พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 167 ดื่มมากไปแล้ว
บทที่ 167 ดื่มมากไปแล้ว
เนื่องจากงานสัมนาวิชาการในคืนนี้ ทำให้หลินซูอินต้องแต่งตัวหน่อย อย่างไรเสียก็เป็นตัวแทนของโรงเรียนไปเข้าร่วม
ทว่าไม่ว่าหลินซูอินจะแต่งตัวหรือไม่ ก็ยังคงสวยไปทุกมุม
เธอเหมือนเทพธิดาที่อยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้าจริงๆ
เมื่อก่อนก็มักมีคนบอกว่า ลูกคออย่างหลินซูอินและหน้าตาอย่างหลินซูอิน น่าจะไปเป็นนักแสดงถึงจะถูก
เพียงแต่สิ่งที่หลินซูอินชอบนั้นก็คือเป็นคุณครู
เธอชอบการสอนหนังสือ และก็ไม่มีความทะเยอทะยานที่จะไปชิงดีในวงการบันเทิง
ที่สำคัญที่สุดคือหลินซูอินชอบความสงบ
คืนนี้เธอแต่งชุดที่แสนจะเรียบๆ มาถึงงานสัมมนาวิชาการ
“เสี่ยวเฟิง นายรอพี่อยู่ข้างนอกเดี๋ยวนะ ถ้านายรู้สึกเบื่อ ก็ไปเดินเล่นรอบๆ ตรงนั้นมีห้างอยู่”
“ถ้าผมไปเดินห้าง อย่างนั้นผมซื้อของให้พี่ได้ไหม?”
เนี่ยเฟิงมองหลินซูอินอย่างเอาจริง
“เด็กคนนี้นี่รู้สึกว่าเงินเยอะเลยจะเผาทิ้งเหรอยังไงหา? ทำไมถึงอยากจะซื้อของให้พี่เหลือเกิน? พี่สาวไม่ได้ขาดเหลืออะไร นายไม่ต้องซื้ออะไรให้พี่นะ”
หลินซูอินตบบ่าเนี่ยเฟิงเบาๆ จากนั้นก็เดินเข้างานไป
แม้ว่าชุดที่หลินซูอินใส่จะดูเรียบๆ
กระโปรงสีเทาชุดนี้ถ้าอยู่บนตัวคนอื่น อาจจะถูกเข้าใจผิดได้ว่าเป็นพนักงานของที่นี่
แต่พอชุดนี้อยู่บนตัวหลินซูอินก็ต่างไปอีกแบบ
ดูแล้วเหมือนหลินซูอินเป็นมืออาชีพ ทั้งยังเต็มไปด้วยความงามที่ภูมิฐาน
ที่นี่มีบรรดาหัวหน้าที่มาจากโรงเรียนต่างๆ ทุกคนต่างมองมายังที่หลินซูอิน
“ใช่ครูหลินหรือเปล่าครับ?”
ครูหนุ่มสวมแว่นตาคนหนึ่ง เดินเข้ามาหาหลินซูอิน
หลินซูอินพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า “ฉันคือครูหลิน ไม่ทราบว่าให้เรียกคุณว่าอย่างไรดี?”
“ผมเป็นหัวหน้าฝ่ายปกครองโรงเรียนมัธยมเรดสตาร์ สมัยก่อนที่โรงเรียนเราเชื่อมสัมพันธ์กัน ผมเคยพบคุณ แต่ไม่ทันได้ทักทายกัน”
“ที่แท้ก็คือหัวหน้าฝ่ายปกครองโรงเรียนมัธยมเรดสตาร์นี่เอง เสียมารยาทแล้ว เสียมารยาทแล้ว ตอนนั้นงานเชื่อมสัมพันธ์คนเยอะมาก”
“นั่นน่ะสิ แต่งานนี้ส่วนใหญ่เป็นระดับหัวหน้ามากันไม่ใช่เหรอ? ทำไม? หรือคุณได้เลื่อนเป็นหัวหน้าแล้ว?”
หัวหน้าฝ่ายปกครองโรงเรียนมัธยมเรดสตาร์ถามขึ้นด้วยเสียงหัวเราะ
“ไม่ใช่หรอกค่ะ หัวหน้าของโรงเรียนเขาไม่สบาย วันนี้มาไม่ได้ พอดีเมื่อวานฉันร่วมการแข่งขันงานหึ่ง ยังอยู่ในเมืองเยี่ยนตู โรงเรียนเลยสั่งให้ฉันมา”
หลินซูอินทิ้งระยะกับอีกฝ่ายอย่างสุภาพ ดูเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ
“อย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้ละกัน เราไปนั่งทางนั้นกัน ทางนั้นมีคุณครูอยู่หลายท่านที่เป็นครูสอนดนตรี เราจะได้แลกเปลี่ยนกันได้”
หลินซูอินไม่มีความชอบอย่างอื่น นอกจากดนตรี
พอได้ยินว่าทางนั้นมีแต่ครูสอนดนตรี หลินซูอินจึงเดินตามไป
“นี่คือครูหลินสินะ ยินดีด้วยจริงๆ การแสดงของคุณเมื่อวานทำเอาผู้คนทึ่งกันจริงๆ!”
หลินซูอินพยักหน้าอย่างเคอะเขินเล็กน้อย “นั่นเพราะทุกคนเอ็นดูฉัน”
“ทำไมคุณถ่อมตัวจัง? เสียงลูกคอคุณไม่เลวจริงๆ ไหนๆ ก็แข่งเสร็จไปแล้ว ยังคว้าแชมป์ถ้วยโฮ่วเหนี่ยวอีกด้วย อย่างนั้นเราต้องฉลองให้คุณแล้ว ดื่มเหล้ากันหน่อยดีไหม?”
เดิมทีหลินซูอินไม่อยากจะดื่ม แต่ในเมื่อได้พบคนแวดวงเดียวกัน
อีกทั้งเนี่ยเฟิงก็อยู่ข้างนอก ก็ไม่ต้องกังวลให้มาก หลินซูอินก็คอแข็งอยู่บ้าง
“อย่างนั้นก็ดื่มนิดหน่อยพอสนุกก็แล้วกัน”
“ครูหลินวางใจได้ พวกเราก็ไม่ใช่คนดื่มเก่งอะไร ส่วนใหญ่ดื่มแต่ค็อกเทลกัน”
คุณครูเหล่านั้นสั่งเหล้ามาให้หลินซูอินหนึ่งแก้ว เธอมองดูเหล้าที่ผสมจนเป็นสีเขียวในแก้วนี้ ซึ่งก็ดูสวยดี จากนั้นก็ยกขึ้นดื่มไปหนึ่งอึก รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว
เสวนากันไป หลินซูอินไม่รู้ตัวเลยว่าเหล้าลดลงถึงก้นแก้วแล้ว ในเวลานี้เธอก็เริ่มรู้สึกมึนๆ ขึ้นมา
ส่วนเสียงของเหล่าคุณครูที่คุยกันตรงหน้าก็เหมือนชัดบ้างไม่ชัดบ้าง ดูเลือนลาง
“ครูหลิน คุณว่าใช่ไหม?”
หลินซูอินเหมือนหัวหมุน “ขอโทษค่ะ พวกคุณกำลังพูดเรื่องอะไรกัน?”
“ดูท่าทางครูหลินจะแพ้ฤทธิ์เหล้าแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะคออ่อนอย่างนี้ นึกไม่ถึงว่าครูหลินจะดื่มไม่ได้ พวกเราประมาทไปเอง เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน พวกเราจะพาคุณไปพักที่ห้องพักก่อนดีไหม?”
