พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 158 เสียงเพลงที่น่าทึ่ง
บทที่ 158 เสียงเพลงที่น่าทึ่ง
หลี่ซวนไม่เคยคาดคิดเลยว่าเนี่ยเฟิงจะก้าวร้าวขนาดนี้
“เจ้าหมอนี่ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลยหรือไง? แม้แต่กับผู้หญิงที่อ่อนแออย่างฉันยังกล้ามาถกเถียงด้วย คุณมันช่างขายหน้าลูกผู้ชายจริงๆ”
หากจะเถียงตามเหตุผลหลี่ซวนคงไม่สามารถเถียงชนะเนี่ยเฟิงได้ ดังนั้นหล่อนจึงเริ่มก่อความวุ่นวายสุ่มสี่สุ่มห้าเพราะหล่อนไม่อยากให้เนี่ยเฟิงเถียงชนะได้ และเพื่อทำให้เนี่ยเฟิงรู้สึกอึดอัดใจ!
“ขอโทษด้วยนะ คุณดูไม่เหมือนผู้หญิงที่อ่อนโยนเลยสักนิด เรื่องนี้เดี๋ยวค่อยกันอีกที
ผมพูดว่าผมเป็นสุภาพบุรุษเมื่อไหร่กัน ผมจะบอกอะไรให้นะเนื้อแท้ผมเป็นพวกนักเลงหัวไม้”
เนี่ยเฟิงพูดพร้อมกับชูนิ้วหัวแม่โป้งให้ตัวเอง และผมก็ไม่เคยรู้สึกละอายใจ แถมยังภูมิใจกับมันอีกต่างหาก
หลี่ซวนโกรธเป็นอย่างมาก ถึงขั้นพูดไม่ออกเลยทีเดียว หลินซูอินเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ พวกคุณทั้งสองพี่น้องรวมหัวกันกลั่นแกล้งฉัน!”
ลี่ซวนจึงรีบวิ่งหนีไปทันที
“ผมเคยเห็นคนหน้าด้านมามาก แต่ไม่เคยเห็นใครหน้าด้านเท่ากับนางนี่เลย พี่ ทำไมพี่ถึงยังอยากอ่อนข้อให้กับหล่อนอีกเหรอ? คนแบบนี้ยิ่งอ่อนข้อให้เท่าไหร่ก็ยิ่งหน้าด้านมากขึ้นเท่านั้น พี่อย่าให้ความอ่อนหวานกับหล่อนเลย! ”
“พอแล้วพอแล้ว อย่าโกรธมากไปเลย หลังจากที่พี่รู้แล้วการที่พี่จะเว้นระยะห่างกับหล่อนน่ะเป็นเรื่องที่ถูกแล้ว หล่อนเป็นคนที่ทางโรงเรียนจัดให้มากับพี่ ถ้าพี่ร้องเพลงไม่ได้แล้ว เช่นนั้นหล่อนก็จะเป็นผู้มาแทน อย่างไรก็ตามพวกเราต่างก็มาจากโรงเรียนเดียวกัน ดังนั้นพี่จึงไม่สามารถฉีกหน้าของตัวเองได้ว่าไหม?”
หลินซูอินตบไหล่เนี่ยเฟิงเบาๆ และพูดปลอบเนี่ยเฟิง
“แต่ถึงอย่างนั้น พี่ก็ไม่สามารถอ่อนข้อให้หล่อนขี่หัวของพี่ได้ พี่เป็นคนที่จิตใจดีคนหนึ่ง ถ้าพี่ไม่สู้กลับ หล่อนก็จะคิดว่าพี่เป็นคนที่โดนกลั่นแกล้งง่าย”
เมื่อเนี่ยเฟิงได้ยินหลินซูอินพูดว่าหลี่ซวนเป็นตัวสำรองเขาก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ และก็จำเหตุการณ์ที่หลี่ซวนขอให้หลินซูอินกินหม้อไฟหม่าล่าเมื่อครู่ได้
“ในระยะนี้พี่ต้องระวังตัวให้ดี อย่ากินสิ่งที่หล่อนให้พี่กินโดยเด็ดขาด ผมกังวลว่าหล่อนจะทำร้ายคอของพี่”
หลินซูอินรู้สึกประหลาดใจอย่างเงียบๆ และหล่อนก็พูดอย่างลังเลว่า
“มันคงไม่เป็นอย่างนั้นหรอก? คุณครูหลี่ไม่ได้เป็นคนที่เลวร้ายขนาดนั้น”
“มันยากที่จะพูด แต่ถ้าหล่อนแอบเข้ามาแทนที่พี่ เช่นนั้นไม่ว่าอะไรก็ตามหล่อนก็สามารถทำได้หมด”
ยิ่งไปกว่านั้นความขัดแย้งของพวกเขาก็ได้ก่อตัวขึ้นแล้ว และเนี่ยเฟิงก็จะไม่สงสัยเลยว่าหลี่ซวนจะทำเรื่องเช่นนี้ได้
“เอาล่ะ พี่จะระมัดระวังอย่างแน่นอน ไม่ต้องพูดแล้ว น้องคงหิวมากแล้ว เราไปหาที่ทานข้าวกันเถอะ พรุ่งนี้พี่ต้องเข้าร่วมการแข่งขันแล้ว ดังนั้นพี่ต้องกินเบาๆหน่อย เลือกสิ่งที่น้องชอบเลย ไม่ต้องทานตามใจพี่หรอก”
พี่น้องทั้งสองก็ไปที่ร้านอาหารใกล้ๆและตอนนั้นเองหลี่ซวนก็โทรหาเสี่ยเลี้ยงของเขา
“พี่หย่ง พี่ ต้องรับหน้าที่แทนน้องแล้วนะ! พวกเขาทั้งสองคนรังแกน้องขนาดนั้น น้องเป็นเพียงผู้หญิงที่อ่อนแอคนหนึ่ง น้องจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้อย่างไร? น้องมาที่นี่ก็เพื่อคอยรับใช้ครูหลิน แต่เขากลับไม่ซาบซึ้งในบุญคุณของน้องเลย และยังใช้น้องอย่างกับสาวใช้ ในตอนนี้แม้แต่เรื่องทานข้าวยังเกิดความแตกแยกกับน้องเลย!”
