พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 201 ดื่มสามร้อยขวด
บทที่ 201 ดื่มสามร้อยขวด
ทุกคนตรงนั้นต่างพากันหัวเราะออกมา เพราะพวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่เนี่ยเฟิงพูดออกมันเหลวไหลสิ้นดี ไม่รู้เรื่องราคาเลยแม้แต่น้อย
“เสี่ยวเมิ่ง คุณก็ล้มลุกคลุกคลานอยู่ในวงการบันเทิงเหมือนกัน คุณก็น่าจะรู้ว่า ไวน์โรมานี กองติขวดนี้ราคาเท่าไร คุณช่วยอธิบายให้แฟนคนนี้ของคุณหน่อยสิ”
สวีเหมยและโกจิ้งทั้งสองคนก็หัวเราะกันบนความทุกข์ของคนอื่น แม้ว่าพวกเธอจะไม่ได้รับคำชมจากเหอเหรินเจ๋ แต่การที่ได้มาเห็นคางเมิ่งถูกแฟนของตัวเองมาทำให้พลอยเดือดร้อนไปด้วยแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
ในวงการบันเทิงมันมีมิตรภาพที่แท้จริงที่ไหนกันล่ะ ขอแค่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง ทุกคนก็แก่งแย่งชิงดีอย่างไม่คิดชีวิตกันแล้ว
โดยเฉพาะสวีเหมย ตอนนี้《ชิงผิงเลิก》ก็ฉายแล้ว ผลตอบรับมากมาย แต่ว่าทุกคนล้วนแต่ชอบคางเมิ่งในเรื่องมากกว่า
การปรากฏตัวของนางรองทำให้ผู้คนชื่นชอบไม่น้อย แถมภาพลักษณ์ก็ไม่เลว เป็นคนประพฤติตัวดีน่ารักน่าเอ็นดู บทบาทที่คางเมิ่งได้รับนี้ มันก็คือตัวตนของเธอเลย
บวกเข้ากับคางเมิ่งอายุยังน้อย แถมยังไม่มีพฤติกรรมที่ดัดจริตเสแสร้งแกล้งทำอีกด้วย เนื่องจากอยู่ท่ามกลางการประชาสัมพันธ์ของทีมงานนักแสดง นางรองก็เลยถูกหยิบยกออกมาเปรียบเทียบ
ทำให้ผู้คนมากมายโน้มเอียงไปทางคางเมิ่ง หลักๆคือคางเมิ่งหน้าตาดีและสดใสมีชีวิตชีวามากๆ แม้ว่าสวีเหมยจะไม่ยอมรับมัน แต่ทุกคนนั้นต่างก็ยอมรับกันทั้งนั้น
อีกทั้งผู้กำกับเรียกพวกเขามาคุยปรึกษาเรื่องการถ่ายทำ《ชิงผิงเลิก》ภาคที่สองแล้วด้วยแถมยังอธิบายไปเรียบร้อยแล้ว ภาคที่สองนี้จะอิงมาจากแก่นเรื่องของภาคที่หนึ่ง แต่จะเล่าเรื่องราวความรักของพระรองและนางรอง
สวีเหมยก็เป็นคนที่คลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิงมานานพอสมควร ต้องรู้ว่าสิ่งที่ผู้กำกับพูดหมายความว่ายังไง
ก็คือตอนแรกเธอได้แสดงบทของนางเอก แต่ในหนังภาคต่อไปมีแค่บทบาทของนางรองคนที่หนึ่งและนางรองคนที่สองเท่านั้น
กล้าดียังไง? คางเมิ่งก็แค่ใช้หน้าตาของตัวเองในการได้รับความนิยมชมชอบจากผู้คนก็แค่นั้น ทำไมถึงแย่งทุกสิ่งทุกอย่างในตอนนี้ของเธอไปได้?
สวีเหมยยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกโมโห แถมสวีเหมยก็ปรารถนาที่จะเข้าไปอยู่ในตระกูลร่ำรวยมากๆด้วย เนื่องจากเธอรู้ว่าตัวเองจะใช้หน้าตาและความอ่อนเยาว์ในการทำมาหากินได้อีกไม่นานแล้ว อีกอย่างเธอก็เป็นนักแสดงที่สวยแต่รูปเท่านั้น ไม่มีทักษะการแสดงอะไรเลย
สวีเหมยครุ่นคิดดูแล้วว่าถ้าหาบ้านหลังถัดไปให้กับตัวเองไม่ได้ จากนี้ไปตัวเธอเองก็จะไม่มีจุดยืนในวงการบันเทิงแล้ว แหล่งทรัพยากรของเธอก็จะยิ่งน้อยลง ดอกไม้สดใหม่แบบนี้ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่หยุดไม่หย่อน!
