พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 177 กลายเป็นประธานกรรมการ
บทที่ 177 กลายเป็นประธานกรรมการ
หลังจากที่ผู้อำนวยการวุ่นอยู่กับการเสิร์ฟน้ำให้กับเนี่ยเฟิง เนี่ยเฟิงในตอนนี้ก็โบกๆมือด้วยความรำคาญผู้อำนวยการก็รู้งาน รีบออกไปทันที
หลินซูอินยืนอยู่ข้างๆอยู่นานสองนาน ยังรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจกับภาพตรงหน้า นี่คือเนี่ยเฟิง น้องชายที่ตัวเองรู้จักจริงๆเหรอ?
หลังจากที่ผู้อำนวยการออกไปแล้ว เนี่ยเฟิงจึงเงยหน้าขึ้นมา มองหลินซูอินอย่างยิ้มแย้ม
“พี่สาม ทำไมพี่ถึงอยู่ห่างจากผมจังเลย? ตกใจกับการกระทำของผมเมื่อตะกี้ใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็ขอโทษด้วยจริงๆนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมแค่อยากที่จะให้พวกเขาได้รับบทเรียนบ้างก็เท่านั้น พวกเขากลั่นแกล้งรังแกพี่แบบนี้ ผมรู้สึกอัดอั้นอยู่ในใจไม่น้อยเลยจริงๆนะ”
พอเห็นเนี่ยเฟิงทำท่าทางน่าสงสาร หลินซูอินก็ทนไม่ได้ จึงค่อยๆก้าวเข้าไปข้างหน้าสองสามก้าว
“นายทำได้ยังไงกันแน่? จู่ๆนายก็กลายเป็นประธานกรรมการของโรงเรียนแห่งนี้ได้ยังไง? ฉันจำได้ว่าประธานกรรมการของโรงเรียนแห่งนี้มีหลายท่านมาก พวกเขาร่ำรวยสุดๆ แถมมีอำนาจบารมีอีก……”
หลินซูอินขมวดคิ้ว เธอยิ่งรู้สึกว่ามันแปลกๆไม่ชอบมาพากล
“พี่สามเชื่อผมไหม?”
เนี่ยเฟิงยิ้มกว้าง ก่อนจะถามขึ้นแบบนี้
“แน่นนอว่าฉันเชื่อเสี่ยวเฟิงอยู่แล้ว ฉันรู้สึกว่าไม่ว่าเสี่ยวเฟิงจะทำอะไรก็จะต้องมีเหตุผลของตัวเองแน่นอน แต่แค่นี่มันเหนือความคาดหมายของฉันเท่านั้นเอง”
ไม่ว่ายังไงหลินซูอินก็ยังไม่เข้าใจว่าเนี่ยเฟิงไปเอาเงินกับอำนาจมากมายขนาดนั้นมาจากไหนถึงได้ซื้อโรงเรียนชั้นสูงแบบนี้ได้ แถมกลายเป็นประธานกรรมการของโรงเรียนชั้นสูงแห่งนี้อีก นี่ทำได้ยังไงกัน?
เนี่ยเฟิงไอกระแอมเล็กน้อย“จริงๆแล้วเรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่พ่อของโหวหย่งชดเชยให้กับผมน่ะ”
หลินซูอินอึ้งตะลึง“นายหมายความว่ายังไง?”