น้ำเสียงร้องไห้ของหลี่ซวนช่างชวนให้คนสงสาร เสียงของหล่อนก็ไพเราะดีเหมือนกัน แต่หล่อนกลับไม่สามารถเป็นครูสอนดนตรีได้..
“โธ่เอ๋ย ที่รักของผม อย่าร้องไห้เลย ใจพี่หย่งแทบสลายเมื่อเห็นน้องร้องไห้ นั่นคือครูหญิงที่ได้รับรางวัลที่น้องพูดถึงอยู่บ่อยบ่อยใช่ไหม! ครั้งหน้าพี่ไปประชุมที่นั่นพี่จะไล่หล่อนออกไปทันที”
น้ำเสียงของผู้ชายที่หยาบคายดังขึ้นที่ปลายสาย และชายคนนั้นก็ปลอบโยนหลี่ซวน ด้วยการเล่นละครตบตา
“น้องนี่ไม่รู้เลยว่าพวกเขาทำเกินไป และพวกเขาก็จงใจทำด้วย ตอนนี้น้องโดนพวกเขาขังอยู่ที่โรงแรมตี้เหา และโรงแรมที่ราคาแพงเช่นนี้น้องพักได้อย่างไร? น้องจำต้องควักเงินออมของน้องมาใช้”
หลี่ซวนทำน้ำเสียงออดอ้อน ทำเอาคนมึนกันไปหมด และพี่หย่งก็ชอบแบบนี้ด้วย ดังนั้นเขาจึงรีบโบกมือ และส่งมอบซองแดงขนาดใหญ่ให้หลี่ซวนทันที
หลี่ซวนได้ยินเสียงการโอนเงิน และหล่อนก็ร่าเริงด้วยความดีใจและใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงรีบเข้าไปดูและพบว่าเป็นจำนวนเงิน 50,000 หยวน!
“พี่หย่งใจดีมากเลยค่ะ ความจริงแล้วน้องกับครูหลินคนนั้นเสียงก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ และเสียงของน้องก็ไพเราะกว่าหล่อนมาก หล่อนแค่มีประสบการณ์มากว่าน้องแค่นั้น”
“ใช่แล้วใช่แล้ว เสียงของน้องไพเราะจริงๆ” แต่สิ่งที่พี่อยากได้ยินมากคือฟังน้องร้องเพลงบนเตียง!”
ทันใดนั้นหัวข้อสนทนาก็กลายเป็นเรื่องไร้สาระทันทีและหลี่ซวนก็พูดอย่างโมโหว่า
“ดูท่าทางร้อนใจของพี่สิหลังการซ้อมใหญ่คืนนี้ น้องจะไปอยู่เป็นเพื่อนพี่นะ!”
“การซ้อมใหญ่ในคืนนี้พี่ก็จะไปด้วยเมื่อถึงตอนนั้นพี่จะคอยดูว่าที่รักของพวกเราโตแล้วหรือยัง!”
ทั้งสองคนนั้นคุยกันไปแล้วก็คุยกันมาอย่างนั้นไปพักหนึ่ง หลี่ซวนก็วางสายไป น่าเสียดาย ที่เขาคนนั้นเป็นเพียงแค่ผู้อำนวยการโรงเรียน ที่ต้องการให้หล่อนมาแทนที่ หลินซูอิน และยังค่อนข้างฝืนใจ
อย่างไรก็ตามค่าเช่าห้องก็เอากลับคืนมาให้ได้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังโดนจ่ายเงินไปมากมายโดยไม่มีเหตุผลเอาสะเลย และหลี่ซวนก็รู้สึกว่าหล่อนสามารถนำเงินไปซื้อกระเป๋าที่ดีกว่านี้ได้
แต่เพียงเพราะหล่อนไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้จริงๆแล้วต้องทํายังไงถึงจะทําให้สองพี่น้องนี้ขายหน้าได้?
