พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 226 เปลี่ยนสีหน้า
บทที่ 226 เปลี่ยนสีหน้า
จ้าวต้าถงพยักหน้า“ใช่!ตอนนี้เงินเดือนของฉันสูงมากแล้ว!”
เย่ฉงหยางกับจางลี่ถิงก็พยักหน้าเสริมอยู่ข้างๆ ความจริงแล้วพวกเขาก็รู้สึกว่าเงินแค่นี้มันไม่เท่าไร
แต่ทำไมลูกบุญธรรมของตัวเองต้องไปแต่งงานกับคนที่ดีมากขนาดนั้นด้วยล่ะ? จ้าวต้าถงสมรู้ร่วมคิดกับตนเอง พอถึงตอนที่เย่หรูเสว่แต่งงานไป พวกเขาก็จะมีเงินแล้วไม่ใช่หรือไง?
พวกเขาคิดแบบนี้จริงจัง
เย่หรูเสว่กลับไม่สนใจเลยสักนิด เธอไม่คิดจะแต่งงานเลยแม้แต่น้อย
“แกไม่ต้องถามมากมายอะไรแล้ว ต้าถงของพวกเราเก่งกว่าแกเยอะ ถ้าแกถามต่อไปก็มีแต่จะอายตัวเองเปล่าๆ!”
เย่ฉงหยางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นก็มองเย่หรูเสว่อย่างหน้าด้านๆ“หรูเสว่เอ๋ย ลูกคิดเอาก็แล้วกัน นี่พ่อแม่ทำแบบนี้ ก็หวังดีกับลูกทั้งนั้น!”
“ถ้าอย่างนั้นเขาให้สินสอดเท่าไร?”
จู่ๆเนี่ยเฟิงก็พูดแทรกขึ้นมา เย่ฉงหยางกับจางลี่ถิงจ้องเนี่ยเฟิงตาเขม็ง รู้สึกว่าเขามากเรื่องน่ารำคาญจริงๆ
“สินสอดไม่น้อยอยู่แล้ว!แต่มันเกี่ยวอะไรกับแกด้วยไม่ทราบ? แกจะถามไปทำไม?”
จางลี่ถิงโบกๆมืออย่างไม่สบอารมณ์
“ก็ผมอยากจะแต่งงานกับเสี่ยวเสว่ ผมก็ต้องถามให้ชัดเจนสิครับ”เนี่ยเฟิงพยักหน้าอย่างจริงจัง
“เหอะ!เงินแต่ละเดือนก็เยอะ ตอนนี้ก็มีเงินเก็บด้วย ฉันเต็มใจออกค่าสินสอดห้าแสนเพื่อสู่ขอหรูเสว่ ไอ้สินค้าโนเนมแบบแกน่ะ ไม่มีอะไรสักอย่าง แกอย่าคิดจะมาแข่งกับฉันจะดีกว่า!”
จ้าวต้าถงจ้องมองเนี่ยเฟิงอย่างยโสโอหัง ถึงยังไงหลังจากที่เย่หรูเสว่แต่งงานกับตนเองแล้วก็จะมีเงินก้อนใหญ่อยู่ดี เขาสามารถใช้เงินก้อนนั้นได้อย่างสุรุ่ยสุร่าย แถมยังจะได้อุ้มสาวสวยกลับบ้านอีก!
“นั่นมันน้อยเกินไปแล้ว!”
เนี่ยเฟิงส่ายหัว“ในสายตาของผม เสี่ยวเสว่เป็นของล้ำค่าที่ประเมินค่าไม่ได้ เงินจำนวนแค่ห้าแสนมันแทบจะไม่ให้เกียรติกันเลยด้วยซ้ำ ถ้าอยากจะให้สินสอดจริงๆล่ะก็ ผมรู้สึกว่าห้าร้อยล้านเหมาะสมกว่าตั้งเยอะ”
“แกบ้าแล้วเหรอ!ห้าร้อยล้าน!”
เย่เหม่ยย่าท่าทางโมโห“แกจะเอาเงินห้าร้อยล้านมาจากไหน? ฉันว่าแกจงใจพูดไร้สาระมากกว่ามั้ง!”
“ไอ้เด็กน้อย!ฉันเริ่มจะขัดหูขัดตาแกแล้วนะ!แกมาก่อเรื่องไม่พอยังจะมาขัดขวางเรื่องราวดีๆของครอบครัวเราอีกเหรอ!ฉันจะบอกแกให้นะ แกอย่าคิดเพ้อให้มันมากนักจะดีกว่า!”
“ได้แต่คุยโม้ไปเรื่อย!เห็นๆอยู่ว่าไม่มีอะไรสักอย่างยังจะกล้าเปิดปากพูดออกมาว่าห้าร้อยล้าน!”
