พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 213 ผู้สังหารหมู่
บทที่ 213 ผู้สังหารหมู่
“ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต เป็นหนี้ต้องชดใช้ด้วยเงิน เพราะนี่เป็นหลักการของฟ้าดินที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ในเมื่อแกฆ่าลูกศิษย์ของเราแล้ว เช่นนั้นเราก็จะไม่ปล่อยให้แกรับการลงโทษหรอก ไอ้เด็กเวรเอ๊ย!”
หนึ่งในผู้อาวุโสที่ผมยาวมองไปที่เนี่ยเฟิงอย่างเย็นชา และบนใบหน้าเนี่ยเฟิงก็ปรากฏรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องดูว่าพวกคุณมีความสามารถพอที่จะฆ่าผมได้หรือเปล่า”
เนี่ยเฟิงกระโดดขึ้นไปบนเวทีประลอง จากนั้นก็โบกมือเรียกพวกเขาทั้ง 3 คน “เวลาของผมมีค่ามาก อย่ามัวแต่ลีลาเลย พวกคุณทั้ง 3 ขึ้นมาด้วยกันได้เลย ”
เมื่อเนี่ยเฟิงพูดอย่างนี้ออกไป ทำให้ผู้อาวุโสทั้ง 3 โกรธจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้พวกเขาทั้ง 3 คน ไม่เคยเห็นคนที่กำเริบเสิบสานขนาดนี้มาก่อน
“แกช่างกล้าหาญเสียจริงเช่นนั้นฉันจะให้แกรู้ว่าอะไรที่เรียกว่ากลัว!”
เห็นเพียงมือของผู้อาวุโสผมยาวที่เหมือนกับกรงเล็บนกอินทรี ท่าทางเบาและยืดหยุ่น และจู่โจมอย่างรวดเร็ว พร้อมกับตะครุบไปที่ตรงหน้าเนี่ยเฟิง!
ดวงตาเนี่ยเฟิง ขยายขึ้นเล็กน้อย ต้องบอกเลยว่าความเร็วของผู้อาวุโสคนนี้เร็วกว่าคนทั่วไปที่เขาเคยเจอมามาก แต่ไม่ว่ามันจะเร็วแค่ไหนในสายตาของเนี่ยเฟิงมันก็เป็นแค่การเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ เท่านั้น
เนี่ยเฟิงรีบหลบทันที และตอบโต้กลับผู้อาวุโสคนนั้น เดิมทีผู้อาวุโสคนนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ และคิดว่าลูกศิษย์ของเขาจะต้องแพ้เพราะเขาสะเพร่าเกินไป หรือเป็นเพราะไอ้เด็กเวรตรงหน้าเขาใช้กลอุบายที่ร้ายกาจบางอย่าง
แต่หลังจากที่ต่อสู้กับเนี่ยเฟิงเข้าจริงแล้ว ผู้อาวุโสผมยาวก็ได้พบบางอย่างที่ไม่ธรรมดาเนี่ยเฟิงได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี และสามารถวิเคราะห์ท่าเชิญครั้งต่อไปของเขาได้ คิดไม่ถึงว่ามันจะเต็มไปด้วยเทคนิค!
และในตอนนี้พวกเขาก็ไม่สนใจในเรื่องความยุติธรรมหรือไม่ยุติธรรมนั้นแล้ว เพราะแค่ต้องการโค่นล้มเนี่ยเฟิงแค่นั้น!
ดังนั้นผู้อาวุโสอีก 2 คนก็พุ่งไปข้างหน้าเช่นกันและทั้ง 3 คนก็ต่อสู้กับเนี่ยเฟิงเนี่ยเฟิงลำบากเล็กน้อย แต่เขาก็ยังทำได้อย่างง่ายดายเพราะเนี่ยเฟิงรู้ว่าไอ้แก่ทั้ง 3 คนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!
ผู้อาวุโสทั้งสามค่อยๆ รู้สึกอ่อนล้าและเนี่ยเฟิงก็สังเกตเห็นว่าพวกเขาทั้ง 3 คนมีบางอย่างผิดปกติเขาจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและเริ่มเก็บเกี่ยว!
เห็นเพียงเนี่ยเฟิงเตะไปที่ช่วงล่างของผู้อาวุโสคนหนึ่ง และผู้อาวุโสคนนั้นก็รีบหลบไป แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเนี่ยเฟิงจะรวดเร็วขนาดนั้น จากนั้นจึงเห็นเพียงเขาลุกขึ้นมาจากพื้น!
“อะไรกัน?!”
ความสามารถในการตอบสนองของร่างกายอ่อนลงเร็วเกินไปแล้ว นี่มันทำได้อย่างไรกัน?
“คุณเสียสมาธิไปแล้วเหรอ!”
