พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 164 เกิดสิ่งผิดปกติเพราะมีนางมารเป็นแน่
บทที่ 164 เกิดสิ่งผิดปกติเพราะมีนางมารเป็นแน่
หลินซูอินเลือกชุดอย่างจวนตัวมาหนึ่งชุดจากจำนวนหลายชุด อดพูดไม่ได้ว่า สายตาของหลินซูอินเฉียบจริงๆ และชุดที่เธอเลือกก็ช่างเหมาะเหลือเกิน
แม้เวลาจะกระชั้นอย่างไร แต่สไตล์ลิสก็แต่งตัวให้หลินซูอินเสร็จอย่างรวดเร็ว ประเด็นคือหลินซูอินมีความสวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ต้องเสียแรงมาก
หลินซูอินขึ้นเวทีอย่างมั่นใจ ขับขานบทเพลงให้กับผู้ชมที่อยู่ข้างล่างเวที
บทเพลงแรกจบไป ผู้ฟังฟังกันจนเคลิบเคลิ้ม แล้วเสียงปรบมือก็ดังขึ้น
ถ้าเป็นเมื่อก่อน โหวหย่งสามารถบงการผลการแข่งขันรอบนี้ได้ แต่ครั้งนี้เป็นการลงคะแนนเสียงจากผู้ชมในสนาม
มีผู้ชมเข้าชมเป็นจำนวนมาก โหวหย่งจึงไม่สามารถควบคุมบัตรลงคะแนนได้
หลี่ซวนมองดูการแข่งขันรอบนี้อย่างระส่ำ จนการแข่งขันสิ้นสุดลงผู้คนก็เริ่มโหวตบัตร
“สมเป็นนางจิ้งจอกจริงๆ อาศัยหน้าตาไปยั่วยวนบรรดาผู้ชม ทั้งที่ตัวเองก็ร้องเพลงไม่เห็นดีสักเท่าไหร่!”
หลี่ซวนเป็นพวกมโนมาตลอด คิดแต่ว่ามีเพียงตัวเองที่จะเหมาะกับฉายาเทพเจ้าเพลงนี้เท่านั้น แล้วเธอยังคิดว่าว่าตัวเองเป็นดาวรุ่ง การที่โรงเรียนไม่ส่งเธอเข้าแข่งขัน เป็นความเสียหายของโรงเรียนเอง
เพียงแต่หลี่ซวนเก็บอาการไม่อยู่ หลุดความสัมพันธ์ของเธอกับโหวหย่งต่อหน้าพวกเขา ถูกเนี่ยเฟิงจับจุดอ่อนได้ หากวันนี้เธอขึ้นเวทีร้องเพลง คงต้องโดนต่อต้านแน่
แต่สิ่งที่น่ายินดีคือ โหวหย่งแขวนยืนอยู่บนบรรทัดฐานเดียวกันกับเธอแล้ว และสัมผัสถึง “ความเป็นนังชาเขียว (ความมารยา) ” ของหลินซูอิน!”
หลี่ซวนกะพริบตาปริบๆ ขอแค่เธอโยงความสัมพันธ์ของโหวหย่งกับหลินซูอินให้สำเร็จได้ เช่นนั้นแล้วผลดีต่อเธอจะไม่ทยอยหลั่งไหลมาหรือ?
โหวหย่งคนผู้นี้เดิมเป็นพวกได้ใหม่ลืมเก่าอยู่แล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้ตัวหลินซูอิน เขาถึงต้องทุ่มเทเรี่ยวแรงทั้งหมด พอหลังจากได้หลินซูอินแล้ว โหวหย่งจะไม่รักและทะนุถนอมเธอได้อย่างไร?
หลี่ซวนมีความสาวพอ แล้วก็ทนรอได้ ไม่กังวลว่าโหวหย่งจะเปลี่ยนใจแม้แต่น้อย อย่างไรเสียขอแค่เธอยังมีประโยชน์ต่อโหวหย่ง เช่นนั้นโหวหย่งก็ต้องให้ผลประโยชน์ต่อเธอ
คะแนนทยอยออกมาแล้ว ผลเป็นไปตามความคาดหมาย หลินซูอินชนะขาดลอย
หลินซูอินเองก็ตกใจเหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะเป็นผู้ชนะ ตอนขึ้นเวทีรับรางวัล เธอดีใจเป็นพิเศษ
“ขอบคุณทุกคนที่โหวตให้ฉัน ต่อไปฉันจะฝึกฝนเพิ่มขึ้น”
หลังจากสิ้นสุดการแข่งขันชิงแชมป์ถ้วยโฮ่วเหนี่ยว ผู้คนก็แยกย้ายกันไป พอหลินซูอินเจอเนี่ยเฟิง ก็ลากเนี่ยเฟิงไปอีกทางหนึ่ง:
“ฉันต้องเปลี่ยนชุดบนตัวออกตอนนี้ไหม? ชุดที่นายเช่ามาพวกนี้ต้องเสียเงินไม่น้อยเลยสิ?”
“ชุดพวกนี้ผมไม่ได้เช่ามา”
เนี่ยเฟิงส่ายหน้า “ผมว่าพี่สามใส่ชุดพวกนี้แล้วสวยดี แล้วก็เหมาะมาก พี่ก็เก็บเอาไว้เถอะ!”
หลินซูอินเลิกคิ้วขึ้นขมวด “ทำอย่างนี้ได้อย่างไร ชุดพวกนี้ราคาไม่ใช่ถูกๆ เอะอะก็หลักแสนแล้ว!”
“ผมบอกไว้ว่าจะซื้อชุดให้พี่สามใส่ไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ได้ซื้อให้พอดี หรือพี่สามจะปฏิเสธผม?”
“แต่นายไปเอาเงินมากมายขนาดนี้จากไหนมาซื้อชุดพวกนี้?”
หลินซูอินมองเนี่ยเฟิงอย่างไม่เข้าใจ
“เรื่องนี้พี่ไม่ต้องสนหรอก สรุปคือเงินพวกนี้ได้มาอย่างถูกต้องก็แล้วกัน”
หลินซูอินโมโหขึ้นเล็กน้อย “พูดแบบนี้พี่ก็ยิ่งรู้สึกแปลก พอพี่รู้สึกแปลกก็ยิ่งรับไว้ไม่ได้ ชุดพวกนี้มันแพงมากจริงๆ นายไปยืมเงินคนอื่นมาใช่ไหม?”
เนี่ยเฟิงอดถอนใจที่ไม่จะเผยตัวตนของเขาไม่ได้ เขาไม่สามารถมอบของขวัญให้บรรดาพี่สาวได้เลย คราวก่อนให้เครื่องบินราคาถูกลำหนึ่งกับพี่ห้าก็ยังโดนว่า
วันนี้ให้ชุดแค่ไม่กี่ชุดเอง พี่สามก็สงสัยว่าเขาไปขโมยมา ไปปล้นมา
“เงินพวกนี้ผมไม่ได้ไปยืมใครมา แต่ผมหาของผมเอง”
“นายเพิ่งกลับมาไม่นานเท่าไหร่เอง? จะหาเงินมากขนาดนั้นได้อย่างไร?”
“เป็นเงินที่ผมหาได้ตอนอยู่เมืองนอก ที่จริงพวกพี่ก็ไม่เคยถามผมว่าผมมีเงินใช้ไหม ความจริงผมมี ชุดพวกนี้ผมน่ะซื้อไหว อีกอย่างผมไม่อยากให้พี่สามอยู่ในอาณัติของคนอื่น”
หลินซูอินมองดูเสื้อผ้าราคาแพงพวกนี้ ด้วยสีหน้าที่ไม่สามารถคาดเดา
“พี่รู้ว่านายหวังดี แต่ในฐานะพี่สาว ฉันอยากให้นายได้ใช้เงินนี้กับตัวเอง นายอยู่ข้างนอกลำบากขนาดนั้น แผลเต็มตัวขนาดนั้น ฉันเห็นแล้วก็รู้สึกปวดใจ ฉะนั้นอย่าเสียเงินกับเสื้อผ้าพวกนี้เลย
หลินซูอินมองเนี่ยเฟิงด้วยรอยยิ้ม “ของพวกนี้มันก็แค่ของนอกกาย มีหรือไม่มี สำหรับพี่แล้วไม่สำคัญเลย ถ้าพี่เห็นของนอกกายพวกนี้สำคัญจริงๆ พี่ก็คงเป็นแค่ครูสอนดนตรีไม่ได้แล้ว”
เดิมหลินซูอินก็เป็นคนที่ดูไม่ยี่หระอะไรอยู่แล้ว เธอหวังว่าจะใช้เสียงดนตรีสื่ออารมณ์ทั้งหมดออกมา
“แต่ในเมื่อเธอมอบให้ฉัน อย่างนั้นฉันก็จะรับไว้แล้วกัน”
พอเนี่ยเฟิงได้ยินว่าพี่สามจะรับของขวัญเอาไว้ ก็รู้สึกตกใจขึ้นมา พี่สามไม่ปฏิเสธอีก?
อย่างนี้มันน่าแปลกนะ พี่สามเป็นคนใสซื่อมือสะอาดมาตลอด ปกติเวลากินข้าวก็กินแต่มังสวิรัติ
ตอนที่เนี่ยเฟิงยังอาศัยอยู่กับคุณตา เขาไม่มีเงินในมือเลย เขาสะสมเหรียญอยู่นาน รอจนวันคล้ายวันเกิดพี่สาม ถึงได้ซื้อกิ๊บติดผมให้พี่สาม
พอพี่สามเห็นกิ๊บติดผมอันนี้ก็ร้องไห้อยู่นาน
เธอหลบไปสะอึกสะอื้นอยู่อีกทาง ตอนนั้นเนี่ยเฟิงยังคิดว่าพี่สามไม่ชอบกิ๊บที่เขาเลือก ก็เลยร้องไห้
แต่นึกไม่ถึงว่าพี่สามจะบอกว่า “อะไรที่นายให้พี่ พี่ชอบหมด แต่พี่ไม่นึกไม่ถึงว่านายต้องสะสมเศษเหรียญนานขนาดนั้น เพื่อซื้อของขวัญวันคล้ายวันเกิดให้พี่ พี่ยอมให้ตัวเองลำบาก ดีกว่าที่จะให้นายต้องลำบาก”
ภายหลังพี่สามใช้เวลาปิดภาคเรียนไปทำงานพิเศษ หาเงินค่าขนมให้เนี่ยเฟิง
หลินซูอินจึงรับชุดทั้งหมดด้วยความสุขใจ หรืออาจจะมีอะไรต่อมาก็ไม่แน่……
พอเนี่ยเฟิงนึกถึงสิ่งนี้ขึ้นมาก็รีบพูดว่า “พี่สาม! พี่ไม่ต้องห่วง ผมหาเงินได้เยอะ เงินพวกนี้เลี้ยงตัวผมได้ แล้วก็เลี้ยงพี่สาวทุกคนได้!”
หลินซูอินใช้สายตามองเด็กน้อยมองดูเนี่ยเฟิง รอยยิ้มบนใบหน้ามีความยั่วเย้าเล็กน้อย “จริงเหรอ อย่างนั้นนายก็เจ๋งจริงๆ”
“พี่สาม พี่เชื่อผมสิ ผมมีเงินเยอะมากจริงๆ ไม่อย่างนั้นผมจะมีเงินซื้อชุดแพงๆ อย่างนั้นได้อย่างไรกัน?”
อยู่ๆ เนี่ยเฟิงก็รู้สึกหมดเรี่ยวแรงขึ้นมา ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ต่อหน้าหลินซูอิน เขาก็เหมือนเด็กน้อยขี้โม้คนหนึ่ง
“จ้ะๆๆ พี่เชื่อว่านายหาเงินได้เยอะมาก อย่างไรเสี่ยวเฟิงของพวกพี่ก็มีเก่งทางนี้อยู่แล้ว”
หลินซูอินมองดูชุดพวกนี้อีกครั้ง “แข่งมาทั้งวันแล้ว พี่ก็เหนื่อยแล้ว ถ้าอย่างไรพวกเราก็กลับกันเถอะ?”
“ครับ!”
เนี่ยเฟิงพยักหน้า พวกเขากลับมาถึงโรงแรมตี้เหาไม่ทันไร พอเนี่ยเฟิงจอดรถเสร็จ ก็มีข้อความส่งเข้ามาในมือถือ
เขาชะงักไปชั่วครู่ เปิดมือถือดู พบว่ามีรายการโอนเงินจำนวนหนึ่ง
หลินซูอินโอนเงินหนึ่งล้านหยวนมาให้เขา?!
เนี่ยเฟิงแอบตกตะลึงเงียบๆ เปิดประตูห้องของพี่สามออก “พี่สาม! นี่พี่ทำอะไรของพี่น่ะ ทำไมต้องโอนเงินมาให้ผมด้วย!”
“นี่เป็นเงินที่พี่สะสมมาหลายปี พี่กะจะให้เสี่ยวเฟิงเอาไว้แต่งภรรยา นายเก็บไว้เถอะ ไม่เป็นไรหรอก”