พวกเขาเริ่มทยอยผลัดกันพูดจิกพูดกัดต่างๆนานา
จ้าวต้าถงก็ยืนมองอยู่ข้างๆด้วยสายตาเยือกเย็นเช่นเดียวกัน
“เสี่ยวเสว่ พ่อบอกแล้วว่าไอ้หมอนี่มันเชื่อถือไม่ได้!ถ้าลูกคิดจะย้ายออกไป!ก็ต้องแต่งงานกับต้าถง!ไม่อย่างนั้นก็สี่ล้าน!แล้วแต่ลูกจะคิดเอาก็แล้วกัน!”
ตอนนี้เย่ฉงหยางก็ไม่เสแสร้งอีกต่อไป พวกเขามาเพื่อเงินตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว แต่ว่าเย่หรูเสว่ไม่ได้บังคับบงการง่ายๆเหมือนตอนเด็กอีกต่อไปแล้ว
ดังนั้นพวกเขาต้องคว้าโอกาสสุดท้ายเอาไว้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องเอาเงินก้อนนั้นมาให้ได้!
จ้าวต้าถงมองเย่หรูเสว่ด้วยความหื่นกระหาย รูปร่างดี หน้าตาสวยงามไร้ที่ติของเย่หรูเสว่มันดึงดูดเขา เขามองเย่หรูเสว่จนน้ำลายแทบจะไหลออกมาแล้ว
เย่หรูเสว่ก็คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะไร้ยางอายถึงขนาดนี้ หลังจากฉีกกระชากหน้ากากแล้วก็เอาเรื่องนี้มาข่มขู่ตนเอง!
ใจคนช่างลึกล้ำเหลือกำหนดอย่างที่คิดไว้จริงๆ!
เย่หรูเสว่รู้สึกโมโหไม่น้อย เธอรั้งมือของเนี่ยเฟิงเอาไว้“ไม่ว่าพวกคุณจะพูดอะไรฉันก็จะแต่งงานกับเนี่ยเฟิงอยู่ดี!”
“พวกเราไม่ให้ทะเบียนบ้านกับแกดูสิว่าพวกแกจะจดทะเบียนสมรสกันยังไง!พวกแกผิดกฎหมายเต็มๆ!”
“พฤติกรรมของพวกคุณก็ไม่ใช่ว่าจะถูกกฎหมายเหมือนกันนี่นา!”
พวกเขาจ้องตาเขม็งกันทันที
“พวกคุณบอกว่าต้องการเงินสี่ล้าน ถ้าอย่างนั้นเงินสี่ล้านก็คือค่าสินสอดของเสี่ยวเสว่ใช่ไหม?”
“ใช่!สี่ล้าน!ใครให้เงินสี่ล้านฉัน!ฉันก็จะให้เสี่ยวเสว่แต่งกับคนนั้น!”
พวกเขาจ้องมองเนี่ยเฟิงด้วยความโกรธ ก็เพื่อให้เนี่ยเฟิงยอมถอยไป
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้”
เนี่ยเฟิงพยักหน้า“ในนี้มีเงินอยู่สิบล้าน ถือซะว่าเป็นค่าสินสอดของผมก็แล้วกัน”
เนี่ยเฟิงพูดจบ ก็หยิบบัตรมาหนึ่งใบยื่นออกไป เย่หรูเสว่อึ้งตกใจ บรรดาผู้คนตรงนั้นต่างก็อึ้งตะลึงเช่นกัน
เย่หรูเสว่คิดในใจว่าเนี่ยเฟิงเอาเงินตั้งสิบล้านมาจากไหน?
คนอื่นๆก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
“แกไม่ต้องทำอะไรที่เกินตัวเพื่อรักษาหน้าตัวเองหรอก!สภาพแบบแกเนี่ยนะจะมีเงินสิบล้าน? ถ้าในบัตรนี้ของแกมีเงินสิบล้านจริงๆ ฉันจะกินขี้ให้ดู!”
จ้าวต้าถงไม่เชื่อ
“จริงหรือเปล่า?”เนี่ยเฟิงรู้สึกประหลาดใจ
“แน่นอนอยู่แล้ว!”จ้าวต้าถงไม่รู้สึกว่าเนี่ยเฟิงจะมีเงินสิบล้าน นี่มันไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลยนะ!
แถมทั้งเนื้อทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าของเนี่ยเฟิงก็ไม่มีของแบรนด์เนมเลยสักอย่าง ขนาดรองเท้าก็ยังราคาไม่กี่ร้อย
“ไหนๆก็มีคนขอมาแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่ปฏิเสธแล้วกัน”
เนี่ยเฟิงพูดจบก็ดีดนิ้ว“เอาเครื่องสแกนบัตรของพวกคุณมา”
พนักงานรีบหยิบเครื่องสแกนบัตรมาทันที เนี่ยเฟิงใส่บัตรลงไปแล้วตรวจจำนวนเงินที่อยู่ในบัตร เย่ฉงหยางกลอกตามองบนอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะหันกลับไปมอง จู่สองตาก็ถลึงโต“นี่มัน!นี่มันเป็นไปได้ยังไง!”
พอเห็นว่าเย่ฉงหยางตกใจขนาดนั้น จ้าวต้าถงก็รู้สึกสงสัยไม่น้อย พวกเขารีบเข้าไปดูทันที พบว่าจำนวนเงินในบัตรนี้ที่แสดงอยู่ก็คือสิบล้านจริงๆ!