พูดถึงโหวหย่ง หลินซูอินก็นึกถึงคำพูดที่มีเลศนัยของหลี่ซวนเมื่อตะกี้
เรื่องที่หลี่ซวนบอกว่าเนี่ยเฟิงไปเล่นงานโหวหย่ง แถมยังบอกเรื่องที่ว่าหลินซูอินไปอ่อยโหวหย่งที่งานการกุศลเมื่อคืนอีก แต่เรื่องนี้หลินซูอินไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย เมื่อคืนหลินซูอินไม่ได้เจอกับโหวหย่งเลย……
เมื่อคืนหลินซูอินลืมเรื่องมากมายที่เกิดขึ้นไปจนหมดจริงๆ ตอนที่ตื่นขึ้นมาตนเองก็นอนอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมนายถึงไปเล่นงานโหวหย่ง แล้วพ่อของโหวหย่งเจอนายได้ยังไง? เสี่ยวเฟิงนายไม่ต้องปิดบังอะไรฉันนะ นายต้องบอกฉันมาให้หมด ไม่อย่างนั้นฉันก็จะเป็นห่วงนาย”
ตอนแรกเนี่ยเฟิงกะจะไม่พูดคำพูดนี้ออกมา ถึงยังไงนี่ก็ทำให้คนฟังแล้วไม่สบายใจ แต่ยังดีที่เมื่อคืนไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับหลินซูอิน
เนี่ยเฟิงพยายามพูดอ้อมๆว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังจากที่หลินซูอินได้ฟัง ก็ถลึงสองตาโต
“โหวหย่งทำเรื่องน่าเกลียดแบบนั้นเมื่อคืน เพื่อที่จะปกปิดความจริง พ่อของเขาจึงยอมขอร้องอ้อนวอนผมว่าอย่าทำร้ายลูกชายของเขา จริงๆแล้วในตอนนั้นผมโกรธแค้นสุดๆ โหวหย่งทำกับพี่แบบนั้น ผมแทบจะอยากเข้าไปฉีกกระชากเนื้อหนังของเขาออกมาให้หมด ถ้าไม่ใช่เพราะว่ารีบร้อนพาพี่ไปส่งโรงพยาบาลนะ ผมจะเอาให้ตายคางานการกุศลแน่ๆ”
ตอนที่เนี่ยเฟิงพูดคำพูดนี้ออกมา แววตาดูคมกริบไม่น้อย
ในความจริงแล้วตอนนี้โหวหย่งก็ได้รับบทเรียนไปแล้ว เขาคงจะลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้อีกแล้ว ชีวิตที่เหลือก็ทำได้แค่นอนอยู่บนเตียง
“ดีที่นายไม่ได้ลงมือทำเรื่องแบบนั้นลงไป……”
หลินซูอินรู้สึกโทษตัวเองมาก“ต้องโทษฉัน ถ้าไม่ใช่ฉัน นายก็คงจะไม่ต้องมาเจอเรื่องพวกนี้ ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของฉันเอง”
“ผมรู้ดีว่าพี่สามจะต้องโทษตัวเองแน่ๆ ดังนั้นตอนที่อยู่โรงพยาบาลผมก็เลยโกหกพี่ ผมไม่อยากให้พี่แบกรับทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ที่ตัวเอง”
เนี่ยเฟิงถอนหายใจอย่างช้าๆ
“แต่ได้โรงเรียนทั้งโรงเรียนมาเปล่าๆแบบนี้ ชักจะเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิ”
“ไม่เป็นไร นี่มันเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องชดใช้ให้กับเราอยู่แล้ว!ใช่แล้ว พี่สาม พี่เซ็นสัญญาฉบับนี้ซะสิ!”
เนี่ยเฟิงพูดพลางหยิบสัญญาออกมาหนึ่งฉบับ ก่อนจะยื่นไปให้
หลินซูอินขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกสงสัยไม่น้อย“นี่มันคืออะไร?”
“ถ้าพี่เชื่อผม ก็เซ็นชื่อลงไปเลยครับ”
แน่นอนหลินซูอินเชื่อเสี่ยวเฟิงน้องชายของตัวเองอย่างหมดใจ ดังนั้นเธอจึงหยิบปากกาขึ้นมา เซ็นชื่อตัวเองลงไปยังจุดที่เนี่ยเฟิงชี้อย่างไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย หลังจากเซ็นชื่อเสร็จแล้ว เธอจึงมองสัญญาอย่างคร่าวๆ เห็นเป็นสัญญาในการถ่ายโอนหุ้น หลินซูอินก็ตกใจอย่างช่วยไม่ได้
“ทำไมนายถึงโอนโรงเรียนแห่งนี้มาเป็นชื่อของฉัน?!”
“แม้ว่าผมจะรู้ว่าพี่สามชอบความเงียบสงบ แต่ผมก็รู้ว่าพี่อยากที่จะมีสภาพแวดล้อมที่ดีๆ สามารถทำให้เด็กพวกนี้เติบไปโตไปโดยไม่ต้องเจอกับสภาวะของความกดดัน ดังนั้นผมรู้สึกว่าการให้พี่มาเป็นประธานกรรมการของที่นี่เป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว แค่พี่เป็นประธานกรรมการ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะอยู่ภายใต้การดูแลของพี่ คนอื่นก็จะไม่กล้าทำเรื่องบ้าบิ่นอะไรอีก”
เนี่ยเฟิงมองมาที่หลินซูอินด้วยความจริงใจสุดๆ
“แต่มันก็ไม่ถูกนะ เห็นๆอยู่ว่านี่เป็นหุ้นที่พ่อของโหวหยุ่งให้กับนาย ตอนนี้นายเอามาให้ฉัน นี่มันมากมายมหาศาลเกินไป ฉันรับเอาไว้ไม่ไหวหรอก!”