หลี่ซวนแอบคิดวางแผนในใจอย่างเงียบๆ
หลังจากที่เนี่ยเฟิงพวกเขาทานข้าวเสร็จก็กลับไปที่โรงแรมตี้เหา เมื่อมาถึงโรงแรมตี้เหาแล้ว หลินซูอินก็ได้รับข้อความจากผู้จัดงาน ผู้จัดงานบอกกับหลินซูอินว่า ตอนนี้พวกเขาสามารถไปดูสนามลงแข่งได้แล้วและสามารถลองสนามแข่งได้
“พี่สามเดี๋ยวผมพาพี่ไปเอง ส่วนครูหลี่คนนั้น เราอย่าไปยุ่งกับหล่อนเลย ผมไม่ชอบขี้หน้าหล่อนเลยจริงๆ ให้หล่อนนั่งแท็กซี่ไปเองดีกว่าครับ ยังไงหล่อนก็เป็นแค่ตัวสำรองเท่านั้น”
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครู่พวกเขาเพิ่งจะทะเลาะกันไปเอง ดังนั้นเนี่ยเฟิงจึงไม่อยากให้ความสนใจอะไรกับหลี่ซวนแล้ว
นางนั่นเป็นแค่คนขี้เห่อคนหนึ่ง และหากถือโอกาสหาผลประโยชน์ในตัวพวกเขาไม่ได้ หล่อนก็จะเปลี่ยนสีหน้าทันที
หลินซูอินรู้ว่าหลี่ซวนยังคงโกรธอยู่อย่างแน่นอน ดังนั้นหล่อนจึงเอาแต่พยักหน้า
“เอาเถอะ พวกเราก็ไปด้วยกันสองคนนี่แหละ”
พวกเขาทั้งสองคนก็ขับรถออกไปยังสนามโหวเหนี่ยว เมื่อหลี่ซวนรู้ข่าวพวกเขาก็ไปถึงแล้ว หลี่ซวนโกรธเป็นอย่างมาก และคิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะไม่เรียกหล่อนเลย ทำให้หล่อนต้องนั่งแท็กซี่ไป
ทันทีที่หลี่ซวนมาถึงสถานที่จัดงานหล่อนก็เห็นหลินซูอินค่อยๆก้าวขึ้นไปบนเวที จากนั้นหล่อนก็เดินไปรอบรอบที่นี่ และทำความสะอาดลำคอจากนั้นก็ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย อย่างไรเสียก็จะเข้าการแข่งขันในวันพรุ่งนี้แล้ว
ท่าทางของหลินซูอินนั้นสง่างามมาก หล่อนเดินขึ้นไปบนเวที และดวงตาของหล่อนก็เปล่งประกายด้วยดวงดาวที่ส่องแสงพร่างพราวราวกับว่าใส่ดวงดาวที่ถูกบดขยี้ไว้ในดวงตาของหล่อน
ได้ยินแค่หลินซูอินร้องเพลง มาตุภูมิของฉันอย่างช้าช้า
เสียงร้องเพลงที่นุ่มนวลทำให้ผู้คนไม่อาจหักใจจากไปไหนได้ และทุกคนก็หยุดตัวลง เพียงเพื่อฟังเสียงที่มีชีวิตชีวานั้น
แม้จะเป็นเพียงเสียงร้องเพลงที่ไร้ซึ่งอากัปกิริยา แต่กลับมีเสน่ห์ที่ไม่มีอาจมีสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้
เขารู้ว่าพี่สาวของเขานั้นร้องเพลงเพราะมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากผ่านการฝึกฝนแล้ว เสียงของหลินซูอินจะน่าทึ่งมากขนาดนี้ นี่เรียกได้ว่าเป็นเสียงสวรรค์เลยนะ
หลังจากที่หลินซูอินร้องเพลงจบ ทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะปรบมือ และในขณะเดียวผู้เข้าร่วมการแข่งขันก็รู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก คาดไม่ถึงเลยว่าหลินซูอินจะเป็นคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังขนาดนี้
“ผู้เข้าร่วมการแข่งขันคนนี้เป็นใครกัน? เอาข้อมูลของหล่อนมาให้ผมเร็วเข้า!”
ชายที่กำลังฟังเพลงอยู่ด้านข้าง ก็รีบเรียกหาผู้ดูแลสนามโหวเหนี่ยว สายตาของเขาก็มองตรงไปตามเงาร่างของหลินซูอิน