พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 21 โอบกอดชิวมู่เฉิง
บทที่ 21 โอบกอดชิวมู่เฉิง
เนี่ยเฟิงหยิบแก้วเหล้าขึ้นมา มองไปที่พี่สาวทั้งเจ็ดคน “พวกพี่สาว นับจากนี้ไปผมจะปกป้องพวกพี่ให้ดี! ไม่ปล่อยให้พวกพี่ได้รับความไม่เป็นธรรม!”
คำพูดเช่นนี้ของเนี่ยเฟิงทำให้พี่สาวทั้งหลายซาบซึ้งอย่างยิ่ง
“เสี่ยวเฟิงโง่ เป็นพวกพี่สาวต่างหากที่ต้องปกป้องนายถึงจะถูก!”
โจวลี่ซือหัวเราะ ดื่มเหล้าในแก้วจนหมด
“ใช่แล้ว เสี่ยวเฟิง นายกลับเมืองตงไห่แล้วมีแผนการอย่างไร? ถ้านายไม่อยากทำงานก็อยู่บ้านเถอะ พี่สาวเลี้ยงนายเอง”
พี่สี่หมิงอี๋หานพูดกับเนี่ยเฟิงเช่นนี้
ตอนนี้หมิงอี๋หานเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลคังหมิง จะเลี้ยงดูคนหนึ่งคนเป็นเรื่องที่ง่ายซะยิ่งกว่าง่าย
ที่เนี่ยเฟิงมีก็คือเงิน เพียงแต่เขาไม่ได้เปิดเผยฐานะ เป็นห่วงว่าจะทำให้พวกพี่สาวตกใจเข้า
“น้องสี่ เธอเป็นแบบนี้จะทำให้เสี่ยวเฟิงเสียคนนะ”
ชิวมู่เฉิงขมวดคิ้ว ไม่สบายใจเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร เสี่ยวเฟิงของพวกเราได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี ไม่เสียคนหรอก”หลินซูอินแย้มยิ้ม
“ไม่อย่างงั้นเสี่ยวเฟิงเข้าร่วมกองทัพสิ ฉันจะให้นายย้ายไปกระทรวงวัฒนธรรมค่อนข้างสบายกว่า”
หยูจิงหงไม่อยากให้เนี่ยเฟิงเหนื่อยเกินไป เขาได้รับความลำบากมามากแล้ว
“ฉันคิดว่าเสียงของเสี่ยวเฟิงดีมาก เสี่ยวเฟิงสามารถเรียนร้องเพลงกับฉันได้”
หลินซูอินยื่นมือไปคีบหอยเป๋าฮื้อเก้าหัวอบซอสหนึ่งชิ้นให้เนี่ยเฟิง
“ไม่ไม่ไม่! เสี่ยวเฟิงนั้นอาศัยหน้าตาทำมาหากินนะ! เสี่ยวเฟิง พี่เจ็ดจะสมัครบัญชีให้นาย ช่วยนายโปรโมท ถึงเวลานายก็จะเป็นคนดังทางอินเทอร์เน็ตแล้ว”
คางเมิ่งดวงตาทั้งคู่เป็นประกายมองไปที่เนี่ยเฟิง
“ไม่อย่างนั้นสอบโรงเรียนตำรวจเป็นไง?” เย่หรูเสว่แนะนำ
“ เป็นตำรวจมันอันตรายไปหน่อยหรือเปล่า?” คางเมิ่งลังเลนิดหน่อย ตอบกลับ
ในขณะที่พี่สาวทั้งหลายต่างคนต่างก็พูดเตรียมการสำหรับเนี่ยเฟิง ก็คีบอาหารให้เนี่ยเฟิงไปด้วย เนี่ยเฟิงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตากิน ความเร็วในการกินของเขาไม่เร็วเท่าความถี่ในการคีบอาหารของพวกพี่สาว เร็วมาก ถ้วยตรงหน้าเขาเต็มแล้ว
“เสี่ยวเฟิง ความเห็นของนายล่ะ?”