เพื่อรักษาภาพลักษณ์ที่สดใหม่สวยงามเปล่งประกาย สวีเหมยจึงใช้เงินอย่างไม่บันยะบันยัง แถมบวกเข้ากับปนเปื้อนของพวกนั้นอีก……
สวีเหมยกัดริมฝีปาก ตอนแรกคิดว่าการถ่ายทำครั้งนี้จะต้องดึงดูดเหอเหรินเจ๋มาได้แน่ๆ แต่คิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าเขาจะตกหลุมรักคางเมิ่งตั้งแต่แรกเห็นแบบนั้น
ต่อให้เธอโกรธต่อไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว แม้ว่าเหอเหรินเจ๋จะไม่ใช่คนดีอะไร เป็นพวกคุณชายที่เจ้าชู้ผลาญเงินไปวันๆ แต่ถ้าเธอสามารถร่วมหลับนอนกับเหอเหรินเจ๋ได้แล้ว เธอก็จะมีสิทธิ์ควบคุมบงการเขาได้แน่นอน!
แต่น่าเสียดายตอนนี้เขามีแต่คางเมิ่งอยู่เต็มหัวใจ นังโง่คางเมิ่งนี่ก็จริงๆเลย มีแหล่งทรัพยากรที่ดีขนาดนี้มาวางอยู่ตรงหน้าไม่รู้จักใช้ประโยชน์ เอาแต่ลุ่มหลงไอ้แฟนหนุ่มปัญญาอ่อนของตัวเองอยู่ได้
แต่ก็ดีเหมือนกัน ถ้าเหอเหรินเจ๋ถอดใจจากคางเมิ่งแล้ว ตัวเองก็จะได้มีโอกาสสักที
ตอนนี้ที่สวีเหมยกดขี่ข่มเหงก็เพื่อยุให้คางเมิ่งโมโห ถึงตอนนั้นท่าทีที่เธอมีต่อเหอเหรินเจ๋ก็จะยิ่งร้ายแรงขึ้นไปอีก คงจะไม่มีใครอยากจะกระตือรือร้นตามตื๊อคนที่เย็นชาใส่เราหรอกใช่ไหมล่ะ?
สีหน้าของคางเมิ่งเริ่มซีดขาว เธอบีบแขนของเนี่ยเฟิงไว้แน่น
เนี่ยเฟิงพอจะรู้สึกได้ว่าคางเมิ่งหมดหนทางช่วยเหลือ ดังนั้นเขาจึงมาปกป้องคางเมิ่ง“พวกคุณอย่ามารังแกแฟนของผมแบบนี้ แฟนของผมไม่ค่อยสู้คน แถมเธอก็เป็นคนดี ถ้ามีเรื่องอะไรก็มาลงที่ผมแทนดีกว่า”
“เหอะ!วันนี้ฉันจะเปิดเผยหน้าที่แท้จริงของแกออกมา ให้เสี่ยวเมิ่งได้เห็นว่าแท้จริงแล้วแกเป็นคนยังไง!ในเมื่อแกบอกว่าแกสามารถนำโรมานี กองติมาได้สามร้อยขวด ถ้าอย่างนั้นแกก็เอามาให้พวกเราดูสักหน่อยสิ!”
เหอเหรินเจ๋ก็เป็นคนมีฐานะร่ำรวยเหมือนกัน แต่จะให้เขาเอาโรมานี กองติออกมาในเวลาน้อยนิดแบบนี้มันก็เป็นไปไม่ได้หรอก อย่างแรกเลยคือผลผลิตไม่อำนวย อย่างที่สองคือในเวลาอันสั้นขนาดนี้ จะไปชงไวน์มากมายขนาดนั้นเพื่ออะไร?
“ตอนแรกผมกะที่จะเอามาเลี้ยงต้อนรับตามจำนวนที่นั่งของแขกที่มาทั้งหมด แต่ตอนนี้เปลี่ยนความคิดแล้ว ถ้าผมสามารถหาโรมานี กองติ มาได้สามร้อยขวด คุณจะดื่มเหล้าพวกนี้ให้หมดเลยไหมล่ะ?”
เนี่ยเฟิงมุมปากยกขึ้นเหมือนกับกำลังยิ้มอยู่เบาๆ
“โอ้!เริ่มเกรียนใส่แล้ว!”
โกจิ้งที่ยืนดูอยู่ข้างก็ใส่ไฟให้ยิ่งลุกโชนมากขึ้น ถึงขนาดที่ปรบมือยุยงส่งเสริมอยู่ข้างๆ!
เหอเหรินเจ๋ผ่านการต่อสู้แก่งแย่งในสังคมมามากมายหลายรูปแบบ แต่ไม่เคยเห็นคนที่ไม่สนหน้าสนตาขนาดนี้มาก่อน ขนาดเขายังไม่กล้าพูดเลยว่าจะเอาไวน์ชั้นดีออกมามากขนาดนั้น!