“แต่จริงๆแล้วนี่ก็คือสิ่งที่โหวฟู่กุ้ยชดใช้ให้กับพี่ ในเมื่อชดใช้ให้กับพี่ พี่ก็ต้องรับเอาไว้ ในสัญญาก็เซ็นไปแล้ว ชื่อของพี่มีผลบังคับใช้เรียบร้อยแล้ว”
เนี่ยเฟิงยิ้มอย่างสดใส
“คิดไม่ถึงว่านายจะกล้ามาหลอกฉันได้ ถ้ารู้ก่อน ฉันก็จะอ่านสัญญาให้ละเอียดก่อนแล้วค่อยเซ็นแล้ว”
หลินซูอินรู้สึกช่วยไม่ได้ มองค่าตอบแทนที่มากมายมหาศาลตรงหน้าของตัวเอง เธอทำอะไรไม่ถูกอยู่สักพัก
“แบบนี้ไม่ได้สิ ผมรู้ว่าหลังจากที่พี่ดูสัญญาฉบับนี้แล้ว จะต้องไม่ยอมเซ็นชื่อของตัวเองแน่นอน ดังนั้นผมก็เลยต้องวางอุบายสักหน่อย”
ในเมื่อสัญญาเซ็นชื่อไปเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่มีที่ให้ถอยกลับไปแล้ว หลินซูอินทำได้แค่พยักหน้า
พอหลินซูอินนึกถึงเรื่องของหลี่ซวน รองผู้อำนวยการแล้วก็ผู้อำนวยการ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
เป็นแบบที่เนี่ยเฟิงบอกไว้ไม่มีผิด เธอสามารถปกป้องควบคุมจิตใจของตัวเองได้ตั้งแต่ต้นจนจบ แม้จะรู้ดีว่าตัวเองหน้าตาสวย แต่ก็ไม่ใช้ความสวยในการหาช่องทาง เธอเป็นคนที่ซื่อสัตย์บริสุทธิ์มาโดยตลอด
ดังนั้นการที่ให้เธอมากำจัดเรื่องที่มันไม่ยุติธรรมในโรงเรียนมันก็ดีที่สุดแล้ว แม้ว่าหน้าที่นี้มันจะหนักนาก็ตาม แต่หลินซูอินกลับรู้สึกว่าตัวเองจะต้องทำให้ได้
หลังจากที่จัดการเรื่องนี้เสร็จ ก็เป็นเวลาค่ำแล้ว
เนี่ยเฟิงส่งหลินซูอินกลับไป ในเวลานี้ เขารู้สึกว่าในใจว่างเปล่า เขาไปซื้อเหล้าเบียร์สองสามขวดมาที่บ้านเก่าที่กำลังสร้างใหม่อยู่ในตอนนี้
จนถึงตอนนี้พวกคนงานก็พักผ่อนกันหมดแล้ว ดังนั้นที่นี่มืดสงบสุดๆ มีแค่ไฟบนถนนไม่กี่ดวงที่ยังสว่างอยู่ เนี่ยเฟิงหาม้านั่งหินนั่งลงไป มองทอดยาวออกไปยังบ้านเก่าที่ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์
เขาดื่มเบียร์ในมือไปสองสามคำ ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกเยอะแยะมากมาย
“พ่อแม่พวกท่านเห็นแล้วยัง? สี่คนที่มาแบ่งส่วนทรัพย์สินของตระกูลเนี่ยของพวกเราในตอนนั้น พวกมันก็ได้รับบทเรียนไปเรียบร้อยแล้ว แต่แค่คนที่อยู่เบื้องหลังที่ทำร้ายพวกท่าน ผมยังหาตัวมันไม่เจอ พวกท่านวางใจได้ จะช้าจะเร็วผมก็ต้องหาตัวพวกมันให้เจอให้ได้”
คำพูดนี้ของเนี่ยเฟิง สลายไปในค่ำคืนที่มืดมิด แล้วก็ถูกสายลมพัดพาลอยออกไป
“ทำอะไร? มาดื่มเหล้าแก้เซ็งคนเดียวที่นี่?”
คิดไม่ถึงว่าในเวลานี้จะมีคนมา ฝีเท้าของเธอเบามาก ขนาดเนี่ยเฟิงยังไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด