พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 26 ไม่อาจเชื่อได้
บทที่ 26 ไม่อาจเชื่อได้
ผู้จัดการซุนกับชิวซือมี่ต่างเหลือบมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง ชิวซือมี่เชื่อว่าถ้าชิวมู่เฉิงจากตระกูลชิวไปก็ไม่มีปัญญาไรหรอก ดังนั้น เจ้าเนี่ยเฟิงแค่กำลังขู่พวกเขาอยู่แน่เลย
“อย่าคิดว่านายใช้วิธีแบบนี้ก็จะขู่ให้ฉันกลัวได้ ก็พนันมาสิ”
ชิวซือมี่เป็นผู้ที่ช่วยให้ผู้จัดการซุนได้เลื่อนมาถึงตำแหน่งนี้ ดังนั้นผู้จัดการซุนจึงเชื่อฟังทุกคำสั่งของชิวซือมี่ ไม่งั้นเมื่อสักครู่ผู้จัดการซุนจะตัดชื่อของชิวมู่เฉิงจากรายชื่อVIPเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร
อีกอย่างถ้าอยากเป็นสมาชิกVIPขั้นสูงสุด ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้จ่ายถึงสิบล้านขึ้นไป และถ้าอนาคตผู้ใดยังอยากเป็นสมาชิกVIPขั้นสูงสุดต่อ คนๆนี้ต้องใช้จ่ายที่นี่อย่างน้อยหนึ่งแสนในทุกๆเดือน
หลังจากที่ชิวซือมี่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลตระกูลชิว ก็ได้รู้ว่าในหลายๆปีที่ผ่านมานี้ ชิวมู่เฉิงเพียงแค่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ ตลอดที่ผ่านมาทำงานเพื่อตระกูลชิวอย่างกับวัวควาย แต่ตัวเองกลับไม่มีทรัพย์สินใดๆเลย
สิ่งที่เธอมีนอกจากคฤหาสน์แย่ๆและรถที่แย่ๆแล้ว ก็มีแต่บริษัทที่ย่ำแย่ และบริษัทที่ย่ำแย่นี้เป็นสิ่งที่ชิวมู่เฉิงใช้เงินปันผลและเงินเดือนของตัวเองก่อตั้งขึ้นมา
อีกอย่าง ภายใต้การแทรกแซงของคุณนายใหญ่ชิว ชิวมู่เฉิงไม่สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่นั้นมาสนับสนุนบริษัทของตนเองได้ เพราะทั้งหมดนั้นต้องถวายให้กับตระกูลชิว พูดง่ายๆก็คือ ให้ชิวมู่เฉิงนั้นคิดเผื่อตระกูลชิวทั้งหมดหัวใจ
คนอย่างเธอเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้จ่ายที่ร้านหมิงเตี่ยนถึงสิบล้านหรอก จะเชิญแขกมารับประทานอาหารที่นี่ก็ไม่สะดวก หรือว่าเธอมีกำลังที่จะซื้อไวน์ Lafiteปี1982ขวดหนึ่งจริงหรือ
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่นานเจ้านี่เพิ่งถูกหลอกไปสองล้านกว่า ตอนนี้คงใจร้อนจนแทบจะร้องไห้ล่ะสิ เพียงแค่นึกถึงเรื่องนี้ ชิวซือมี่ก็รู้สึกมีความสุขเหลือเกิน
“ได้สิ ถ้าพี่ใหญ่ผมสามารถให้ชื่อของตัวเองปรากฏในบัญชีรายชื่อVIPขั้นสูงสุดของพวกเธออีกครั้งได้ภายในเวลาที่กำหนด ชิวซือมี่คุณต้องคุกเข่าคำนับพี่ใหญ่ผมแล้วพูดว่าท่านผู้หญิง แล้วคลานออกไปจากที่นี่ และต้องยกเลิกการเป็นสมาชิกของร้านนี้ด้วยตัวเอง หลังจากนี้ก็มาร้านนี้ไม่ได้อีก เป็นไง”
เนี่ยเฟิงจับคางตัวเองคิดไปสักพัก แล้วได้ดีดนิ้วตกลงเนื้อหาที่จะพนัน