เวลานี้หลินซูอินรู้สึกเหมือนมีเสียงหึ่งๆ อยู่ข้างหู เหมือนถูกใครพยุงตัวขึ้น เดินโซเซไปทางไหนก็ไม่รู้
เสียงดนตรีข้างหูก็ค่อยๆ เบาลงเรื่อยๆ
หลินซูอินถูกส่งตัวมาที่ห้องพักห้องหนึ่ง
ดวงตาทั้งคู่ของเธอสะลึมสะลือ แล้วก็รู้สึกว่าตัวร้อนผ่าวขึ้น
ในห้องไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว ในเวลานี้เธอก็รู้สึกคอแห้ง อยากดื่มน้ำขึ้นมา
เธอเดินโซเซลงมาจากเตียง ปรากฏขาทั้งสองก็ทรุดลงไปที่พื้น และในเวลานี้เองก็มีเงาเงาหนึ่งโผล่เข้ามา จากนั้นก็ปิดประตู ในห้องมืดมิด ไม่มีแสงอะไรเลย
“อุ๊ยตาย ครูหลิน? คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? ถ้าคุณรู้สึกไม่สบาย ก็ให้บอกผม ผมจะช่วยคุณตรวจร่างกาย”
คนที่พูดไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือโหวหย่ง
จะว่าไปโหวหย่งก็มีเป็นคนมีเงินมีอำนาจ คิดจะติดสินบนคนสักกี่คนวางยาหลินซูอินก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ
หัวของหลินซูอินในเวลานี้มึนไปหมดแล้ว ได้ยินแต่เสียงขาดๆ หายๆ ของอีกฝ่าย
เธอต้องการจะต่อต้าน คิดจะผลักโหวหย่งออก แต่หลินซูอินไร้ซึ่งเรี่ยวแรง มือไม้อ่อนไปหมด
ฉะนั้นการผลักออกเช่นนี้กลับยิ่งเหมือนแสร้งทำเป็นปฏิเสธ
โหวหย่งเห็นใบหน้ารูปไข่ที่แดงระเรื่อของหลินซูอินใจก็เตลิดเปิดเปิง เขากอดหลินซูอินไว้ในแขนเดียว ดวงตาจ้องขเม็ง
โหวหย่งวางตัวหลินซูอินลงบนเตียง จากนั้นก็หัวเราะขึ้นอย่างหื่นๆ “ครูหลิน? คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร? ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?”
หลินซูอินยากที่จะลืมตาขึ้นดู ภาพที่อยู่ตรงหน้าเหมือนโลกทั้งใบหมุนอยู่ แต่เธอรู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าต้องไม่ใช่คนดีอะไรแน่
หลินซูอินดิ้นรนที่จะหยิบสเปรย์พริกไทที่วันนี้เนี่ยเฟิงให้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
ท่าทางที่เชิญชวนให้เด็ดดมของเธอ ทำให้โหวหย่งทนไม่ไหวแล้ว
เห็นแต่โหวหย่งทาบตัวลงมา คิดจะดอมดม แต่เพิ่งจะเข้าใกล้หลินซูอินไม่ทันได้หอม ก็รู้สึกถึงความแสบร้อน กระจายในพริบตา!
โหวหย่งร้องเสียงหลง เจ็บปวดจนร้องไห้ครวญคราง จนเซไปข้างหลัง ที่แท้หลินซูอินเอาสเปรย์พริกไทออกมา ฉีดใส่หน้าโหวหย่งไปทีหนึ่ง
แม้การกระทำของหลินซูอินต่อให้ทำให้โหวหย่งถอยห่างไปได้ แต่ตัวเองก็ไม่สามารถออกไปได้
นานสักพักกว่าโหวหย่งจะบรรเทา น้ำตาไหลพราก โมโหขึ้นมา!
เขารีบกระโจนมาข้างหน้า มือข้างหนึ่งบีบลำคอหลินซูอินเอาไว้ “ยัยตัวแสบ กล้าฉีดสเปรย์พริกไทใส่ฉันเลยเหรอ!”
โหวหย่งฝาดมือลงไป
ในเวลานี้หลินซูอินหน้าหันไปอีกทาง หลบไม่พ้นฝ่ามือของโหวหย่ง
ใบหน้าขาวผ่องของเธอเป็นรอยฝ่ามือประทับ
อีกมือหนึ่งของโหวหย่งก็คว้าสเปรย์พริกไทจากหลินซูอินขว้างทิ้งไป
“วันนี้ถ้าผมไม่จัดการคุณ ผมก็ไม่ขอแซ่โหว!”