ในขณะที่เนี่ยเฟิงกำลังเพลิดเพลินกับอาหาร พี่สาวทั้งเจ็ดอยู่ๆก็หยุดลง ถามเขาอย่างพร้อมเพรียงกัน
เนี่ยเฟิงชะงัก กะพริบตา “ผม…ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าตัวเองเหมาะกับงานอะไร”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ให้พวกเราทุกคนพาเสี่ยวเฟิงไปปรับตัวในช่วงเวลาสั้นๆเถอะ ดูว่าเสี่ยวเฟิงชอบงานแบบไหน”
ชิวมู่เฉิงลูบคางแล้วตัดสิน
“ข้อเสนอของพี่ใหญ่ไม่เลว” หลินซูอินพยักหน้าเล็กน้อย
“ถ้าไม่มีที่ชอบเลย งั้นก็ให้เสี่ยวเฟิงทำในเรื่องที่ตัวเองชอบ ฉันจะเลี้ยงดูเขาเอง”
หมิงอี๋หานไม่เคยอยากให้เนี่ยเฟิงออกไปทำงาน น้องชายสุดที่รักของเธอควรจะอยู่ที่บ้าน
“เอาล่ะ ก็ตัดสินใจแบบนี้แหละ เสี่ยวเฟิง นายอยากทำงานกับพี่สาวคนไหนก่อน? ”
โจวลี่ซือตาทั้งคู่ระยิบระยับมองไปที่เนี่ยเฟิง
พี่สาวทั้งเจ็ดคนต่างก็หวังว่าให้เขามากับตัวเองก่อน ถึงอย่างไรก็หลายปีแล้วที่ไม่เจอกัน พวกเธอต่างก็คิดถึงเนี่ยเฟิงอย่างที่สุด
เนี่ยเฟิงทันใดนั้นความกดดันสูงเท่าภูเขา “ผมยังตัดสินใจไม่ได้เลย”
“งั้นพรุ่งนี้ค่อยคุยเถอะ วันนี้ก็กินให้เต็มที่ก่อน”
หลินซูอินพูดจบ เธอก็คีบผักกาดขาวในน้ำซุปให้เนี่ยเฟิงอีกหนึ่งตะเกียบ
อาจจะเป็นเพราะค่อนข้างมีความสุข ทุกคนจึงดื่มเหล้าไปไม่น้อย
เนี่ยเฟิงดื่มมากเกินไปหน่อย ก็อยากไปเข้าห้องน้ำสักรอบ
เขาไปห้องน้ำกลับออกมา ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
“พี่ใหญ่?”
พี่ใหญ่ดูเหมือนกำลังคุยโทรศัพท์
“คุณหวาง คุณทำแบบนี้ไร้ความปรานีมาก ทำไมคุณถึงระงับโครงการความร่วมมือของเรา”
“ไม่ เหตุผลแบบนี้ฉันไม่สามารถยอมรับได้”
“ได้ วันพรุ่งนี้ฉันจะไปบริษัทคุณเพื่อหารือกับคุณด้วยตัวเอง”
เนี่ยเฟิงคิดสักพัก ในใจชัดเจนแล้ว
“พี่ใหญ่! ”
เนี่ยเฟิงเดินออกไป ชิวมู่เฉิงเอาโทรศัพท์ใส่ไปในกระเป๋า “เสี่ยวเฟิง? นายทำไมออกมาแล้วล่ะ?”
“ไปห้องน้ำมา พี่ใหญ่ พี่ไม่เป็นไรนะ? พี่เหมือนจะดื่มมากไป?”
ชิวมู่เฉิงโบกมือ “ฉันเข้าสังคมก็ดื่มเหล้าเป็นประจำ เหล้าเล็กน้อยแค่นี้สำหรับฉันแล้วนับเป็นอะไรได้”
“พูดไปแล้ว ผมยังไม่ได้ถามเลย พี่ใหญ่เป็นเพราะผมพี่เลยตัดความสัมพันธ์กับตระกูลชิวแล้ว ตระกูลชิวจะทำให้พี่ลำบากใจหรือเปล่า” เนี่ยเฟิงถามหยั่งเชิง
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่นายทำให้เกิด ช้าเร็วฉันก็ต้องไป” ชิวมู่เฉิงส่ายหัว “อีกอย่าง คุณนายใหญ่ชิวไม่มีผู้สืบทอด เธออบรมสั่งสอนผู้สืบทอดทั้งหมดสามคน ในบรรดาผู้สืบทอดฉันเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดคนนั้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามูลค่าที่สร้างออกมาให้กับตระกูลชิวนั้นเพียงพอแล้ว”
หลังจากที่ชิวมู่เฉิงพูดจบ มองเนี่ยเฟิงอย่างลึกซึ้ง “รู้ไหมว่าฉันตกลงยอมเป็นลูกสาวบุญธรรมของตระกูลชิวเพราะอะไร? ”
เนี่ยเฟิงชะงักไปครู่หนึ่ง ส่ายหัว “ไม่รู้”
“ฉันมีความร่วมมือกับคุณนายใหญ่ชิว ฉันบอกว่าฉันสามารถทำให้ตระกูลชิวก้าวหน้าสูงขึ้นไปอีก และเธอจะต้องช่วยฉันตรวจสอบให้กระจ่างถึงโศกนาฏกรรมเลวร้ายทางทะเลที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น”
นั่นก็คืออุบัติเหตุนั้นที่ครอบครัวของเนี่ยเฟิงเสียชีวิต
เนี่ยเฟิงขอบตาร้อนผ่าว อดไม่ได้ที่จะกอดชิวมู่เฉิง “พี่ใหญ่ ลำบากแล้ว”
ชิวมู่เฉิงกอดเนี่ยเฟิงแน่น “สวรรค์เมตตา ฉันยังได้เจอนายอีก นายไม่รู้หรอกว่าตลอดหลายปีมานี้ฉันรู้สึกผิดแค่ไหน”
เนี่ยเฟิงปล่อยมือ มองเห็นดวงตาของชิวมู่เฉิงเป็นประกายด้วยหยาดน้ำตา “พี่ใหญ่ ผมสบายดี ผมไม่เป็นอะไร!”