ชิวมู่เฉิงเกิดอารมณ์อยากถอยขึ้นมาในใจ เธอรู้อยู่แล้วว่าคุณสมบัติของVIPขั้นสูงสุดคืออะไร ยอดใช้จ่ายของเธอไม่ถึงจำนวนนี้อย่างแน่นอน เมื่อก่อนเธอคิดว่าร้านอาหารร้านนี้ก็ไม่เลว เลยมาบ่อยๆ แต่ยอดใช้จ่ายก็ไม่ได้สูงขนาดนั้น
อีกอย่าง ถึงจะใช้จ่ายได้เยอะขนาดนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วนี่ เพราะตอนนี้เธอถูกผู้จัดการซุนตัดชื่อแล้ว ไม่ใช่สมาชิกVIPของร้านหมิงเตี่ยนอีกตลอดไป
ทำไมเนี่ยเฟิงถึงใจกล้าขนาดนั้น กล้าไปพนันกับพวกมัน
“เสี่ยวเฟิง……”
ชิวมู่เฉิงมองเนี่ยเฟิงด้วยเป็นความเป็นห่วง จนได้เบ่งเสียงเรียกชื่อของเนี่ยเฟิงออกมา
“ได้ยินที่ชิวมู่เฉิงเรียกคุณหรือเปล่า เธอยังคิดว่าคุณโม้เลย”
ชิวซือมี่อั้นไม่ไหวจึงหัวเราะออกมาอย่างเสียงดัง เมื่อสักครู่ใจเธอยังมีความสงสัยอยู่ แต่ตอนนี้ความสงสัยนั้นหายไปหมดจนไม่เหลือแล้ว เนี่ยเฟิงจะมีปัญญาอย่างนั้นที่ไหน เขาเป็นเพียงแค่แมงดาคนหนึ่ง ถ้าไม่ใช่ชิวมู่เฉิงเลี้ยงเขาไว้ เขามีปัญญาที่ไหนมารับประทานอาหารที่ร้านหมิงเตี่ยน
“พวกเราไม่ต้องพูดอะไรเยอะหรอก ตอนนี้ผมพูดสิ่งที่จะพนันออกมาแล้ว แล้วคุณล่ะ”
“ในเมื่อมีคนไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา งั้นฉันก็ไม่เกรงใจแล้วนะ ถ้าพวกเธอไม่มีVIPขั้นสูงสุด พวกเธอทั้งสองคนก็ต้องคุกเข่าลงเรียกฉันว่าท่านผู้หญิง แล้วคลานออกไปจากที่นี่”
“ถ้าอย่างงั้นก็ตกลง ทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็เป็นพยานทั้งหมด อีกอย่างสิ่งที่คุณพูดเมื่อสักครู่ ผมอัดเสียงไว้หมดแล้ว เดี๋ยวถ้าแพ้ขึ้นมาอย่ากลับคำล่ะ”
เนี่ยเฟิงโบกโทรศัพท์ในมือ แล้วพูดประโยคนี้กับชิวซือมี่ด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
ชิวซือมี่ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วตอบว่า “ใครจะแพ้ยังไม่แน่”
“ได้เลย งั้นพวกเราไปตรวจที่หน้าเคาน์เตอร์ตอนนี้”
เนี่ยเฟิงพูดพร้อมกับลุกขึ้นมา ณ วินาทีนั้นชิวมู่เฉิงได้จับมือของเนี่ยเฟิงไว้ ในตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมเสี่ยวเฟิงถึงมีความมั่นใจขนาดนั้น แต่เงื่อนไขของร้านนี้ค่อนข้างสูงจริง ๆ ถ้าอยากเป็นสมาชิกต้องใช้จ่ายถึงจำนวนเงินที่กำหนดไว้
สิ่งที่ชิวมู่เฉิงเป็นห่วงที่สุดก็คือเนี่ยเฟิง จะเสียสละชื่อเสียงของตัวเองมาออกหน้าเพื่อเธอ นี่ถ้าต้องคลานออกไปจากร้านนี้จริงๆ ต้องเป็นข่าวหน้าหนึ่งพรุ่งนี้แน่เลย ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เนี่ยเฟิงมาพร้อมกับเธอ ถ้าหลังจากนั้นเนี่ยเฟิงอยากหางานคงหายากแน่เลย
ชิวมู่เฉิงยอมให้ตัวเองถูกทำร้าย ก็ไม่ยอมให้น้องชายของตัวเองถูกทำร้าย
“เสี่ยวเฟิง อย่าทำสิ่งที่ไม่มั่นใจ”
