พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 208 ตามทวงนี้ถึงที่
บทที่ 208 ตามทวงหนี้ถึงที่
เหอเหรินเจ๋ผลักพนักงานคนนั้นออกไป จากนั้นก็เดินจากไปด้วยความโกรธแค้นทันที
ในเวลานี้เองคางเมิ่งรู้สึกกังวลว่าเหอเหรินเจ๋จะมาหาเรื่องอีก ก็เลยเดินตามเนี่ยกลับไปยังโรงแรมด้วยกัน
หลังจากที่เนี่ยเฟิงกลับมาถึงโรงแรมแล้ว ก็เห็นว่ามีข้อความส่งเข้ามาในมือถือ เรื่องเหอเหรินเจ๋ไม่ยอมให้เงินแล้วเดินหนีไปเลย
“ว่าแล้วว่าหมอนี่มันก็เป็นไอ้ขี้ขลาดดีๆนี่เอง”
เนี่ยเฟิงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน ประโยคที่เขาพูดออกมานี้บังเอิญไปเข้าหูของคางเมิ่งพอดี คางเมิ่งขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกสงสัยไม่น้อย จึงถามเนี่ยเฟิง
“นายว่าใครเป็นไอ้ขี้ขลาดนะ?”
“ก็เหอเหรินเจ๋น่ะสิ คุณคิดดูนะ พวกเขาเมื่อตะกี้ขนาดจะตามยังไม่กล้าตามมาเลย สีหน้าอมทุกข์ขนาดนั้น แค่ผมนึกถึงเขาผมก็รู้สึกดีอกดีใจขึ้นมาไม่น้อยแล้ว”
เนี่ยเฟิงพูดพลางเก็บมือถือลง สีหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา ดูท่าแล้วไม่ได้พูดโกหกเลยแม้แต่นิดเดียว
“ที่นายพูดก็ถูก น่าขำจริงๆนั่นแหละ แต่ถึงจะพูดยังไงตระกูลพวกเขาก็ร่ำรวยอยู่เหมือนกันนะ พวกเราอย่าไปยุแหย่มากเกินไปจะดีกว่า”
คางเมิ่งก็รู้สึกว่าพวกเขาทั้งสองคนถูกบีบบังคับให้ยอมแพ้ ตัวเองก็รู้สึกสบายใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้พวกเขามาเรียกร้องความสนใจล่ะ นี่มันก็สมควรโดนแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ฉวยโอกาสนี้รีบหนีไปเถอะ ตอนนี้เขาอาจจะยังกำลังปวดหัวอยู่กับเรื่องสร้อยเส้นนั้นอยู่ เลยไม่ได้มีเวลามาสนใจพวกเรา ถ้ารอให้เขาซื้อสร้อยเส้นนั้นเสร็จแล้ว เขาก็จะต้องมีเวลามาจัดการกับพวกเราสองพี่น้องแน่ๆ!”
คางเมิ่งพูดขึ้น ส่วนเนี่ยเฟิงก็พยักหน้า
หลังจากที่ทั้งสองคนเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว เนี่ยเฟิงก็นึกอะไรขึ้นมาได้“โอ้ พี่เจ็ดทำยังไงดี? ผมลืมของไว้ที่หอที่หก”
คางเมิ่งแอบรู้สึกตกใจ รีบพูดถามขึ้นทันที“นายลืมอะไรไว้ที่หอที่หก สำคัญหรือเปล่า? ถ้าสำคัญมากล่ะก็ ให้ฉันกลับไปเอาเป็นเพื่อนนายไหม?”
“ถามว่าสำคัญไหม สำหรับคนอื่นแล้วอาจจะไม่มีค่าเท่าไร ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีใครหยิบไป ผมกลับไปเอาเองก็ได้ คุณรอผมที่โรงแรมสักประเดี๋ยวก็แล้วกัน”
เนี่ยเฟิงฉีกยิ้มกว้าง คางเมิ่งไม่มีทางช่วย ทำได้แค่พยักหน้า รอเนี่ยเฟิงอยู่ที่โรงแรม หลังจากที่เนี่ยเฟิงออกไปแล้ว รถลินคอล์นคันหนึ่งก็มาจอดอยู่ตรงหน้าเขา
“ตอนนี้เหอเหรินเจ๋อยู่ที่ไหน?”