“ในเมื่อแกอยากจะขายขี้หน้าขนาดนั้น ฉันก็จะช่วยให้สมใจแกเอง!แกเอาออกมาสิ ถ้าแกเอาไวน์มากมายขนาดนั้นออกมาได้ภายในหนึ่งชั่วโมง ฉันก็จะดื่มไวน์พวกนั้นให้หมดเอง!”
เขาไม่เชื่อหรอก
เนี่ยเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย“น่าสนใจ คนที่อยู่ที่นี่ได้ยินกันหมดแล้วใช่ไหม?”
“แน่นอนอยู่แล้ว พวกเราเป็นพยานให้ได้!”
“เสี่ยวเฟิง อย่าไปเดิมพันอะไรกับพวกเขาเลย คนพวกนี้ประสาททั้งนั้น!”
คางเมิ่งรีบดึงรั้งเนี่ยเฟิงเอาไว้ พร้อมกับพูดออกมาเบาๆ
“พี่เจ็ด เชื่อผม ผมจะจัดการกับคนพวกนี้เอง ให้พวกเขาได้รับความอับอายอย่างถึงที่สุด ผมมีวิธี!”
ทั้งสองคนทำท่าทางกระซิบกระซาบกัน ถูกเหอเหรินเจ๋เห็นเข้า เหอเหรินเจ๋ก็โมโหออกมาทันที“หยุดพูดมากได้แล้ว รีบเข้าเถอะ!”
“ได้ แต่ผมไม่เชื่อว่าลำพังตัวคุณคนเดียวจะดื่มได้เยอะขนาดนั้น ถ้าคุณดื่มไม่หมดล่ะ ผมจะไม่เสียดายไวน์ของผมแย่เลยเหรอ?”
“เหอะ!แกกำลังกังวลเรื่องนี้? งั้นก็ได้!ถ้าแกสามารถนำเหล้ามากมายขนาดนั้นมาได้ ฉันก็จะดื่มมันให้หมดต่อหน้าแกตรงนี้เลย!ส่วนที่ดื่มไม่หมดก็จะเปลี่ยนเป็นเงินให้เอง!แล้วหลังจากนี้ฉันก็จะไม่มาเกาะแกะเสี่ยวเมิ่งอีก!แต่ถ้าแกไม่สามารถเอาโรมานี กองติมาได้ แกก็ต้องเลิกกับเสี่ยวเมิ่งทันที!แล้วก็หายไปให้พ้นจากสายตาของพวกเราตลอดไป!หวังว่าอันนี้คงจะไม่มีปัญหาสินะ?”
“ฟังแล้วเหมือนจะมีอะไรนะ ผมได้ทำการบันทึกเสียงที่พูดเดิมพันของพวกเราเอาไว้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มกันเลยไหม?”
หลังจากเนี่ยเฟิงพูดจบก็โทรศัพท์ออกไป“ตอนนี้ฉันอยู่ที่บาร์เติงหมิง นายรีบให้คนเอาโรมานี กองติสามร้อยขวดมาส่งโดยเร็วเลย ฉันต้องเห็นมันภายในอีกสิบห้านาทีนี้”
หลังจากเนี่ยเฟิงพูดจบก็วางสายลง
“ฮ่าๆๆ!พูดซะเหมือนจริงเลยนะ เล่นซะฉันขำจะแย่อยู่แล้ว!”
“หรือว่าตระกูลของพวกแกขายไวน์อย่างนั้นเหรอ? ต่อให้ขายไวน์ ก็ไม่มีทางนำโรมานี กองติมาได้มากขนาดนั้นแน่นอน!”
“ใช่ๆ!น่าขำสิ้นดี ภาพที่แกทำท่าคุยโทรศัพท์อย่างจริงจังเมื่อตะกี้ ฉันน่าจะถ่ายเก็บไว้นะ!”
“เสี่ยวเฟิง นายทำได้จริงๆเหรอ?”
คางเมิ่งเห็นคนพวกนั้นกำลังหัวเราะเยาะเย้ยเนี่ยเฟิง ก็รู้สึกไม่แน่ใจ เธอคว้ามือของเนี่ยเฟิงไว้ทันที ก่อนจะพูดถามขึ้นอย่างเบาๆ
“อื้อ!วางใจได้ ไม่มีปัญหาแน่นอน!”
เนี่ยเฟิงฉีกยิ้มกว้าง
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ใกล้จะครบสิบห้านาที ข้างนอกก็ยังคงไร้วี่แววอะไร เหอเหรินเจ๋พูดยิ้มๆ“เนี่ยเฟิง ไหนไวน์ของแกล่ะ?”