พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 166 จุมพิตยามเช้า (Morning Kiss)
บทที่ 166 จุมพิตยามเช้า (Morning Kiss)
พอหลินซูอินได้ยินที่เนี่ยเฟิงพูด ก็อดตกใจไม่ได้ จากนั้นก็หัวเราะพูดว่า:
“คำพูดสมัยเล่นเป็นครอบครัวนายก็จำได้ด้วยเหรอ?”
“แต่ผมไม่คิดว่าเป็นการเล่นครอบครัว ถ้าผมจะแต่งพี่สามเป็นภรรยาจริงๆ พี่สามยินดีแต่งกับผมไหม?”
หลินซูอินลูบคางเหมือนกำลังครุ่นคิด
“ถ้าพี่บอกว่าไม่ยอม เสี่ยวเฟิงคงเสียใจมากเลยสินะ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าพี่ไม่ยอม ผมจะร้องไห้!” เนี่ยเฟิงพูดทีเล่นทีจริง
“แล้วอย่างนั้นพี่จะมีทางเลือกอื่นอีกเหรอ? พี่จะปล่อยให้นายต้องกล้ำกลืนไม่ได้อยู่แล้ว”
เนี่ยเฟิงรู้สึกทั้บฉุนทั้งขำ เพราะคำตอบของหลินซูอินดูขอไปทีจริงๆ
“พี่สาม พี่เป็นคนที่จิตใจดีเหลือเกิน เพียงแต่สังคมนี้ซับซ้อนกว่าที่พี่คิดไว้เยอะมาก ถ้าพี่จิตใจดีมากเกินไป ไม่แน่อาจจะตกหลุมพรางคนอื่นเอาได้”
หลินซูอินหันหน้ากลับมามองเนี่ยเฟิง “คนดีต้องได้ดี เอาล่ะ นายก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวพี่อาบน้ำเสร็จก็จะนอนแล้วเหมือนกัน”
เดิมทีวันนี้โหวหย่งวางแผนไว้ว่าจะเชิญหลินซูอินไปกินข้าวด้วยกัน ทว่าหลินซูอินไม่รับความหวังดีของเขา
ฉะนั้นโหวหย่งก็ไม่สามารถโทรเข้ามาได้
แต่สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าโหวหย่งจะไม่มีแผนอื่น
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาต้องจับหลินซูอิ่นให้อยู่หมัดให้ได้!
ในเช้าตรู่ของวันที่สอง เดิมทีหลินซูอินจองตั๋วรถไว้เรียบร้อยแล้ว
นึกไม่ถึงว่าผู้บริหารโรงเรียนจะโทรเข้ามาหาเธอ
“อย่างนี้เองเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นฉันทราบแล้วค่ะ ฉันจะเตรียมตัวอย่างดีค่ะ”
“พี่สาม พี่หิวแล้วหรือยัง? ผมมีมื้อเช้าบางอย่างมา!”
หลินซูอินเปิดประตูห้องออก เห็นเนี่ยเฟิงถือมื้อเช้าอยู่ด้านนอก “ทำไมนายถึงตื่นเช้าจังล่ะ?”
“ผมได้ยินว่าโรงแรมมีอาหารเช้าด้วย แต่ต้องไปเช้าหน่อยถึงจะได้กัน ผมเลยไปสำรวจดู ว่ามีอะไรน่ากินบ้าง ของสองสามอย่างนี้ผมชิมมาแล้ว รู้สึกไม่เลว ก็เลยเอามาให้พี่กิน”
เนี่ยเฟิงยิ้มแฉ่ง ดูแล้วเหมือนเด็กหนุ่มที่ไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“เข้ามาสิ”
หลินซูอินกวักมือไปทางเนี่ยเฟิง พอเนี่ยเฟิงเข้าไป เห็นข้าวของของหลินซูอินวางอย่างเป็นระเบียบ ราวกับเพิ่งมาถึงโรงแรมอย่างนั้น
“พี่สาม วันนี้จะกลับโรงเรียนแล้วเหรอเครับ? ถ้าจะโรงเรียน ผมกลับพร้อมกับพี่ก็แล้วกัน?”