“ครับราชามังกร พวกเราคอยจับตาดูเขาอยู่ตลอด ตอนนี้เขากลับไปยังโรงแรมตี้เหมินครับ”
ที่แท้โรงแรมที่ราคาแพงเป็นพิเศษที่พวกเขาพักอยู่ก่อนหน้านี้ ก็เป็นของตระกูลเหอเหรินเจ๋นี่เอง
“ไปหาเขาโดยตรงเลย”
เนี่ยเฟิงพูดสั่งไปด้วยสีหน้านิ่งเฉย รถแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มาถึงยังโรงแรมตี้เหมิน
อีกอย่างหลังจากที่เหอเหรินเจ๋ได้รับความอับอายที่หอที่หกแล้ว เขายิ่งคิดก็ยิ่งโมโห จึงกลับมาซาวน่าที่โรงแรมทันที เพื่อระบายอารมณ์
เขาอยู่ซาวน่าเหงื่อไหลอาบท่วมตัวราวกับสายฝน
“ให้ตายสิ ยิ่งคิดยิ่งแค้นจริงๆ ไอ้หมาสองตัวผัวเมียนี้กล้ามาวางแผนหลอกล่อฉัน!นั่นมันตั้งสองหมื่นล้านเชียวนะ!บ้าไปแล้ว!ใครจะเอาเงินสองหมื่นล้านไปซื้อเศษหินแค่ไม่กี่ก้อนกัน!”
เหอเหรินเจ๋พูดพลางดึงผ้าขนหนูที่อยู่ที่หน้าของตัวเองออก ก่อนจะซัดลงพื้นอย่างแรง แต่ในเวลานี้เองสายตาของเขาก็มึนงงไม่น้อย จู่ๆในห้องก็มีคนโผล่เข้ามาหนึ่งคน ทำเอาเหอเหรินเจ๋ตกใจไม่น้อย
“เห้ย!คนที่นั่งอยู่ตรงนั้นคือใครวะ? ใครใช้ให้แกเข้ามา ไม่รู้เหรอว่าที่นี่มันเป็นห้องซาวน่าส่วนตัว รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
เหอเหรินเจ๋ตบๆลงที่หน้าอกของตัวเอง จากนั้นก็พูดกับคนคนนั้นด้วยความโมโห
“ดูให้ชัดก่อนว่าผมเป็นใครแล้วค่อยตะคอกใส่ดีกว่านะ เหอเหรินเจ๋”
พอคำพูดนี้ของเนี่ยเฟิงพูดออกมา ทำเอาเหอเหรินเจ๋ขนลุกทันที เหอเหรินเจ๋ถลึงสองตาโตด้วยความตกใจ“เฮือก”พร้อมกับลุกขึ้นมาทันที
“แกเข้ามาได้ยังไง? ใครให้แกเข้ามา!”
“กะอิแค่ยามไม่กี่คนตรงทางเข้าพวกนั้นของคุณ คิดว่าจะขวางพวกเราได้เหรอ?”
เนี่ยเฟิงนั่งอยู่ตรงมุมมืด มองไม่ค่อยชัด รูปร่างครึ่งตัวบนที่กำยำล่ำสันของเขากลับทำให้เห็นแล้วน่ากลัวน่าเกรงขามไม่น้อย
เนี่ยเฟิงเป็นประเภทที่ว่าถอดเสื้อแล้วรูปร่างผอม แต่ใส่เสื้อแล้วดูมีกล้ามเนื้อ ตอนนี้เขาใส่แค่ผ้าขนหนูตัวเดียว ร่างกายไม่ได้สวมอะไรเลย
จากนั้นเนี่ยเฟิงก็ยื่นมือออกมาลูบๆเส้นผมที่เปียกเล็กน้อยของตัวเอง สายตาที่ราวกับนักล่าคู่นั้นจ้องมองมายังเหอเหรินเจ๋
“ผมได้ยินมาจากพนักงานของผมว่า มีคนคนหนึ่งไร้มารยาทสุดๆ ประมูลหยกเรืองแสงแล้ว กลับไม่ยอมให้เงิน”
เหอเหรินเจ๋ฝืนทำเป็นสงบนิ่ง ยิ้มแห้งๆ
“ก็แกวางแผนหลอกฉัน ทำไมฉันต้องให้เงินแกด้วย!”
“ก็เพราะว่ามีคนบางคนไม่ยอมให้เงิน มาเพิ่มภาระงานให้กับผม ดังนั้นผมจึงต้องมาตามทวงนี้ถึงที่นี่ยังไงล่ะ”
เนี่ยเฟิงตัวสั่นครึ่งตัว ในเวลานี้เขาก็เดินออกมาจากมุมมืดมาตรงที่สว่าง สองตาที่ดำมืดนั่นของเขาสว่างจนน่าตกใจ เหอเหรินเจ๋เหลือบไปมองรอยแผลตามตัวของเนี่ยเฟิงพวกนั้น ก็สั่นกลัวอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนว่าหมอนี่จะไปยุแหย่มากไม่ได้แล้วสิ
“ทั้งหมดสองหมื่นสี่สิบล้าน คุณจะจ่ายแบบไหน?”
