พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 207 จงใจ
บทที่ 207 จงใจ
“มีปัญญาแค่นี้เหรอ? คุณบอกใช่ไหม ว่าอยากจะประมูลหยกเรืองแสงให้กับแฟนของคุณ ถ้าอย่างนั้นผมจะยอมให้คุณไม่ได้หรอกนะ”
เนี่ยเฟิงยิ้มกว้าง จากนั้นก็ยกป้ายขึ้น พร้อมกับพูดออกมาเบาๆสามคำ“หนึ่งพันล้าน”
ทุกคนในงานต่างถลึงตาโต ราคาเกินแปดสิบล้านหยกเรืองแสงนี้ก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว
เพราะว่าหยกเรืองแสงไม่คุ้มค่ากับเงินมากมายขนาดนั้น
แม้ว่านี่จะเป็นสีเขียวจักรพรรดิชั้นดีขนาดไหน แต่นี่มันก็เป็นแค่สิ่งของของพวกข้าราชบริพารชั้นสูงเท่านั้น
ผู้คนตีค่าของมัน แค่ราคาที่อยู่บนฉลากมากขนาดนั้นมันก็เพียงพอแล้ว ไม่คิดว่าตอนนี้จะมีคนยอมจ่ายเงินถึงหนึ่งพันล้านเพื่อซื้อมัน หรือว่าคนคนนี้สมองไม่ปกติอย่างนั้นเหรอ?
“สองพันล้าน!”
ตอนแรกเหอเหรินเจ๋กะที่จะดูเนี่ยเฟิงขายหน้า แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าเขาเป็นฝ่ายโดนแหย่โดนกระตุ้นแทน
เนี่ยเฟิงกล้ามาบอกว่าเขาไม่มีปัญญาซื้อสร้อยเส้นนี้ให้เธอ เหอเหรินเจ๋จะยอมได้ยังไง เหอเหรินเจ๋มองเนี่ยเฟิงด้วยความสะใจไม่น้อย แต่เนี่ยเฟิงกลับชูป้ายขึ้นมาอีก
“ห้าพันล้าน”
คางเมิ่งได้ยินราคาที่เนี่ยเฟิงตะโกนออกมาก็อึ้งตะลึง เธอคว้ามือของเนี่ยเฟิงเอาไว้
“นายบ้าไปแล้ว ซื้อสร้อยแค่เส้นเดียวตั้งห้าพันล้านเลยหรือไง!”
“แล้วมันจะยังไงล่ะ? ขอแค่คุณชายเหอซื้อสร้อยเส้นนี้ไม่ได้ ผมก็รู้สึกดีใจแล้ว แล้วปกติเงินก็ไม่ได้ซื้อความดีอกดีใจให้ผมได้ง่ายๆแบบนี้ด้วย”
พอเนี่ยเฟิงพูดจบแล้วก็เอียงหัวมองไปยังเหอเหรินเจ๋
“หกพันล้าน!”
เขาไม่เชื่อ ว่าเนี่ยเฟิงจะกล้าพูดขึ้นมาต่อ
“หนึ่งหมื่นล้าน”
เนี่ยเฟิงพูดพลางโบกๆมือ“คุณชายเหอคุณทำรังแต่พอตัวเถอะ ถ้าที่ตัวไม่มีเงินแล้วก็ไม่ต้องเสแสร้งต่อแล้วล่ะ ระวังจะจ่ายเงินมากขนาดนี้ไม่ไหวเอานะ ขายหน้าแย่เลย”
“คนที่จะขายหน้าคือแกต่างหากล่ะ!”
เหอเหรินเจ๋กัดฟันกรอดๆ“แล้วแกมีเงินถึงหนึ่งหมื่นล้านหรือไง? แกไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น แล้วทำไมแกถึงยังพูดพล่ามเพิ่มราคาไปเรื่อยอยู่อีกล่ะ!”
“ทำไมผมจะไม่มี?”
เนี่ยเฟิงฉีกยิ้มกว้าง“ตอนนี้คุณหยุดเพิ่มราคาได้แล้วนะ ให้พวกเขามอบสร้อยคอเส้นนั้นกับผมซะ แต่ถ้าทำแบบนี้ คุณก็คงไม่มีหน้าไปสู้แฟนของคุณแล้วสินะ เมื่อตะกี้คุณยังพูดสัญญาอยู่เลยว่าจะซื้อสร้อยเส้นนี้ให้กับแฟนของคุณไม่ใช่เหรอ? ขอโทษทีนะ ผมรู้สึกว่าเมิ่งเมิ่งของผมเหมาะสมมากกว่า”
เนี่ยเฟิงชำเลืองตาไปมองสวีเหมย“คุณก็เหมาะที่จะใส่พวกของถูกๆมากกว่านะ”
“คุณว่าอะไรนะ!”
