พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 161 เหตุการณ์หลังเวที
บทที่ 161 เหตุการณ์หลังเวที
เนี่ยเฟิงรีบส่ายหน้า “ไม่ใช่ไม่สวย แต่เพราะสวยเหลือเกิน ผมเลยไม่รู้จะพูดอะไรดี”
“หมอนี่อายุแค่นี้นึกไม่ถึงว่าจะรู้จักกะล่อน ไม่รู้ไปหัดมาจากใคร”
ปกติหลินซูอินก็ถูกคนอื่นชมไม่น้อยอยู่แล้ว แต่ที่คนอื่นชมกับที่เนี่ยเฟิงชมเป็นคนละเรื่อง
หลินซูอินสวมใส่กี่เพ้าสีม่วงทึบ ช่วงบนเป็นลวดลายสีเข้ม แม้ว่าดูแล้วจะเรียบๆ แต่ก็ขับให้หลินซูอินดูโดดเด่นขึ้นมาได้
เดิมทีหลินซูอินก็เหมือนสาวงามยุคคลาสสิคที่ออกมาจากภาพวาด พอสวมกี่เพ้าแล้วก็ยิ่งเห็นทรวดทรงสัณฐาน ทำให้ผู้คนต้องอ้าปากค้าง
“ชุดที่ใส่ในการแข่งขันครั้งนี้เสียเงินไปไม่น้อย ฉันถึงขั้นลงทุนเลยนะ”
หลินซูอินเผยรอยยิ้มเล็กน้อย
“มันก็สวยจริงๆ ต่อไปถ้าผมมีเงิน ผมจะซื้อเสื้อผ้าให้พี่สามเต็มตู้เลย!”
เนี่ยเฟิงพูดอย่างรับรอง
“ฉันไม่ได้ใช้เสื้อผ้าเยอะขนาดนั้น เสื้อผ้าพวกนี้ในตู้ของฉันก็ใส่พออยู่แล้ว”
หลินซูอินส่ายหน้า “เพียงแต่เป็นตัวแทนโรงเรียนไปออกแสดง อีกทั้งเป็นการแข่งขันระดับมณฑล ฉะนั้นฉันเลยต้องให้ความสำคัญหน่อย”
“พี่สาม พี่จะร้องเพลงสินะ! พี่จะร้องเพลงอะไรเหรอ?”
“การแข่งครั้งนี้ต้องเลือกเพลงเพียงเพลงเดียวมาแสดงจากบรรดาหลายเพลง ทุกเพลงล้วนเป็นเพลงสรรเสริญมาตุภูมิ เพลงที่ฉันเลือกคือบทเพลง “มาตุภูมิ” ”
เดิมหลินซูอินเป็นคนเสียงดีอยู่แล้ว พอร้องเพลงพวกนี้ก็ยิ่งชวนให้เคลิบเคลิ้มเหมือนฝัน
“งั้นก็รบกวนนายเป็นหนึ่งในผู้ชมให้หน่อยแล้วกัน ฉันจะร้องไห้ฟังนะ”
หลินซูอินยืนอยู่กลางห้องรับแขก เนี่ยเฟิงนั่งอยู่ใกล้ประตูทางเข้าตรงตำแหน่งผู้ชมพอดี ได้ยินหลินซูอินวอร์มลูกคอ จากนั้นก็เริ่มร้องเพลง “มาตุภูมิ”
สมคำกล่าวที่ว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง พอเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าชุดนี้แล้ว ท่าทางของหลินซูอินเหมือนจะสูงขึ้นอีกหลายระดับ
เธอเดินอยู่บนเวทีอย่างธรรมชาติ ด้านหนึ่งก็ร้องเพลงไป อีกด้านก็กวาดสายตาไปรอบๆ ดวงตาดอกท้อคู่นั้นเหมือนราวกับมีความรู้สึก
พอเพลงจบ หลินซูอินก็ถามด้วยความรู้สึกเคอะเขิน “นายรู้สึกอย่างไรบ้าง?”
“ผมรู้สึกว่าไพเราะมาก! พี่สามก็เล่นตามรูปการณ์นี้ก็ดีแล้ว! ไม่มีปัญหาแน่นอน!”
หลินซูอินเผยรอยยิ้มที่อบอุ่น “งั้นก็ดี ตอนนี้ก็มืดมากแล้ว นายกลับห้องไปพักก่อนเถอะ ฉันจะดูว่าต้องปรับปรุงตรงไหนอีก”
เนี่ยเฟิงพยักหน้า “ครับ พี่สามก็อย่าเหนื่อยเกินไป พรุ่งนี้ยังต้องแข่งขันอีก”
การแข่งขันชิงแชมป์ถ้วยโฮ่วเหนี่ยวจะจัดขึ้นในคืนพรุ่งนี้ ช่วงบ่ายในวันที่สองหลินซูอินก็ได้ลำดับในการแข่งขัน
การจัดลำดับแข่งขันครั้งนี้ใช้การจับฉลาก
หลินซูอินนึกไม่ถึงว่าคนที่ขึ้นเวทีคนที่ 3 จะเป็นตัวเธอเอง
หลินซูอินก็เข้าร่วมการแข่งขันที่ต่างๆ มาหลายสนาม แต่ว่า ตอนนี้ต้องเป็นตัวแทนโรงเรียนแข่งขันระดับมณฑล
เธอมีความตื่นเต้นอยู่ไม่มากก็น้อย
พวกเขามาที่สนามแข่งชิงแชมป์ถ้วยโฮ่วเหนี่ยวกันแต่เนิ่นๆ
การแข่งขันชิงถ้วยโฮ่วเหนี่ยวจัดขึ้นที่โฮ่วเหนี่ยวฮอลล์ ขายบัตรผ่านประตูไปหลายใบแล้ว และกรรมการตัดสินในครั้งนี้ไม่เพียงมีกรรมการที่ทางผู้จัดการแข่งขันส่งมา ยังมีผู้ชมเป็นกรรมการ บัตรคะแนนต้องมีความยุติธรรมแน่นอน
ก่อนหลินซูอินจะพักผ่อนที่หลังเวทีก็มองดูอยู่ชั่วครู่ นึกไม่ถึงครั้งนี้จะมีผู้คนมามากมาย
ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่สามารถเข้าไปหลังเวทีได้ ต่อให้เป็นเนี่ยเฟิง ก็ต้องรออยู่ข้างนอก
เนี่ยเฟิงจงใจซื้อบัตรที่นั่งที่ใกล้เวทีมากที่สุด เป็นตำแหน่งที่ไม่ดีเท่าไหร่ มีอุปสรรคในเรื่องทัศนวิสัยการชม โดยทั่วไปแล้วไม่มีใครเขาซื้อกัน
แต่เนี่ยเฟิงต้องรับรองความปลอดภัยของพี่สาม ฉะนั้นจึงจัดเตรียมตำแหน่งที่นั่งเอาไว้แล้ว
เนี่ยเฟิงเปิดมือถือขึ้น หน้าจอมือถือของเขาเป็นภาพที่กล้องวงจรปิดจับภาพ และภาพนั้นก็คือด้านหลังเวที
ที่หน้าจอมือถือของเนี่ยเฟิงแบ่งออกเป็นตารางย่อย เมื่อครู่เขาได้เข้าสู่ระบบด้านหลังเวทีแล้ว เข้าควบคุมกล้องวงจรปิดทั้งหมด
ผู้เข้าแข่งขันที่อยู่หลังเวทีมีจำนวนมาก แต่ในพริบตาเดียวเนี่ยเฟิงก็มองเห็นหลินซูอินได้
หลินซูอินกำลังเข้าแถวรอ ตอนนี้พวกเขากำลังจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งหน้าที่ห้องแต่งตัว ทว่าห้องแต่งตัวที่นี่ก็มีจำนวนจำกัด
ดังนั้นหลินซูอินจึงต้องเสียเวลานิดหน่อย
“ครูหลิน นายโหวฝ่ายจัดงานบอกว่า มีเรื่องอยากปรึกษาคุณ เกี่ยวกับเพลงที่คุณเลือก”
หลี่ซวนมองหลินซูอินแวบหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์
หลินซูอินชะงักไปชั่วขณะ อีกหนึ่งชั่วโมงก็ต้องขึ้นเวทีแล้ว ตอนนี้เธอยังไม่ได้แต่งหน้า ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลย
“มัวยืนทื่ออะไรอยู่? ยังไม่รีบไปอีก ก็บอกแล้วว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเลือกเพลงไง”
หลี่ซวนเหลือกตามองบนอย่างไม่พอใจ
หลินซูอินได้แต่พยักหน้า มายังห้องทำงานหลังเวทีภายใต้การนำของหลี่ซวน
“เข้าไปสิ คุยเสร็จแล้วค่อยออกมาหาฉัน”
หลังจากหลินซูอินเข้าไปในห้องทำงาน หลี่ซวนวิ่งกลับไปที่ห้องนั่งรอเมื่อครู่อย่างรวดเร็ว เธอรีบค้นชุดที่หลินซูอินจะเปลี่ยนอย่างว่องไว
เห็นเธอเอากรรไกรขึ้นมา ตัดฉับฉับลงบนตัวกี่เพ้าไปสองสามทีจนเละเทะ!
