พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 211 เบาะแสบางอย่าง
บทที่ 211 เบาะแสบางอย่าง
ใบหน้าของเนี่ยเฟิงมืดครึ้มลงอย่างรวดเร็ว “ถ้าอย่างนั้นผมก็มีน้ำใจ เลยตัดขาเขาไปแค่ข้างเดียว”
แต่อย่างไรก็ตาม ใครที่ทำผิด ก็ควรได้รับการชดใช้ถึงจะถูก
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่เหอคุนรู้ถึงสถานการณ์ที่น่าสังเวชของลูกชายตัวเองแล้ว จะต้องตามหาเขาไปทั่วโลกอย่างโมโหโทโสแผดเสียงแน่นอน
ไม่จำเป็นที่เหอคุนต้องมาหาเขาหรอกเพราะวันนี้เขาจะไปเยี่ยมอยู่แล้ว
“เสี่ยวเฟิง น้องกลับมาแล้วหรือยัง?”
ตอนนี้คางเมิ่งกำลังรู้สึกกังวลอยู่ที่โรงแรม “น้องกลับไปพบเหอเหรินเจ๋แล้วใช่ไหม? ”
“ไม่ครับ ผมหาของของผมเจอแล้ว แต่ตอนนี้เขาอยู่กับคนอื่นที่นั่น ผมเลยต้องกลับมา”
เนี่ยเฟิงเห็นแค่คางเมิ่งโทรเข้า สีหน้าของเขาก็อ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด
“โดนคนอื่นเอาไปแล้วเหรอ? มันน่ารังเกียจมากเลย! ไอ้หมอนั่นเอาของของเราไปได้ยังไงกัน? ไม่มีมารยาทเลยหรือไง?” คางเมิ่งโกรธมาก “ให้พี่สาวไปช่วยหน่อยไหม?”
“ไม่จำเป็นครับ ผมสามารถแก้ไขด้วยตัวเองได้”
เนี่ยเฟิงส่ายหัว “แต่ผมไปที่เขาแค่ต้องใช้เวลาสักหน่อย”
“งั้นก็ได้ พอดีมีแจ้งมาว่ามีการออดิชันในตอนบ่าย พี่สามารถไปดูได้”
เมื่อครู่ที่คางเมิ่งเห็นการแจ้งออดิชันนั้นแล้ว ตอนนี้คางเมิ่งเองก็ยังไม่ได้รับบรรจุให้เป็นนายหน้าซึ่งล้วนเป็นบริษัททั้งนั้นที่มอบหมายงานให้หล่อนโดยตรง
หลังจากที่ 《ชิงผิงเลิก》จบลงคางเมิ่งจึงค่อยมีเวลาว่างหน่อย และอาจารย์ก็พูดกับหล่อนว่า อีกไม่นานจะมีการจัดภาพยนตร์ให้หล่อน
เขาพูดว่าคางเมิ่งคล่องแคล่วมาก และสามารถเล่นภาพยนตร์ได้แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้หล่อนก็ยังสามารถนัดหมายกับรายการวาไรตี้ได้แล้ว
เมื่อครู่มีนักแสดงคนหนึ่งถามคางเมิ่งในเวลาเดียวกันนั้นว่าต้องการเข้าร่วมรายการวาไรตี้หรือไม่ และคางเมิ่งเองก็คิดว่าดีเลยเพราะมันสามารถทำให้หล่อนเป็นที่รู้จัก ดังนั้นจึงตอบตกลง
“พี่ทำคนเดียวได้ไหมล่ะ?”
“โธ่เอ๊ย อย่าคิดว่าพี่เจ็ดเป็นแค่เด็ก 3 ขวบสิ! พี่เจ็ดของน้องเก่งมากเลยนะ! ไม่ต้องกังวลไปหรอก! นอกจากนี้ก็เป็นนักแสดงคนเดียวกันนั้นที่บอกกับพี่ ดังนั้นมันจึงไม่มีปัญหาเลย! ”
“งั้นก็ได้ถ้ามีเรื่องอะไรก็แจ้งผมมาได้เลยนะครับ”
หลังจากที่เนี่ยเฟิงวางสายไป เขาก็ดูข่าวสารไปแวบหนึ่ง และตอนนี้ก็ยังไม่พบเบาะแสของเหอคุน
มันเป็นเพราะเหอคุนมีความสามารถในการต่อต้านการสอดแนม
“ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็คงโดนพวกคุณตรวจสอบได้แล้วงั้นเขาก็คงไม่ใช่หนึ่งในฆาตกรแล้วสิ”
เนี่ยเฟิงหรี่ตาลงแล้วพูดว่า “ไปหาโหวหย่ง”
รถก็มาถึงที่โรงพยาบาล และในตอนนี้โหวหย่งเองก็ทานอะไรได้บ้างแล้ว แต่พอนึกถึงได้ว่าเนี่ยเฟิงเป็นคนทำร้ายตัวเองจนกลายเป็นแบบนี้โหวหย่งก็ยังคงโกรธเป็นอย่างมาก
“เนี่ยเฟิง! ฉัน…”
เขายังพูดไม่ทันขาดคำ ก็เห็นว่าที่ประตูมีคนยืนอยู่และคนคนนี้เองก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเนี่ยเฟิงนั่นเอง
เนี่ยเฟิงกะพริบตา “เป็นอะไรไป? แกกำลังตามหาฉันอยู่งั้นเหรอ?”