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายตอนนั้น ผู้ร้ายเบื้องหลังที่เขาตามสืบกลับไม่ปรากฏ ซึ่งเท่ากับว่าอีกฝ่ายรู้ตัวแล้ว ฉะนั้นสืบต่อไปก็ไร้ความหมาย
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หมอนั่นหนีไม่พ้นเงื้อมมือเขาแน่
รอมานานหลายปีขนาดนี้แล้ว เขาก็ไม่อยู่ๆ จะรีบร้อนขึ้นมา
“ตามกำหนดการเดิมต้องกลับวันนี้ แต่เช้านี้พี่ได้รับสายจากผู้บริหารโรงเรียน ว่าที่นี่ยังมีประชุมวิชาการแลกเปลี่ยนการเต้น คุณครูที่จะมาแลกเปลี่ยนเกิดไม่สบาย ตอนนี้ยังอยู่โรงพยาบาล พวกเขาเลยให้ฉันไปร่วมงานแทน”
เนี่ยเฟิงประหลาดใจเล็กน้อย “บังเอิญขนาดนั้นเชียว?”
“นั่นน่ะสิ พี่ก็รู้สึกว่าบังเอิญมา ในเมื่อผู้บริหารโรงเรียนพูดมาขนาดนี้แล้ว อย่างนั้นต้องรอให้เสร็จงานสัมมนาวิชาการแลกเปลี่ยนการเต้นก่อน แล้ววันที่สองพวกเราค่อยกลับกัน”
“พี่สามจะพาผมไปด้วยใช่ไหม?”
เนี่ยเฟิงมองหลินซูอินตาปริบๆ
“พี่รู้ว่านายเป็นห่วงพี่ อย่างไรโหวหย่งก็เป็นกรรมการของโรงเรียน แต่งานสัมมนาวิชาการการเต้นไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิด ไม่เกี่ยวกับกรรมการโรงเรียนพวกนั้นเลย อีกอย่างงานสัมมนาวิชาการการเต้นครั้งนี้มีการเตรียมการไว้แต่เนิ่นๆแล้ว ต้องเป็นคุณครูระดับหัวหน้าในเขตเมืองเท่านั้นที่จะเข้าร่วมได้”
นี่เป็นงานสัมมนาวิชาการการเต้นอย่างเป็นทางการงานหนึ่ง ยังมีกิจกรรมระดมทุนการกุศลบริจาคให้กับนักเรียนที่ยากไร้ด้วย
“ถ้าพี่พาผมไปด้วยไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นพี่ก็พกสเปรย์พริกไทยไว้ดีไหม?”
เนี่ยเฟิงพูดจบก็ทำท่าเหมือนเสกคาถา หยิบสเปรย์พริกไทยออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
หลินซูอินเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ “นายไปซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ผมเห็นเจ้าโหวหย่งเล่นตุกติกกับพี่ ก็เลยเป็นห่วง เทพธิดาในร่างมนุษย์อย่างพี่สามของผม ต่อไปต้องเจอผู้ชายประเภทนี้อีกมาก ผู้ชายพวกนี้น้ำลายหกเพราะความงามของพี่สามผม ซึ่งทำอย่างนี้ไม่ได้”
“พูดจาเหลวไหลอะไร เทพธิดาอะไรกัน? พูดจาเกินความจริงไปหน่อยแล้ว แต่ในเมื่อนายซื้อให้พี่ ถ้าอย่างนั้นพี่ก็จะรับเอาไว้แล้วกัน!”
“อย่างไรผมก็ไม่วางใจ พอดีผมยังไม่ได้เอารถไปคืน ถ้าอย่างไรให้ผมไปส่งพี่ที่งานสัมมนาวิชาการการเต้น ผมจะรอพี่อยู่ข้างนอก คืนนี้พี่ต้องกินเลี้ยง ไม่แน่อาจจะต้องดื่มเหล้าด้วย”
“นายรอพี่อยู่ข้างนอกได้ แต่อาจจะต้องรอนานนะ”
หลินซูอินไม่อยากยอมให้เนี่ยเฟิง จึงลังเลเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรจริงๆ สุภาพสตรีมีสิทธิ์สายได้”
หลินซูอินมองดูเนี่ยเฟิงที่ว่าง่าย แล้วก็ยื่นมือมาลูบศีรษะเนี่ยเฟิงอีกแล้ว
“พี่สาม ผมไม่ใช่เด็กน้อยแล้วนะ อย่าเอาแต่ลูบหัวผมสิ”
เนี่ยเฟิงคว้ามือของหลินซูอินไว้ ดึงมือของเธอลงมา
“แต่นายในสายตาของพี่สาวก็เป็นเด็กเสมอ เป็นเด็กดีอย่างนี้ พี่สาวต้องให้รางวัลอะไรนายหน่อยไหม?”
“ผมชอบของรางวัลที่สุดเลย เมื่อก่อนพี่สาวให้ Good Night Kiss เป็นรางวัลผมตลอด อย่างนั้นตอนนี้จะให้ผมสักจุ๊บได้ไหม? ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ใช่ตอนกลางคืน แต่เป็น Morning Kiss ก็ได้นะ!”
เนี่ยเฟิงพูดจบก็ชี้ไปที่หน้าผากของเขา
“นายโตป่านนี้แล้ว จะเอา Morning Kiss Good Night Kiss อะไรกัน?”
หลินซูอินขำปนโมโห
“แต่เมื่อกี๊พี่พูดเองไม่ใช่เหรอ? ผมเป็นเด็กในสายตาพี่เสมอ ในเมื่อผมเป็นเด็ก อย่างนั้นผมก็ควรได้จุ๊บถึงจะถูกสิ!”
“นายนี่หาช่องโหว่เก่งจริงๆ”
ใบหน้าของหลินซูอินแดงระเรื่อเล็กน้อย เธอหันไปมองเนี่ยเฟิง ถึงได้พบว่าเนี่ยเฟิงโตเป็นหนุ่มแล้วจริงๆ ใบหน้านั้นไม่ได้ตุ้ยนุ้ยเหมือนสมัยเด็กแล้ว ตอนนี้ดูแข็งแกร่ง หล่อเหลาขึ้น
ถ้าเป็นสมัยเด็ก หลินซูอินจะจุ๊บกี่ทีก็ไม่เป็นไร เพียงแต่ตอนนี้ท่าทางเนี่ยเฟิงเปลี่ยนไป
เห็นท่าทางเนี่ยเฟิงอย่างนี้ หลินซูอินอยู่ๆ ก็ทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที
พี่สามเป็นอะไรไป?”
“นายตัวสูงเกินไปแล้ว”
แต่คำพูดเช่นนี้หลุดจากปาก ก็เหมือนกับการสาดน้ำออกไป หลินซูอินเป็นคนถือสัจจะมาตลอด ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจมอบ Morning Kiss ให้กับเนี่ยเฟิง
เนี่ยเฟิงอดตกใจไม่ได้ “พี่สาม พี่จะจุ๊บผมจริงเหรอ?”
“นายบอกเองเมื่อกี๊ว่าจะเอารางวัลไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อนายเป็นเด็กดี ก็ต้องให้รางวัลสิ ไม่ใช่เหรอ?”
เนี่ยเฟิงฉีกยิ้มพยักหน้า “ใช่ครับใช่ ผมรู้ว่าพี่สามดีต่อผมที่สุด”
หลินซูอินกระแอมไอเล็กน้อย จากนั้นก็ประทับ Moring Kiss ลงไปที่หน้าผากของเนี่ยเฟิง
เนี่ยเฟิงรู้สึกแต่กลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนดอกกล้วยไม้จากตัวหลินซูอินรายล้อมร่างกายของเขา
แล้วจูบที่อ่อนนุ่มก็ประทับลงบนหน้าผากของเขา
“โอเคแล้วนะ”
หลินซูอินนึกไม่ถึงว่าหัวใจตัวเองจะเต้นเร็วขึ้น บางทีเนี่ยเฟิงที่อยู่ตรงหน้าไม่เหมือนเมื่อสมัยเด็กแล้ว