“ตอนนี้ฉันกับตระกูลชิวไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว เธอไม่สามารถควบคุมฉันได้”
ชิวมู่เฉิงตบไหล่เนี่ยเฟิง “ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน แค่นายสบายดี พี่ใหญ่ก็สบายดี”
ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ เนี่ยเฟิงยังคงให้ความสนใจกับโทรศัพท์สายนั้น ชิวมู่เฉิงทำงานได้ไม่ราบรื่น เขาจำเป็นจะต้องไปดูสักหน่อยว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไรกันแน่
มีคนต้องการรังแกพี่สาวของเขา? งั้นก็ต้องผ่านด่านเขาไปก่อน!
เย็นวันนี้ พวกพี่สาวดื่มมากเกินไปหน่อย มีเพียงเนี่ยเฟิงคนเดียวที่มีสติอยู่ เขาตรงไปเรียกรถเสียเลย ส่งพวกพี่สาวไปที่บ้านพักตากอากาศของชิวมู่เฉิงก่อน
เนี่ยเฟิงจัดที่ทางให้พวกพี่สาวดีแล้ว ถึงล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้านอน
บางทีเพราะว่าอยู่กับพวกพี่สาว เนี่ยเฟิงนอนครั้งนี้หลับสบายมาก
เช้าตรู่ เนี่ยเฟิงลืมตาขึ้น ก็รู้สึกหายใจไม่สะดวกเล็กน้อย เขาชะงักไปชั่วครู่ เห็นแขนขาวผ่องกางอยู่บนหน้าอกของเขา เสื้อผ้าของเขาไม่รู้ว่าเลิกขึ้นไปถึงคอตอนไหน
“อื้ม…กินไม่ลงแล้ว ไม่กินแล้ว ลดความอ้วน ลดความอ้วน”
คางเมิ่งริมฝีปากขมุบขมิบในความฝัน แต่ในความเป็นจริงเธอกำลังแทะคอของเนี่ยเฟิง
“ดื่มอีกหน่อย! เลิกพูดมากได้แล้ว! ”
เสียงหัวเราะเปิดเผยเบิกบานของพี่ห้าระเบิดขึ้นที่ข้างหูของเนี่ยเฟิง เธอกอดแขนของเนี่ยเฟิงคำรามออกมา
“เสี่ยวเฟิง เสี่ยวเฟิง พี่สาวคิดถึงนายมาก…พี่สาวจะร้องเพลงให้นาย”
เห็นได้ชัดว่าหลินซูอินก็ดื่มมากไปแล้ว ตอนนี้พิงหน้าอกของเนี่ยเฟิงหลับสนิท
เนี่ยเฟิงกะพริบตา มิน่าล่ะเขาถึงรู้สึกว่าหายใจไม่ราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นใคร ถูกพี่สาวไม่กี่คนนี้กดไว้ ก็ไม่น่าจะหายใจออกได้
เนี่ยเฟิงคลานขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ค่อยๆย้ายมือเล็กของคางเมิ่งออก แต่คิดไม่ถึงว่าอยู่ๆคางเมิ่งก็ลืมตาที่สับสนงงงวยขึ้น ตาที่ง่วงงุนของเธอกำลังมองเนี่ยเฟิง “เสี่ยวเฟิง? ทำไมนายมาอยู่ในห้องของฉัน?”
คางเมิ่งกะพริบดวงตาที่เหมือนกวางน้อย ต่อจากนั้นก็มองเห็นหน้าอกของเนี่ยเฟิง แล้วก้มหัวมองตัวเองรอบหนึ่ง “อ๊า! นายไอ้บ้ากาม! นายทำอะไรลงไป! ”
หน้าของคางเมิ่งแดงราวกับแอปเปิลสุก เธอทุบตีเนี่ยเฟิงทันที
“โอ๊ย พี่เจ็ดอย่าตีผม ผมไม่รู้เรื่องนะ เมื่อคืนชัดเจนว่าผมส่งพวกพี่กลับห้องไปแล้ว ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าพวกพี่วิ่งมาตอนไหน…แล้วยังถอดเสื้อผ้า?