เนี่ยเฟิงยิ้มอย่างเย็นชาและถีบไปยังผู้อาวุโสทีหนึ่ง แล้วผู้อาวุโสคนนั้นจะต่อต้านได้อย่างไรล่ะ ดังนั้นเขาจึงโดนเนี่ยเฟิงถีบออกไป!
เขา “โครม” เสียงล้มลงกับพื้นดังขึ้น ดูแล้วช่างจนตรอกเป็นอย่างมาก
ผู้อาวุโสอีก 2 คนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเนี่ยเฟิงเช่นกัน พวกเขาจึงโดนเนี่ยเฟิงทุบตีจนฟันร่วง และพวกเขาทั้ง 3 คนก็คลานบนพื้นพร้อมกับกระอักเลือดออกมา
“แก่แล้วก็ควรเจียมตัวบ้างไม่ใช่เป็นคนหัวแข็งอย่างนี้ ดูสิทำไมพวกคุณต้องทำจนวุ่นวายขนาดนี้ด้วย?”
เนี่ยเฟิงถอนหายใจและส่ายหัว “คนหลายร้อยคนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม ส่งคนเหล่านี้มาแค่ไม่กี่คน แล้วจะจัดการผมได้ยังไงกัน”
“แก! ไอ้เด็กเวรเอ๊ย อย่าอวดดีไปหน่อยเลย! สหพันธ์บู๊ซานเจียง จะมาหาแกแน่นอน!”
ผู้อาวุโสผมยาวปิดหน้าอกตัวเองไว้เพราะเขารู้สึกว่าเส้นลมปราณของเขากำลังจะแตก
“ถ้าอย่างนั้นผมจะรอนะครับ”
เนี่ยเฟิงหัวเราะอย่างเย็นชา ผู้อาวุโสทั้ง 3 นี้คงไม่รอดแล้ว เพราะกระดูกของพวกเขาแหลกไปหมดแล้ว และแม้ว่าพวกแกโชคดีและรอดมาได้ พวกเขาก็จะไม่ได้ฝึกศิลปะการต่อสู้อย่างแน่นอน
สำหรับผู้ฝึกฝนเหล่านี้ การที่ไม่สามารถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้นั้นเป็นเรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่าการที่พวกเขาโดนฆ่าเสียอีก
หลังจากที่เนี่ยทำจัดการคนเหล่านี้เสร็จแล้ว ร่างกายของเขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย เห็นเพียงเขาเดินปล่อยอารมณ์ไปยังประตูและในขณะนั้นเองเฮยเป้าก็โดนปราบแล้วเช่นกัน
เฮยเป้าบิดตัวด้วยความเจ็บปวด และขอให้ฝ่ายตรงข้ามปล่อยตัวเองไป
“คิดไม่ถึงเลยว่าแกจะช่างโชคดีขนาดนี้ฉันหาคนมาเยอะขนาดนี้ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแก!”
เฮยเป้ามองไปที่เนี่ยเฟิงอย่างกัดฟันด้วยความเคียดแค้น เขาเกลียดเนี่ยเฟิงจนอยากจะกลืนกินเนี่ยเฟิงไปทีละนิด
“มันไม่ใช่เพราะผมโชคดีหรอก นั่นเป็นเพราะพวกที่แกหามา เป็นแค่พวกหัวมังกุท้ายมังกรเท่านั้น พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน ในเมื่อตอนนี้ไม่มีใครขัดขวางเราแล้ว งั้นเรามาพูดถึงเรื่องการสังหารหมู่กันดีกว่า ถ้าแกจะบอกเรื่องการสังหารหมู่กับฉัน ฉันก็จะไว้ชีวิตแก”
“เฮ้ย! แกไม่จำเป็นต้องคิดเพ้อฝันหรอก ฉันจะไม่บอกแก!”
เนี่ยเฟิงกะพริบตาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร คดีร้ายแรงบนทะเล ฉันเห็นด้วยตาตัวเองว่า มีคนตายบนเรือสำราญหรูไปแล้วกี่คน ฉันรู้อยู่แก่ใจดี และการตายของพวกเขานั้นโหดร้ายแค่ไหน ฉันจำไว้ใส่สมองแล้ว ถ้าแกไม่พูดงั้นฉันก็จะให้แกตายอย่างโหดร้ายเหมือนพวกเขา
เรื่องที่ฉันอยากรู้ไม่ช้าก็เร็วก็จะตรวจสอบได้มันไม่จำเป็นต้องผ่านตัวแกก็ได้”
เนี่ยเฟิงพูดจบ ก็หยิบกริชขึ้นมาจากพื้น เห็นเพียงเขาเสียบกริชเข้าไปที่หัวไหล่ของเฮยเป้า!