สวีเหมยก็ถูกกระตุ้นอารมณ์เหมือนกัน เธอโกรธจนกำมือแน่น ก่อนหน้านี้เธอก็มักจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับคางเมิ่งอยู่ตลอด
สวีเหมยรู้สึกเอือมระอามากพอแล้ว
คำพูดนี้ของเนี่ยเฟิง ทำให้สวีเหมยยิ่งทวีความโกรธมากขึ้นไปอีก!
เป็นคนต้องไม่ยอมแพ้ จากนั้นเหอเหรินเจ๋ก็เปิดปากพูด“สองหมื่นล้าน!ฉันจะรอดูว่าแกจะสามารถให้มากกว่าฉันได้อีกไหม!”
ใจทุกคนเต้นอย่างแรง ส่วนในตอนนี้เนี่ยเฟิงก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่มีเลศนัย
“ในเมื่อคุณชายเหอชอบขนาดนั้น ถ้าอย่างนั้นผมก็ยอมกล้ำกลืนฝืนทน ยกสร้อยเส้นนี้ให้กับคุณก็แล้วกัน!คุณชายเหอช่างรักใคร่แฟนของคุณจริงๆนะครับ เมิ่งเมิ่งพวกเราไปดูอย่างอื่นก็แล้วกันนะ”
เนี่ยเฟิงยิ้มอย่างไม่มีพิษไม่มีภัย หลังจากที่ทั้งสองคนที่กำลังโกรธหัวลุกเป็นไฟค่อยๆใจเย็นลงแล้ว ก็พบว่าตัวเองติดกับเข้าแล้ว!
“เนี่ยเฟิง!แกเล่นตลกกับฉันอย่างนั้นเหรอ!”
เหอเหรินเจ๋โกรธจนสองตาแดงก่ํา พูดตะโกนออกมาเสียงดัง
“ผมยอมทำด้วยความเต็มใจ ในเมื่อมีคนใจปล้ำยอมจ่ายเงินตั้งสองหมื่นล้านเพื่อซื้อสร้อยที่ราคาแปดสิบล้าน แล้วผมจะไปขวางเขาทำไม?”
เนี่ยเฟิงพูดจบก็เดินก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว พูดกับเหอเหรินเจ๋ด้วยเสียงเบาๆที่ได้ยินเพียงแค่สองคน
“ผมลืมบอกคุณไป งานประมูลงานนี้เป็นงานที่บริษัทของผมจัดขึ้นมาเอง แล้วก็เรื่องที่สวีเหมยได้ยินเมื่อคืนน่ะผมก็จงใจเองแหละ ผมรู้ด้วยว่าเธอจะเอาไปรายงานกับคุณ”
เนี่ยเฟิงชำเลืองตาไปมองสวีเหมย“ทำได้ดีมาก”
สวีเหมยมองเนี่ยเฟิงด้วยสีหน้าสงสัย เธอแทบจะไม่ได้ยินที่ทั้งสองคุยกันเลยแม้แต่นิดเดียว คำว่าทำได้ดีมากที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเนี่ยเฟิง มันหมายความว่ายังไง??
“แกว่าไงนะ?!”
เหอเหรินเจ๋ถลึงสองตาโต มองเนี่ยเฟิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ“เป็นไปไม่ได้!”
เนี่ยเฟิงฉีกยิ้มกว้าง“อีกเดี๋ยวคุณจะลองไปสอบถามดูก็ได้นะ อ้อ ใช่แล้ว ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง โรมานี กองติที่คุณยังดื่มไม่หมดเมื่อคืน ตอนนี้คุณก็ต้องชดใช้คืนให้กับผมสี่สิบล้านด้วยนะ อย่าลืมล่ะ”
เนี่ยเฟิงพูดจบ ก็จูงมือคางเมิ่งออกไป
เนื่องจากคางเมิ่งไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกัน สีหน้าจึงดูมึนงง หลังจากที่ทั้งสองคนออกไปแล้ว คางเมิ่งจึงถามขึ้นเบาๆ“นายพูดอะไรกับเขา? ทำไมเขาถึงโกรธขนาดนั้น? เห็นๆอยู่ว่าเขาเป็นคนประมูลหยกเรืองแสงมาได้”
“ผมจงใจเพิ่มราคาให้สูงๆ ก็เพื่อให้เขาจ่ายเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ พอเขารู้เรื่องนี้ก็เลยรู้สึกโกรธมากๆ เพราะว่าติดกับผมเข้าแล้วยังไงล่ะ”
เนี่ยเฟิงยิ้มให้กับคางเมิ่ง“เขาเอาแต่บอกว่าตัวเองรวยไม่ใช่หรือไง?”