“นี่มันเป็นไปไม่ได้ เครื่องนี้จะต้องมีปัญหาแน่นอน!”
จ้าวต้าถงกลืนน้ำลายลงคงไปหนึ่งอึก ไม่อยากเชื่อเลยแม้แต่น้อย ว่าไอ้คนที่ธรรมดาๆไม่มีอะไรพิเศษแบบหมอนี่ จะมีเงินตั้งสิบล้านได้ยังไง!
“จะว่าไปแล้วตอนที่แนะนำตัวเมื่อตะกี้ผมก็ยังพูดไม่จบเลย แม้ว่าผมจะไม่มีบ้านไม่มีรถไม่มีเงินเก็บ แต่ว่าผมเป็นทายาทเศรษฐีน่ะครับ”
เนี่ยเฟิงฉีกยิ้มกว้าง จากนั้นก็พูดเสริมอีกหนึ่งประโยค“บ้านผมรวยมากๆเลยนะครับ”
ถ้าเกิดตัวเลขที่ปรากฏอยู่นี้ไม่มีปัญหาล่ะก็ แสดงว่าเนี่ยเฟิงก็สามารถเอาเงินสิบล้านออกมาได้อย่างง่ายๆสบายๆเลยน่ะสิ
“จ้าวต้าถง เมื่อตะกี้คุณพูดเองใช่ไหม? ว่าถ้าผมเอาเงินสิบล้านมาได้ คุณจะไปกินขี้……คุณก็ไปกินตอนนี้เลยสิ!”
เนี่ยเฟิงยิ้มอย่างไม่มีพิษไม่มีภัยพร้อมกับจ้องมองจ้าวต้าถง สีหน้าของจ้าวต้าถงเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนตับหมู
“เป็นไปไม่ได้ นี่มันจะต้องมีปัญหาแน่นอน ฉันต้องตรวจดูอีกรอบ!”
จ้าวต้าถงรีบยื่นมือออกมา ชักบัตรใบนั้นออก แล้วเสียบเข้าไปตรวจสอบดูอีกครั้ง แต่ข้างบนก็ยังคงขึ้นว่าสิบล้านเหมือนเดิม!
“คุณไม่เชื่อผม แล้วยังไม่เชื่อเครื่องของธนาคารอีกเหรอ? อีกอย่าง เงินแค่นี้สำหรับผมแล้วเล็กน้อยมาก”
เนี่ยเฟิงพูดจบก็มองไปยังเย่ฉงหยางและจางลี่ถิง“คุณลุงคุณป้าครับ สินสอดเล็กๆน้อยๆนี้พอไหมครับ?”
ที่พวกเขาต้องการคือสี่ล้าน แต่ตอนนี้กลายเป็นสิบล้าน แสดงว่าพวกเขาจะสามารถแบ่งเงินกันได้มากขึ้นกว่าเดิม แถมไม่ต้องหารให้กับจ้าวต้าถงอีกด้วย!
เย่ฉงหยางกับจางลี่ถิงแต่ไหนแต่ไรก็มาเพื่อเงินอยู่แล้ว ตอนนี้มีเงินมากมายขนาดนี้อยู่ตรงหน้าพวกเขา มีหรือพวกเขาจะไม่ตื่นเต้นจนเนื้อตัวสั่น?
“พี่ยังจะยืนอ้ำอึ้งอยู่ทำไม? พี่? พูดออกไปแล้ว ก็ต้องทำสิ พี่ยังไม่รีบไปกินขี้ในห้องน้ำอีก?”
เย่เหม่ยย่ารีบหันไปจ้องจ้าวต้าถงทันที พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหมือนกับกำลังออกคำสั่ง
จ้าวต้าถงมองเย่เหม่ยย่าอย่างไม่อยากจะเชื่อ“เธอพูดกับฉันแบบนี้ได้ยังไง ฉันเป็นพี่ของเธอนะ!”
“เป็นพี่แล้วทำไม? ปกติพวกเราก็ว่ากันตามหลักเหตุผลไม่ใช่เห็นว่าเป็นญาติกันแล้วจะช่วยเสมอไป ฉันรู้สึกว่าน้องเขยพูดถูก ในเมื่อพี่มาพนันกับน้องเขยของฉันแล้ว พี่ก็ต้องรู้จักแพ้!”
เย่เหม่ยย่าสมแล้วที่เป็นนกสองหัว ฝั่งไหนได้ผลประโยชน์มากกว่าก็โน้มเอียงไปฝั่งนั้น พวกเขาประจบแจงคนที่มีเงินและอำนาจมากกว่าได้อย่างสุดโต่งและรวดเร็ว
“ต้าถง อันนี้นายเป็นฝ่ายผิดนะ นายมาพูดกับลูกเขยของฉันแบบนี้ได้ยังไง? รีบขอโทษลูกเขยของฉันเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นพวกเราก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก!”
เย่ฉงหยางเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน พูดตำหนิติเตียนจ้าวต้าถง