พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 162 เกิดปัญหาขึ้น
บทที่ 162 เกิดปัญหาขึ้น
“นายโหว ถ้าคุณจะพูดกับฉันแค่เรื่องพวกนี้ อย่างนั้นฉันขอกลับไปเตรียมตัวที่หลังเวทีก่อนละกัน ของคุณสำหรับคำชื่นชม”
ตั้งแต่ต้นจนจบ หลินซูอินยืนชิดกับประตูทางเข้า เธอดูขัดกับโหวหย่งนิดหน่อย
ถ้าเป็นเวลาปกติ โหวหย่งอาจจะกระโจนเข้าใส่แล้ว แต่โหวหย่งรู้ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงคราว
หลินซูอินต้องไม่ยอมโดยดีแน่
“ได้ครับได้ ครูหลิน ทำคุณเสียเวลาแล้ว ขอโทษด้วยจริงๆ จะว่าไปเราก็ถือว่าเรามีที่มาจากแหล่งเดียวกัน โรงเรียนที่ครูหลินอยู่ ผมก็เป็นกรรมการโรงเรียนอยู่พอดี อย่างไรก็เป็นโรงเรียนเดียวกัน ผมคิดไว้ว่าถ้าเสร็จสิ้นการแข่งขัน ได้เลี้ยงข้าวคุณ คงจะดีมากเลย”
หลินซูอินนึกถึงหลี่ซวนเหมือนว่าเธอประจบกรรมการโรงเรียนคนหนึ่งเอาไว้ ตอนนี้มาคิดๆ ดูก็ใช่จริงด้วย
หลินซูอินลังเลนิดหน่อย ไม่รู้ว่าจะรับปากดีหรือเปล่า
“คุณไม่ตกลงก็ดูจะเกินไปหน่อย อย่างไรก็อยู่โรงเรียนเดียวกัน ผมจะให้ครูหลี่ไปด้วย”
หลินซูอินพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ “ก็ได้ค่ะ ถ้าเป็นอย่างนี้ล่ะก็ ฉันก็จะไปทานข้าวกับคุณกับครูหลี่”
โหวหย่งเห็นว่าเป้าหมายประสบความสำเร็จไปครึ่ง ก็ยิ้มแฉ่งขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้นผมจะรอข่าวดีจากคุณ!”
หลินซูอินพูดจบก็หันตัวเดินจากไป ส่วนสายตาของโหวหย่ง เกาะติดร่างกายของหลินซูอินตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งในระยะใกล้ไกล ราวกับจะทะลวงเข้าไปในร่างของหลินซูอิน
“พูดจบแล้วสินะ พูดจบแล้วพวกเราก็กลับกันเถอะ เวลาเร่งรัดมาก รีบเปลี่ยนชุดแล้วก็แต่งหน้าขึ้นเวทีแสดง เมื่อคืนฉันไม่ได้หลับเลย เพราะการแข่งครั้งนี้ของเธอ”
หลี่ซวนมองบนอย่างเหลืออด
หลินซูอินรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย เธอต้องเป็นคนขึ้นเวทีไม่ใช่หลี่ซวนสักหน่อย แล้วเมื่อคืนก็ไม่เห็นหลี่ซวนเธอจะทำอะไรเลย
แต่หลินซูอินก็ไม่มีเวลา พอกลับไปก็หยิบถุงเสื้อผ้าเข้าไปห้องเปลี่ยนชุด นึกไม่ถึงว่าเพิ่มจะหยิบชุด ก็เห็นกี่เพ้าที่ขาดวิ่น
หลินซูอินตกใจ รีบออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด
หลี่ซวนแสร้งทำเป็นถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ “เป็นอะไรไปเหรอ? ทำไมไม่เปลี่ยนชุดล่ะ?”
“ชุดของฉันขาดแล้ว”
หลินซูอินขมวดคิ้ว นำกี่เพ้าที่ถูกตัดจนขาดวิ่นออกมา
“พระเจ้า ใครเป็นคนทำกัน!”
หลี่ซวนตัวการทำเป็นร้องเสียงหลง “เลวทรามเกินไปแล้ว!”
เมื่อครู่ตอนเธอตัดกี่เพ้าก็หาจุดที่ไม่มีกล้องวงจรปิดตอนทำการ
เธอได้ส่งข่าวกับโหวหย่งไว้ก่อนหน้าแล้ว โหวหย่งบอกเธอว่าในเวลานี้กล้องวงจรปิดจะ โดนบล็อก ฉะนั้นจะมองไม่เห็น
“ต้องเป็นตอนที่เธอจับฉลากเธอแล้วคู่แข่งเห็นเข้า คู่แข่งพวกนั้นคงกลัวเธอจะได้หน้า ถึงได้ทำเรื่องเลวทรามตัดกี่เพ้าของเธอ ถ้าอย่างไรพวกเราไปขอดูกล้องวงจรปิดที่ฝ่ายจัดงานกันเถอะ!”
หลินซูอินก็นึกไม่ถึงว่าตัวเองต้องมาเจอเรื่องราวเช่นนี้ จึงพยักหน้า พวกเธอสองคนมาถึงห้องกล้องวงจรปิด
โหวหย่งก็ “ได้รับแจ้ง” จึงรีบตามมา
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ใครเป็นคนทำกี่เพ้าของคุณเสีย?”
“ฉันก็ไม่รู้ เมื่อครู่พอฉันกลับออกจากห้องทำงานคุณ ก็เห็นกี่เพ้าของฉันถูกตัดจนเสียหายแล้ว”
หลินซูอินร้อนใจจนขมวดคิ้ว “สิ่งเร่งด่วนในเวลานี้คือหาชุดอื่นใส่แสดง ชุดที่ฉันใส่อยู่ตอนนี้ใช้การไม่ได้แน่”
เพราะชุดที่ใส่อยู่ตอนนี้ดูลวกๆ เกินไป ถ้าใส่ชุดนี้ขึ้นเวที ต้องทำให้โรงเรียนอับอายแน่
“ครูหลินพูดถูก! ฉันรู้จักกับเพื่อนคนหนึ่งพอดีเลย จะโทรหาเขาเดี๋ยวนี้ ให้เขารีบส่งชุดมาให้ด่วน!”
หลินซูอินพลางหนึ่งรอไปอีกพลางก็ดูกล้องวงจรปิดไป นึกไม่ถึงว่าช่วงหนึ่งในกล้องวงจรปิดจะว่างเปล่า
“น่าแปลก ทำไมอยู่ๆ ถึงดับไป?”
โหวหย่งสอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
“สัญญาณของเราค่อนข้างอ่อน บางทีไม่มีสัญญาณตัวจ่ายไฟก็จะตัดเองอัตโนมัติ คงเป็นเพราะไม่มีสัญญาณมั๊งครับ?”
โหวหย่งทำเป็นโมโหพูดว่า: “ทุเรศ พวกนายรีบไปที่เกิดเหตุให้แน่ใจ ดูว่ามีใครพกกรรไกรอะไรพวกนี้หรือเปล่า ต้องจับตัวผู้ร้ายมาให้ได้!”
“ครับ! เจ้านาย!”
คนในห้องรักษาความปลอดภัยออกไปกันแล้ว เหลือแต่พวกเขา3คน ในเวลานี้คนที่โหวหย่งจัดเตรียมไว้ก็เอากี่เพ้ามาส่ง
“ครูหลิน ลองดูว่ากี่เพ้าชุดนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
หลินซูอินดูกี่เพ้าที่โหวหย่งยื่นมาให้ อดที่จะตกใจไม่ได้ เพราะกี่เพ้าชุดนี้แพงมาก
“นี่มันแพงเกินไปแล้ว……”
“แพงหรือไม่นั่นก็อีกเรื่อง ไม่ว่าอย่างไร ผมก็ต้องให้คุณเข้าแข่งโดยราบรื่น!”
โหวหย่งเห็นหลินซูอินลำบากใจ จึงเอาตัวเองเข้าไปใกล้ๆ “ครูหลิน ผมว่าถ้าคุณใส่ชุดนี้ต้องเป็นที่โดดเด่นสะดุดตาแน่ ผมรู้ว่าไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณคนอื่น เดี๋ยวพอกินข้าวเสร็จ คุณก็ไปเดทต่อกับผมว่าไง?”
หลินซูอินสะพรึง “คงไม่ได้หรอกค่ะ ฉันไม่สามารถรับกี่เพ้าของคุณได้”
“คุณไม่ใส่ชุดกี่เพ้าที่ผมให้เข้าแข่ง หรือคุณอยากให้โรงเรียนคุณขายขี้หน้าเหรอ?”
น้ำเสียงของโหวหย่งเริ่มส่อเค้าบังคับ เขาเห็นสีหน้าของหลินซูอินลำบากใจ ก็เข้ากุมมือหลินซูอินเอาไว้:
“ครูหลิน คุณก็สวมกี่เพ้าชุดนี้ไปแข่งขันเถอะ ก็แค่ไปกินข้าวแล้วก็เดินเล่นกับผมเท่านั้นเอง มีอะไรให้น่าลำบากใจกัน?”
หลินซูอินสะดุ้งโหยง ชักมือกลับด้วยสัญชาตญาณ แต่แรงของโหวหย่งเยอะมากจริงๆ เธอไม่สามารถชักมือกลับมาได้
พอหลี่ซวนเห็นฉากนี้ ดวงตาแทบจะลุกเป็นไฟ!
นึกไม่ถึงว่าพวกเขาสองคนจะ “เจ๊าะแจ๊ะกัน” เหมือนรอบข้างไม่มีใคร เห็นเธอเป็นมนุษย์ล่องหน
แต่หลี่ซวนก็ได้แต่กล้าโมโหแต่ไม่กล้าพูด
“เอามือสกปรกของนายออกไป!”
ในเวลานี้เองก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมา โหวหย่งยังไม่ทันตั้งตัว ก็รู้สึกเจ็บที่หลังมือขึ้นมา
เขาอดส่งเสียงเหมือนหมูร้องไม่ได้
พอตั้งตัวได้ หลังมือก็บวมเป่งแล้ว
คนที่มาเร็วเหมือนลมวายุไม่ใช่ใครที่ไหน เขาก็คือเนี่ยเฟิง
“เสี่ยวเฟิง? นายมาได้อย่างไร? นายอยู่ในฝูงผู้ชมไม่ใช่เหรอ?”
หลินซูอินถามด้วยความสงสัย
“ผมก็อยู่ฝูงผู้ชมจริงๆ นั่นแหละ แต่ใจผมกับพี่สื่อถึงกัน สัมผัสได้ว่าพี่น่าจะเจอเรื่องยุ่งยากเข้า ก็เลยรีบมาหา”
เนี่ยเฟิงพูดอย่างจริงจัง
เมื่อครู่เขาจับตาดูเหตุการณ์ในกล้องวงจรปิดอยู่ตลอด นึกไม่ถึงว่าอยู่ๆ กล้องวงจรปิดก็ดับไป
เขารู้สึกแปลกๆ หลังจากคล้อยหลัง กล้องวงจรปิดกลับมาปกติ เนี่ยเฟิงก็เห็นกี่เพ้าของหลินซูอินขาดวิ่นแล้ว
เรื่องนี้ทำไมถึงบังเอิญได้? ต้องมีใครบงการอยู่เบื้องหลังแน่ ไม่ต้องบอกว่าใครก็รู้ ต้องเป็นหลี่ซวนกับโหยหย่งที่อยู่ตรงหน้าแน่
หลินซูอินทำตัวไม่ถูก พวกเขาสองคนสื่อใจถึงกันได้ซะที่ไหน แต่เนี่ยเฟิงก็มาได้ทันการณ์ ไม่เช่นนั้นหลินซูอินก็ไม่รู้จะปลีกตัวอย่างไร
โหวหย่งถูกกระทืบบาดเจ็บทำหลี่ซวนปวดใจ รีบกระโจนเข้าไปดู อาการหลังมือของโหวหย่ง
“ไอ้เด็กตัวแสบ ถึงกับทำมือพี่หย่งเป็นแบบนี้ ลงมือกันเกินไปแล้วมั๊ง!”
“ใครใช้ให้เขายื่นกีบหมูเค็มๆ มาจับแฟนผม? ถูกกระทืบมันก็สมควรแล้ว”