“ใช่ หมอนี่น่ารำคาญมาก เอาแต่บอกว่าตัวเองรวย แถมยังโอ้อวดตัวเองอีก ฉันล่ะรำคาญคนประเภทนี้ที่สุด!แม้ว่าการกระทำนี้ของนายจะไม่ค่อยซื่อสัตย์มากนัก แต่ก็น่าจะทำให้เขาได้รู้ซึ้งถึงความโหดร้ายในสังคมบ้าง!ทำได้ไม่เลวนี่ เสี่ยวเฟิง คิดไม่ถึงว่านายจะหลอกล่อคนเก่งเหมือนกันนะ!”
ทั้งสองคนพูดคุยยิ้มแย้มกัน ก่อนก็หันไปดูการจัดแสดงอย่างอื่นต่อ
เหอเหรินเจ๋สีหน้าดำมืดราวกับสีของขี้เถ้า
“คุณชายเหอนี่มันเกิดอะไรขึ้น? เมื่อตะกี้เขาคุยอะไรกับคุณ?”
พอเห็นเหอเหรินเจ๋ไม่พูดอะไร สวีเหมยก็เข้าไปถามใกล้ๆ แต่คิดไม่ถึงว่าเหอเหรินเจ๋จะตบสวีเหมยไปหนึ่งที
สวีเหมยถูกตบจนล้มลงไปที่พื้น เธอกุมแก้มที่บวมของตัวเอง พร้อมกับถามขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“คุณชายเหอ ฉันทำอะไรผิดกันแน่? ทำไมคุณถึงต้องตบฉัน?”
“เธอมันนังผู้หญิงสารเลว กล้าไปร่วมมือกับคนอื่นมาหลอกลวงฉัน!”
สวีเหมยถูกตบจนสับสนมึนงงไปหมด แต่พอได้ยินเหอเหรินเจ๋พูดแบบนี้ สวีเหมยก็รู้สึกว่ามันเหนือความคาดหมายไปมาก เธอไปหลอกเหอเหรินเจ๋ตั้งแต่เมื่อไรกัน?
สวีเหมยรีบส่ายหัว บอกว่าตัวเองซื่อสัตย์กับเหอเหรินเจ๋ แต่เหอเหรินเจ๋กลับเตะเธอไปหนึ่งที ตอนนี้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปหมด ตอนนี้เขายังต้องไปพิสูจน์ความจริงอีกหนึ่งเรื่อง จากนั้นเขาก็เดินตรงไปยังเคาน์เตอร์คนขาย“เถ้าแก่ของหยกหนานเฟิงของพวกแกคือใครกันแน่? ใช่คนสกุลเนี่ยนั่นใช่ไหม!”
“สวัสดีครับคุณผู้ชาย เถ้าแก่ของหยกหนานเฟิงพวกเราสกุลเนี่ยจริงๆครับ ไม่ทราบว่าคุณถามทำไมเหรอครับ?”
เหอเหรินเจ๋ถลึงสองตาโตทันที ที่เนี่ยเฟิงพูดเป็นเรื่องจริง!
“คุณผู้ชายครับ หยกเรืองแสงที่คุณประมูลได้เมื่อตะกี้ ไม่ทราบว่าคุณจะเลือกวิธีจ่ายทางไหนดีครับ?”
อีกฝั่งเอาเครื่องสแกนบัตรและเครื่องนับธนบัตรออกมาเรียบร้อยแล้ว เขามองเหอเหรินเจ๋ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเล็กน้อย แต่เหอเหรินเจ๋กลับจ้องเขม็งเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“เถ้าแก่ของพวกแกวางแผนหลอกลวงฉัน ให้ฉันประมูลหยกเรืองแสงมาด้วยราคาที่สูง แล้วตอนนี้แกก็ยังจะให้ฉันมาจ่ายเงินอีก ฉันว่าแกคิดเพ้อเจ้อฝันไปไกลแล้ว!รีบไสหัวไปซะตอนที่ฉันยังไม่ระเบิดโมโหออกมาดีกว่านะ!”
เหอเหรินเจ๋มองพนักงานพร้อมกับกัดฟันกรอดๆ พนักงานรู้สึกลำบากใจทันที ถึงยังไงงานประมูลก็ต้องดำเนินการไปตามกระบวนการแบบนี้ หรือว่าเขาคิดจะมาเล่นตุกติกหน้าด้านๆเลยอย่างนั้นเหรอ?
“คุณผู้ชายครับคุณเป็นคนประมูลหยกเรืองแสงเอง ทุกคนล้วนแต่เห็นกันหมด คุณจะมาทำตัวกลับไปกลับมาแบบนี้ไม่ได้นะครับ”
“ถุ้ย!แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้กล้ามาสั่งฉันแบบนี้!”