“ดูสิว่าจะขึ้นเวทีร้องเพลงอย่างไร! หึ!”
หลี่ซวนพูดขึ้นในใจ จากนั้นก็วางชุดลงที่เดิม เดินย่องๆ กลับไปที่สำนักงาน
“นายโหว หาฉันมีธุระอะไรคะ?”
หลินซูอินยิ้มให้โหวหย่งอย่างมีมารยาท
พอโหวหย่งเห็นครูหลินมา ก็รีบยืนขึ้น ฉีกยิ้ม “ครูหลิน มาแล้วเหรอครับ! เชิญนั่งก่อน!”
“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวฉันต้องขึ้นเวทีร้องเพลงแล้ว ไหนยังต้องกลับไปเปลี่ยนชุดแต่งหน้าทำผมจะไม่ทันเวลาแล้ว”
ที่นี่มีการเตรียมช่างแต่งหน้าทำผมเอาไว้
ในความเป็นจริงเธอน่าจะแต่งตัวเสร็จแต่เนิ่นๆ แล้วถึงจะถูก แต่ที่น่าแปลกคือไม่มีช่างแต่งหน้ามาดูแลเธอ
ซึ่งทำให้หลินซูอินรู้สึกแปลกใจ
แต่เธอเป็นคนสวยอยู่แล้ว ต่อให้มวยขึ้นลวกๆ ก็ไม่มีปัญหา
“ไม่ต้องรีบร้อน ไม่เป็นไรหรอก ยังเหลือเวลาอีกตั้งชั่วโมงแน่ะ”
โหวหย่งเดินเข้ามา ใช้สายตาลวนลามมองดูหลินซูอิน
หลินซูอินขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอขยับขา ถอยหลังเล็กน้อย
“เมื่อกี๊ฉันเห็นครูหลี่บอกว่า คุณเรียกฉันมาเรื่องรายการเพลง เพลงที่ฉันเลือกมีปัญหาตรงไหนเหรอคะ?”
“ผมรู้สึกว่าเพลงที่คุณเลือกดีมากเลย อยากให้คุณแสดงให้เต็มที่ รอบคัดเลือกเมื่อวานผมได้ยินคุณร้องเพลงแล้ว เสียงแทบจะเหมือนธรรมชาติ!”
โหวหย่งยกนิ้วโป้งขึ้น อุทานจากใจ
เพียงแต่ในหัวเขามีแต่เรื่องสัปดน คิดแต่ว่าหลินซูอินอยู่บนเตียงเขาแล้วจะส่งเสียงร้องอย่างไร
พอคิดถึงเรื่องนี้ โหวหย่งก็ขนลุกซู่ขึ้นมา เขาดูตื่นเต้นมาก
โหวหย่งคนผู้นี้เดิมเป็นคนที่หลงใหลในเสียงอยู่แล้ว ไม่สามารถต้านทานต่อเสียงที่สละสลวยได้
ต่อให้อีกฝ่ายหน้าตาจะแย่หน่อย แต่ถ้าเสียงไม่มีปัญหา โหวหย่งก็เอาไม่ปฏิเสธ
แต่หลินซูอินที่อยู่ตรงหน้าไม่เหมือนกัน เธอมีเสียงที่เหมือนจุมพิตของนางสวรรค์
มีใบหน้าที่ละม้ายนางอัปสร รูปร่างละม้ายนางปีศาจ ท่าทางละม้ายนางเซียน ราวกับสิ่งสวยงามทั้งหมดในสากลโลกรวมอยู่ในตัวหลินซูอิน
เมื่อโหวหย่งได้เห็นเทพธิดาเช่นนี้ แล้วจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้อย่างไร?