พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 268 ยกข้อเรียกร้องเล็กน้อย
“งั้นผมไปตัวคนเดียวได้ไหม?”
เนี่ยเฟิงคิดแล้วคิดอีกถึงยังไงใกล้ชิดกับคนเหล่านั้นเป็นไปได้ที่จะค่อนข้างอันตราย ดังนั้นจึงคิดว่าจะไปแค่ตัวคนเดียว ใครจะรู้ว่าเย่หรูเสว่ส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก
“แบบนี้ก็ไม่ได้เช่นกัน พวกเขาจะเพิ่มความระแวดระวังมากขึ้น ถึงเวลานั้นเขาก็สามารถไปสืบหาแก งั้นก็ไม่ดีแล้ว”
เย่หรูเสว่จ้องมองเนี่ยเฟิงหนึ่งที “ฉันบอกกับพี่สี่มาก่อนแล้ว พี่สี่บอกว่าสามารถช่วยเหลืองานเราได้”
เนี่ยเฟิงคิดแล้วคิดอีกคางเมิ่งไม่ได้จริงๆ เพราะว่าคางเมิ่งเป็น บุคคลสาธารณะ ทั้งตอนนี้ก็ได้ขึ้นHappy Camp ระดับชื่อเสียงของเธอจะยิ่งใหญ่กว่าแต่ก่อน
“ในพี่ๆหลายคน กังฟูของพี่สี่คือแข็งแกร่งมาก อีกทั้งฝีมือทางการแพทย์สุดยอด ถ้าหากว่าเป็นเธอไปด้วยกันกับแกล่ะก็ ฉันก็จะวางใจกว่า”
พี่ๆพวกเขาหลายคนล้วนมีกังฟู เพียงแค่ระดับกังฟูของแต่ละคน ไม่ราบเรียบเสมอกัน ระหว่างนั้นเก่งที่สุดน่าจะเป็นหยูจิงหงพี่สอง อย่าไปดูว่าลักษณะท่าทีของหมิงอี๋หานสุภาพเรียบร้อยตามความจริงแล้วเธอซ่อนเร้นไม่แสดงออก ยอดเยี่ยมเหลือเกิน
“แต่ว่าถึงยังไงนี่เป็นวิธีที่ฉันคิดออกมาได้ ก็ไม่รู้ว่าแกจะช่วยหรือไม่ช่วย ถ้าหากว่าแกรู้สึกว่าอันตราย ไม่คิดว่าจะช่วยล่ะก็ ก็ไม่เป็นไร ก็ไม่มีคนจะหัวเราะเยาะแก” เย่หรูเสว่จริงจังมากจ้องมองเนี่ยเฟิง
“งั้นผมขอถามคำถามหนึ่งกับคุณได้ไหม?”
เนี่ยเฟิงขมวดคิ้วอย่างแน่น ดูเหมือนตัดสินอย่างแน่วแน่แล้ว
เย่หรูเสว่จ้องมองลักษณะท่าทีที่เอาจริงเอาจังขนาดนั้นของเนี่ยเฟิง ทันทีนั้นก็นั่งตัวตรง เธอเอาจริงเอาจังพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก “แกถามเถอะ!”
“ผม…..ถ้าหากว่าทำภารกิจนี้สำเร็จ พี่หก คุณจะต้องให้รางวัลผมสักหน่อยหรือไม่ล่ะ?”
เย่หรูเสว่: ……
“ล้วนคือเวลาไหนแล้วแกยังเป็นห่วงเรื่องนี้อยู่ตลอดหรือ? แกรู้หรือไม่พี่ห้าของแกอันตรายขนาดไหน! ดังนั้นจะต้องทำให้ไอ้คนนั้นมารับการลงโทษตามกฎหมาย ต้องจับเขาให้ได้!”
“แต่ว่าต้องมีรางวัลจึงจะมีพลังล่ะ! การปูนบำเหน็จความดีความชอบและการลงโทษชัดแจ้งและยุติธรรม ไม่ใช่คุณพูดหรือ!”
จ้องมองลักษณะท่าทีที่ต่ำต้อยของเนี่ยเฟิง เย่หรูเสว่อดไม่ได้ที่จะบดฟันหลังบดแล้วบดอีก คาดไม่ถึงว่าไอ้หนูนี่ไม่ว่าเมื่อไหร่ล้วนไม่ลืมเอาเปรียบเธอ!
“แกอยากได้รางวัลอะไรหรือ?”
เย่หรูเสว่สูดลมหายใจลึกๆหนึ่งที จากนั้นถามอย่างไม่พอใจ
“อืม…..”
ก็อยู่ในเวลาที่เนี่ยเฟิงลูบคางคิดอยู่ เย่หรูเสว่ผมพูดอีกคำหนึ่งว่า “เหมือนดั่งรางวัลที่ต่ำช้าแบบนั้นอย่างก่อนหน้านั้นฉันจะไม่รับปากอย่างเด็ดขาด!”
ใบหน้าของเย่หรูเสว่แดงแล้วแดงอีก สีหน้าบนใบหน้าคือทั้งอายทั้งโมโห ทันใดนั้นเนี่ยเฟิงก็เหมือนดั่งฟุตบอลถูกปล่อยลมแล้ว ถ้าหากว่าไม่ใช่รางวัลเหล่านั้นอย่างแต่ก่อน งั้นจะอยากได้รางวัลแบบไหนอีกล่ะ?