มุมปากโหวหย่งเอียงขึ้น ไม่ว่าจะดีร้ายยังไงตัวเองก็จะไม่พูดสิ่งต่อจากนี้ออกมาเด็ดขาดไม่อย่างนั้นมันก็จะถึงแก่ชีวิตจริงๆ ด้วย
“ไม่มีอะไร คุณเนี่ย ทำไมคุณถึงมีเวลาว่างมาด้วยครับ?”
เนี่ยเฟิงกลับไปที่เมืองจินไห่แล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงมาที่นี่แล้วล่ะ?
เนี่ยเฟิงหาที่ว่างแล้วนั่งลง พร้อมกับมองไปที่โหวหย่งที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย และตอบว่า “มาทำอะไรบางอย่าง แล้วแวะมาเยี่ยมคุณแล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
โหวหย่งไม่เชื่อว่าเนี่ยเฟิงจะเป็นห่วงตัวเขาจริงๆ เพราะในตอนนี้ที่แม้แต่แขนขายังขยับไม่ได้เลย และยังต้องสอดท่อปัสสาวะอีก
แต่เมื่อโหวหย่งเผชิญกับเนี่ยเฟิงยังต้องแกล้งทำเป็นยิ้ม เขายิ้มแห้งๆ และพูดว่า “ฉันยังไหว! ยังสามารถกินและดื่มได้!”
“มองไม่ออกเลย คุณก็หายเร็วมากเหมือนกันนะ ใช่แล้ว ที่ผมมาไม่ใช่มาหาคุณนิ แต่ผมมาหาพ่อแม่ของคุณ เรียกพวกเขามาสิ”
เนี่ยเฟิงยกคางขึ้น ราวกับว่าเขากำลังสั่งให้ลูกน้องมาสั่งโหวหย่ง
โหวหย่งโกรธมาก ไอ้หมอนี่คิดว่าเขาเป็นใคร? จะสั่งเขาทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ?
แต่โหวหย่งดันไม่สามารถขัดแย้งกับเนี่ยเฟิงได้ เขาจึงรีบพูดกับพยาบาลข้างๆ เขาว่า “คุณยังอึ้งอะไรอยู่! ยังไม่ไปเรียกพ่อแม่ผมมาอีก!”
เมื่อโหวฟู่กุ้ยและหลันหยิงได้ยินว่าเนี่ยเฟิงเป็นคนดุร้ายและรุนแรงก็สึกรู้สึกหวาดกลัว แล้วพวกเขาจะยังกล้าทำ พวกเรื่องสภาพการเงินอีกเหรอ? รีบมาเร็วเข้า
เมื่อพวกเขามาถึงก็เห็นลูกชายตัวเองก้มหน้าหยอกล้อให้เนี่ยเฟิงดีใจอย่างน่าเกลียด ซึ่งมันก็เหมือนกับตัวตลกตัวหนึ่ง
โหวฟู่กุ้ยคนนั้นโกรธเป็นอย่างมาก! ซึ่งมันไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้นตัวหลันหยิงเองก็เป็นเช่นกัน
พวกเขาอายุในวัยนี้แล้ว และมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีลูกคนที่สองดังนั้นโหวหย่งจึงเป็นลูกชายคนเดียวของพวกเขา
แต่ลูกชายคนเดียวของพวกเขากลับโดนรังแกจนกลายเป็นแบบนี้ พวกเขาจึงไม่มีความสามารถพอ
โหวฟู่กุ้ยและหลันหยิงมาพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และกล่าวด้วยความเคารพว่า “คุณเนี่ยคะ คุณมาแล้วเหรอคะ?”
ของที่ผมให้พวกคุณช่วยตรวจสอบ ตอนนี้ตรวจสอบเป็นยังไงแล้วบ้างครับ?
เนี่ยเฟิงมองไปที่โหวฟู่กุ้ยและหลันหยิง หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็มองหน้ากัน และโหวฟู่กุ้ยจึงเอ่ยปากพูดขึ้นก่อนว่า
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ เราตรวจสอบไม่พบอะไรเลย…”
“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าพวกคุณก็ไร้ความสามารถจริงๆ ก่อนที่ฟางหลงเทียนจะเผชิญหน้ากับความตายก็ได้บอกกับผมเกี่ยวกับสถานฝึกยุทธเฮยหลงไว้ว่า มีคนสั่งให้พวกเขาทำงานอย่างลับๆ และในตอนนี้สถานฝึกยุทธเฮยหลงก็อยู่ในมือของพวกคุณแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ผมก็จะยอมฆ่าผิดดีกว่าปล่อยไป”
ความอาฆาตที่น่าหวาดกลัวก็พุ่งออกมาจากสายตาของเนี่ยเฟิง ซึ่งทำให้ครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกนั้นตกใจกลัวจนตัวสั่น
“เดิมทีสถานฝึกยุทธเฮยหลงไม่ใช่ของพวกเรา!”