“ทำไม ตอนนี้พวกคุณจะกลับคำหรอ ได้สิ ถ้าพวกคุณกลับคำตอนนี้ ฉันก็จะปล่อยพวกคุณไป แต่สิ่งที่พูดไว้ทั้งคุกเข่าและเรียกก็ต้องทำอยู่ดี”
หน้าตาและท่าทีได้ใจของชิวซือมี่ ทำให้รู้สึกคลื่นไส้เหลือเกิน แค่เห็นก็อยากอ้วก
“เก็บใบหน้าที่คุณเคยศัลยกรรมเดี๋ยวนี้ รอยยิ้มของคุณทำฉันอยากอ้วก”
“นี่คุณ”
ชิวซือมี่ไม่เคยถูกคนอื่นวิจารณ์หน้าตาของตัวเองแบบนี้เลย ณ ตอนนั้นก็โกรธมาก จึงยื่นมือออกมาชี้ไปทางเนี่ยเฟิง “ถุย คุณรู้อะไร ฉันไม่เคยศัลยกรรมมาก่อน ทั้งหมดนี้ได้มาโดยธรรมชาติย่ะ”
ไม่น่าเชื่อว่าชิวซือมี่กล้าพูดแบบนี้ ทำคนขำจนฟันร่วง ใบหน้านี้ดูแล้วรู้เลยว่าศัลยกรรมมา ดูหน้าผากนั้นสิ เสริมจนจะนูนเท่าเทพอายุยืนในฮกลกซิ่วแล้ว
“แล้วไป ฉันไม่เอาอะไรกับคุณมากหรอก พวกเราไปกันเถอะ”
เนี่ยเฟิงตีหลังมือชิวมู่เฉิงเบาๆ จากนั้นเดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์ ถึงแม้ชิวมู่เฉิงจะมีความอยากถอยในใจ แต่ก็เดินตามหลังเนี่ยเฟิงไป
ถึงตอนนี้ชิวมู่เฉิงถึงได้สังเกตเห็นว่าไหล่ของเนี่ยเฟิงกว้างเหลือเกิน และเขาก็สูงมากด้วย ชิวมู่เฉิงก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่สูงในระดับหนึ่ง แต่ถึงแค่ไหล่ของเนี่ยเฟิง
พอถึงหน้าเคาน์เตอร์ เนี่ยเฟิงยกคางไปทางผู้จัดการซุน “การทำงานของเคาน์เตอร์คุณน่าจะคุ้นเคยกว่า คุณลองเปิดมาดูซิ”
“คุณตั้งใจมาตรวจสอบที่เคาน์เตอร์ อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะรู้สึกว่าถ้าคลานจากตำแหน่งเมื่อกี้มันไกลกว่าที่นี่ เลยอยากจะย่นระยะให้สั้นลง”
ชิวซือมี่ประชดอยู่ข้างๆ
“จริงๆผมแค่รู้สึกว่าอย่างน้อยคุณกับพี่ใหญ่ผมเป็นคนครอบครัวเดียวกัน อยากจะเก็บศักดิ์ศรีให้คุณหน่อย คุณจะได้ไม่ต้องเดินไกล เพราะเดี๋ยวคุณต้องคุกเข่าออกไปจากที่นี่ คาดว่าเข่าต้องถลอกแน่เลย”
“คุณก็ปากเข็งได้แค่ตอนนี้แหล่ะ เดี๋ยวฉันจะรอดูว่าคุณจะทำไง”
บนหน้าของชิวซือมี่เต็มไปด้วยสีหน้าสมน้ำหน้า ตั้งตามองไปที่ผู้จัดการซุน และบนใบหน้าของผู้จัดการซุนก็ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา
“สมาชิกที่คงประวัติเป็นVIPขั้นสูงสุดของที่นี่รวมๆกันแล้วมีเพียงสิบห้าคน ขอผมดูหน่อย ประธานจ้าว ประธานหวัง ประธานหลี่ ผู้จัดการเฉิน ท่านผู้หญิงเหลียว ชิว….. ชิวมู่เฉิง”
ผู้จัดการซุนตกใจใหญ่ เขาอ่านสามพยางค์นี้ออกมาเบาๆ
“คุณพูดอะไรเหลวไหลน่า จะมีชื่อเธอได้ยังไง เธอมีสิทธิ์อะไรมายืนคู่กับประธานและผู้จัดการเหล่านี้”
พอชิวซือมี่ได้ยินผู้จัดการซุนพูดแบบนี้ ก็รีบพุ่งเข้าไปที่เคาน์เตอร์หันจอคอมมาดู พอเธอตั้งตาดู ก็เห็นว่าบนจอคอมนั้นมีชื่อชิวมู่เฉิงสามตัวใหญ่ๆอยู่บนนั้นจริงด้วย
แล้วด้านหลังก็ขึ้นโชว์ว่าชิวมู่เฉิงใช้จ่ายไปแล้วร้อยล้าน
“ของปลอมๆ เจ้านี้ คุณเป็นคนปลอมมันขึ้นมาใช่ไหม”