ไม่รู้ว่าทำไม เห็นเนี่ยเฟิงแบบนี้แล้ว เหอเหรินเจ๋รู้สึกว่าน่ากลัวอยู่ไม่น้อย แต่เขาคิดๆดู ที่นี่เป็นถิ่นของเขานี่ เขามีอำนาจบารมี ทำไมเขาต้องกลัวเนี่ยเฟิงด้วย?
“ฉันว่าแกคิดเพ้อเจ้อไปไกลแล้วนะ ฉันจะไม้ให้เงินแกสักแดงเดียว ถ้าตอนนี้แกเข้าใจสถานการณ์สักหน่อยล่ะก็ ยอมไสหัวไปจะดีกว่านะ รีบไปตอนที่ฉันยังอารมณ์ดีอยู่ ถ้าแกไม่ไป ฉันก็จะให้คนมาไล่แกออกไปเอง!”
เหอเหรินเจ๋หัวเราะเยาะเย้ย มองเหยียดเนี่ยเฟิงอย่างหยิ่งยโส หน้าเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่เย้ยหยัน
เนี่ยเฟิงรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที“โอ้? ถ้าอย่างนั้นก็น่าสนใจแล้วล่ะสิ ไหนคุณบอกผมมาหน่อยสิว่าคุณจะตามใครมาไล่ผมออกไป?”
“ดูท่าแล้วแกไม่จนตรอกก็คงไม่ยอม ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะทำให้แกดั่งใจหวังเลยก็แล้วกัน!”
จากนั้นเหอเหรินเจ๋ก็กดสัญญาณเตือนภัยที่อยู่ข้างๆ แล้วก็ยืนมองเนี่ยเฟิงด้วยความสะใจ
“ไม่เกินสิบวินาที กองกำลังของฉันก็จะมาถึงอย่างรวดเร็ว ถึงตอนนั้นแกจะมาเสียใจภายหลังก็ไม่ทันแล้ว!”
ใบหน้าของเนี่ยเฟิงยิ่งยิ้มกว้างขึ้น เดินเข้าไปข้างในห้องซาวน่าด้วยท่าทางที่ไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย
อุณหภูมิในห้องซาวน่าสูงมาก แต่สำหรับเนี่ยเฟิงแล้ว อุณหภูมิแค่นี้มันจิ๊บจ๊อยมาก
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอดูหน่อยแล้วกันว่าคุณเอาคนแบบไหนมาจัดการกับผม”
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในตอนแรกเหอเหรินเจ๋ยังวางมาดอยู่ แต่ตอนนี้เหอเหรินเจ๋กลับขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้แล้ว
เรียกคนไปตั้งนานแล้ว แต่ทำไมตอนนี้ถึงยังไม่มีใครมาแม้แต่คนเดียว?
หรือว่าลูกน้องของตัวเองไม่ได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภัยอย่างนั้นเหรอ? เหอเหรินเจ๋กดสัญญาณเตือนภัยอีกครั้ง
“นี่มันผ่านไปเกือบจะหนึ่งนาทีแล้วนะ คนของคุณล่ะ? คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะเรียกคนมาเก็บผมภายในสิบวินาที”
“แกอย่าโอหังให้มันมากนัก กองกำลังของฉันกำลังจะมาเดี๋ยวนี้แล้ว อีกเดี๋ยวแกได้ร้องแน่ๆ!”
เหอเหรินเจ๋จ้องเนี่ยเฟิงตาเขม็ง แต่เนี่ยเฟิงกลับยิ้มแย้มพร้อมกับโยนมือถือไปให้เหอเหรินเจ๋หนึ่งเครื่อง
“สงสัยสัญญาณเตือนภัยของคุณคงจะเสียแล้วล่ะ คุณโทรติดต่อไปหาพวกเขาแทนไหมล่ะ? เวลาของผมมีค่ามาก ไม่อยากมาเสียเวลากับเรื่องที่มันไม่เป็นเรื่องแบบนี้น่ะ”
เนี่ยเฟิงหาวออกมาด้วยความขี้เกียจ เหอเหรินเจ๋มองมือถือที่อยู่บนพื้น เขาลังเลอยู่สักพัก จากนั้นก็เก็บขึ้นมา รีบโทรไปหาเบอร์ของยามทันที