โหวหย่งกลัวว่าเขาจะโดนกำจัด ซึ่งในตอนนี้เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บไปทั่วทั้งตัว และเขาเองก็ไม่ได้มีเจตนาที่ดีอะไรด้วย ซึ่งที่ตัวเองเป็นแบบนี้ก็เพราะโดนเนี่ยเฟิงถีบ แล้วโหวหย่งจะไม่กลัวได้อย่างไร? และเนี่ยเฟิงเองก็ได้ทิ้งความเจ็บปวดที่คอยหลอกหลอนไว้ในใจโหวหย่ง ตราบใดที่เขานึกถึงเรื่องนี้โหวหย่งก็จะสั่นโดยไม่รู้ตัว
น่ากลัวเกินไป!
“แล้วเป็นใครกันแน่?”
ในตอนแรกเนี่ยเฟิง อาจจะถามอะไรบางอย่างออกมาได้แต่แล้วใครจะไปรู้ว่าเขาก็เคยเผชิญหน้ากับคนเลวมาก่อน
แต่เนี่ยเฟิงรู้สึกว่า เรื่องนี้ยังคงแปลกประหลาดมาก แต่ดันเกิดขึ้นในเวลานี้ซะงั้น ซึ่งมันก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีคนต้องการฆ่าปิดปาก
“สถานฝึกยุทธเฮยหลงนั่นเดิมทีก่อตั้งขึ้น โดยเฮยหลง ซึ่งในตอนแรกนั้นเขาก็เป็นเพียงนักเลง และในภายหลังเมื่อเกิดปัญหาขึ้นเขาเลยขายมันให้เรา”
เมื่อโหวหย่งคิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็รู้สึกผิดมาก ในตอนแรกที่ป้าของเขามอบสถานฝึกยุทธเฮยหลงให้เขาแต่นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะนำพวกเขาไปสู่หายนะในการสูญเสียชีวิต!
แต่โหวหย่งกลับกลายเป็นแบบนี้ โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการที่เขาไม่กลัวตายที่ไปพูดจาแทะโลมหลินซูอินพี่สาวของเนี่ยเฟิง
นอกจากนี้ยังร่วมมือกับหลี่ซวนเพื่อรังแกหลินซูอิน เนี่ยเฟิงจึงได้ให้บทเรียนกับโหวหย่ง
“แค่นี้เหรอ?”
เนี่ยเฟิงส่ายหัว “ถึงอย่างไรก็ตาม ถ้าสถานฝึกยุทธเฮยหลงอยู่ในมือใคร ผมก็จะไม่ยอมปล่อยมันไปเด็ดขาด”
“สถานฝึกยุทธเฮยหลงให้คุณ! คุณเนี่ย! เราไม่มีความสามารถตรวจสอบอะไรได้! แต่ถ้าเป็นคุณเนี่ย จะต้องหาตรวจสอบได้แน่นอน!”
หลันหยิงสุภาพมาก เพราะนี่ก็เป็นการสนับสนุนของพี่สาวหลันหยิงด้วย
ในขณะนั้นหลันหยิงอกสั่นขวัญหายไปหมด ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ดังนั้นจึงปรึกษากับพี่สาวตัวเอง พี่สาวของหล่อนจึงให้ความคิดนี้กับพวกเขา
และในตอนนี้ที่เนี่ยเฟิงมาโดยไม่ได้รับเชิญนั้น หลันหยิงจึงทำได้แค่บอกกับเนี่ยเฟิงว่า หล่อนสามารถมอบสถานฝึกยุทธเฮยหลงให้เนี่ยเฟิงได้
เมื่อโหวหย่งได้ยินก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นในทันทีเพราะนี่เป็นของของเขา และมันก็มีค่ามากด้วย!
แล้วในตอนนี้อยู่ๆ ก็มอบให้เนี่ยเฟิง นี่มันเป็นการมอบต้นเหยาเฉียนซู่ให้กับเนี่ยเฟิงโดยตรงเลยนะ!
ในตอนแรกสถานฝึกยุทธเฮยหลงทำเงินได้มากมายเลยนะ!
แต่โหวหย่งกลับไม่กล้าพูดอะไรมากเขาจึงทำได้แค่ยื่นหน้าออกมาพร้อมกับพยักหน้า
เนี่ยเฟิงหรี่ตาลง และมองไปยังท่าทางที่ประจบสอพลอของพวกเขานั้น “ได้ แต่ถ้าผมรู้ว่าพวกคุณกำลังเล่นลูกไม้อะไรล่ะก็ พวกคุณก็จะรู้ผลที่ตามมา”