เฮยเป้าเจ็บจนแทบขาดใจขึ้นในทันที เขาออกแรงบิดตัว แต่ยิ่งบิดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น
เพราะกริชเล่มนั้นทะลุกระดูกของเฮยเป้าจนตอกเข้ากับรถเข็นโดยตรง
เนี่ยเฟิงแสยะปากยิ้ม “รู้สึกยังไงบ้างล่ะ?”
เฮยเป้าเจ็บจนแสยะยิ้มด้วยความเจ็บปวด
“ปากยังค่อนข้างแข็งหยิบปืนมา”
เนี่ยเฟิงยกมือขึ้น ก็มีคนยื่นปืนพกมาทันทีเมื่อเห็นปืนพกในมือของเนี่ยเฟิงแล้ว เขาก็กลืนน้ำลายลงอย่างยากลำบาก หากกระสุนโดนเข้ากับตัวคนแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นนั้น เขารู้ดี!
เนี่ยเฟิงใส่กระสุนลงไป แล้วยิงไปที่เฮยเป้าทีหนึ่ง!
“โอ๊ย!”
เฮยเป้าส่งเสียงกรีดร้อง และเนี่ยเฟิงเองก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมา “เรียกหาอะไร? กระสุนยังไม่โดนตัวแกเลย”
แม้ว่ามันจะยังไม่โดนตัวเฮยเป้าแต่เฮยเป้าก็โดนเนี่ยเฟิงขู่จนตกใจกลัวและสั่นไปทั้งตัว
ในตอนนั้นเองเฮยเป้าก็ฉี่ราดในกางเกงและเขาก็มองไปที่เนี่ยเฟิงอย่างตัวสั่น
“แต่นัดต่อไปจะโดนที่หัวแกหรือเปล่านั้น ฉันก็ไม่แน่ใจนะ เพราะฝีมือในการยิงปืนของฉันมันเละเทะมาโดยตลอด ถ้าไม่สามารถฆ่าแกได้ด้วยนัดเดียว คงต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะ”
เนี่ยเฟิงแสยะปากยิ้มหยอกล้อเฮยเป้า และในตอนนี้เขาก็โดนทรมานจนจิตใจตึงเครียดไปหมด แล้วเขาจะมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวอย่างเมื่อครู่ได้ที่ไหนกันล่ะ? ภายใต้การคุกคามของความตาย เฮยเป้าจึงทำได้แต่ขอความเมตตาว่า “ผมรู้แล้วครับ ผมจะบอกคุณผมรู้ว่าการสังหารหมู่คืออะไรแล้วครับ!”
“นี่สิถึงจะเชื่อฟัง พูดมาสิ อะไรที่เรียกว่าการสังหารหมู่?”
“ผู้สังหารหมู่คือกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ฆ่าคนในคดีร้ายแรงบนทะเล! พวกเขาเป็นสมาชิกที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชากลุ่มทหารรับจ้างฟีนิกซ์! เพราะวิธีมันได้ จึงถูกคนอื่นเรียกว่าผู้สังหารหมู่ ตอนนั้นผม พ่อของผม ก็เป็น 1 ในผู้สังหารหมู่เหมือนกัน!”
“ไม่ใช่พูดไปแล้วว่าวิธีนี้มันได้เหรอ? ฉันคิดว่าทักษะของพ่อแกก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่นิ”
เนี่ยเฟิงหรี่ตาลง “แล้วคนเหล่านั้นล่ะอยู่ที่ไหน?”
“กระจัดกระจาย กระจัดกระจายไปในซานเจียง! ส่วนคนอื่นๆ ผมไม่รู้แล้วครับ ผมรู้แค่ว่ามีคนไม่กี่คนที่สนิทสนมกับพ่อของผมแค่นั้น!”
“มีคนหนึ่งแซ่เหอใช่ไหม?”
“คุณรู้ได้ยังไง!”
เฮยเป้าเบิกตากว้างด้วยความสับสนหรือว่าเขาจะตรวจสอบแล้วใช่ไหม? ถ้างั้นทุกอย่างที่ตัวเองพูดไปมันก็ไร้ค่าแล้วไม่ใช่เหรอ?
“ที่จริงแล้วเป็นแบบนี้นี่เอง ผู้สังหารหมู่เหล่านี้มีเอกลักษณ์อะไรบ้าง?”
เนี่ยเฟิงถามเฮยเป้า
“ตอนแรกที่ขอให้พวกเขาสังหารหมู่คนในตระกูลเนี่ยนั้น ให้เงินก้อนใหญ่ให้พวกเขาไปพูดโดยรวมคือตอนนี้พวกเขาร่ำรวยมาก แต่รายชื่อจริงๆ นั้นผมไม่รู้จริงๆ ครับ! ที่ผมรู้มันก็มากพอแล้วนะ!”