพวกคุณเรียกฉันมาทานข้าวด้วยกัน งั้นฉันก็เป็นแขกแล้วสิ แล้วพวกคุณจะต้อนรับแขกแบบนี้ได้ยังไงกัน? แม้แต่หม้อไฟหม่าล่าก็ยังกินไม่ได้ ”
“งั้นพวกคุณก็ไปกินเองเถอะ”
เนี่ยเฟิงชําเลืองมองหลี่ซวน เจ้านี่ไม่ไว้หน้าเราเลยจริงๆ
“เฮ้ย พวกคุณนี่ตลกจริงๆเลย ทั้งทั้งที่ พวกคุณเป็นคนเรียกฉันลงมาทานข้าวด้วย แต่ตอนนี้พวกคุณกลับกล่าวโทษฉันอีกแล้วใช่ไหม?”
หลี่ซวนยืนเท้าเอวและชี้ไปยังพวกเขาทั้งสองอย่างไม่สบอารมณ์
“คุณครูหลี่ คุณเป็นคนที่เป็นตัวอย่างที่ดีไม่ใช่เหรอคะ”
“เรียกคุณลงมาทานข้าวก็เป็นแค่คำที่แสดงถึงความเกรงใจเท่านั้น และคุณก็เป็นผู้ใหญ่แล้วนะ คุณดูไม่ออกหรือไง? ยังจงใจเดินตามเรามาด้วยใบหน้าที่เขินอายอีก ทั้งทั้งที่ ก็รู้ว่าพี่สามของผมจะแข่งขันในวันพรุ่งนี้แล้ว ทำไมยังจะให้หล่อนกินหม้อไฟหม่าล่าอีก คุณไม่อยากให้โรงเรียนชนะหรือไง? คุณมีเจตนาอะไรหรือเปล่า? ”