“งั้นถ้าหากว่าภารกิจนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ผมหวังว่าพี่หกจะสามารถเป็นสาวใช้ให้ผมวันหนึ่ง!”
“สาวใช้หรือ?” ชั่วพริบตาเดียวเย่หรูเสว่เบิกตาโพลง โกรธตัวสั่นยกกำปั้นขึ้นมา “ฉันเห็นว่าแกก็เหมือนสาวใช้!”
“ผมจะเหมือนได้ยังไง เพศยังไม่เหมือนกันเลย!”
เนี่ยเฟิงรีบหลบไปข้างหลังหลบแล้วหลบอีก จึงหลบพ้นกำปั้นของเย่หรูเสว่อย่างฝืดๆ
“แกคิดอย่างสวยงามมากนะ!” กำปั้นของเย่หรูเสว่ชกลม เธอไม่พอใจเป็นพิเศษเหลือบมองเนี่ยเฟิงหนึ่งที “เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เรื่องนี้แกแม้แต่คิดก็ไม่ต้องคิด!”
“แต่ว่านอกจากนี้ผมก็คิดอย่างอื่นไม่ออกแล้ว คุณก็รับปากผมเถอะ ก็แค่เป็นสาวใช้วันเดียวนี่ไม่มีอะไร!”
เห็นลักษณะท่าทีที่หน้าด้านๆของเนี่ยเฟิง เย่หรูเสว่คิดแล้วคิดอีกภารกิจสำคัญกว่า ดังนั้นเธอไม่ยินไม่ยอมพยักหน้าแล้ว “งั้นก็ได้! แต่ว่าถึงเวลานั้นไอ้หนูแกอย่ายกข้อเรียกร้องที่ได้คืบจะเอาศอกอะไรกับฉัน! รู้ไหม!”
“รู้ รู้ วางใจเถอะ ผมรับรองภารกิจสำเร็จ!”
เย่หรูเสว่ก็บอกภารกิจของพวกเขาให้กับหมิงอี๋หาน หมิงอี๋หานเป็นเพื่อนฝูงที่เชื่อถือได้ อีกทั้งกังฟูแข็งแกร่ง ฝีมือทางการแพทย์เลิศล้ำ ไม่แย่กว่าตำรวจหญิงคนอื่น
“ภารกิจแรกของพวกคุณก็คือต้องดึงดูดความสนใจของประธานสมาคมหอการค้าแห่งเมืองเยี่ยนตู ทำให้พวกเขาเรียนเชิญพวกคุณเข้าร่วมหอการค้า จู่โจมเข้าไปถึงภายในของศัตรู จากนั้นค่อยสืบหาเบาะแส ในเมื่อพวกเขาทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอย่างนี้อยู่ งั้นย่อมจะใจร้อนกระวนกระวายเสาะหาพันธมิตรอย่างแน่นอน! จะต้องจับจุดอ่อนของพวกเขาให้ได้ รู้หรือไม่?”
เย่หรูเสว่พูดอยู่แจกเอกสารให้แก่เนี่ยเฟิงกับหมิงอี๋หาน “พวกเขามีบุคลากรของการป้องกันการตรวจจับลาดตระเวนอยู่ ดังนั้นพวกเราตำรวจไม่สามารถแอบปกป้องพวกคุณ ตอนที่ติดต่อกับพวกเราจงต้องสังเกต ย่อมต้องระมัดระวังหน่อยเช่นกัน”
“ฉันรู้แล้ว ฉันจะปกป้องเสี่ยวเฟิงให้ดีๆ”
หลังจากหมิงอี๋หานอ่านดูหนึ่งทีก็สลักข้อมูลเหล่านี้เข้าไปในสมองแล้ว เพียงแค่เห็นเธอปิดผนึกเอกสารนั้นเหมือนเดิมคืนกลับไป
เย่หรูเสว่รู้ว่าความจำของหมิงอี๋หานเกินใคร
หลังจากเนี่ยเฟิงอ่านไปหลายรอบ ก็คืนเอกสารกลับคืนไปเหมือนกัน “ผมจดจำข้อมูลเหล่านี้อยู่ในสมองแล้ว วันนี้พวกเราก็ออกเดินทางได้”
“จำไว้จะต้องไม่เปิดโปงความจริงแหวกหญ้าให้งูตื่นอย่างแน่นอน ตอนนี้เย่หลังเข้าสู่สภาวะซ่อนเร้นแล้ว สิ่งที่สามารถหาเขาเจอมีเพียงแค่ผ่านเบาะแสของประธานสมาคมหอการค้าแห่งเมืองเยี่ยนตูทางนี้แล้ว”
เย่หรูเสว่ก็กำชับอีกทีหนึ่ง
“เอาล่ะน้องหก พวกเราเข้าใจสภาพการณ์แล้ว ตอนนี้ก็เป็นพวกเราแสดงความสามารถได้ตามสบายแล้ว”
หมิงอี๋หานบอกกล่าวสภาพกับโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว
เนี่ยเฟิงตามอยู่ข้างหลังหมิงอี๋หาน ยิ้มถามว่า “พี่สี่ คุณคิดว่าจะดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้ยังไงล่ะ?”
“พวกเขาไม่ใช่จะชอบคนโง่เงินมากหรือ? เมื่อกี้แสดงให้ดูอยู่บนเอกสาร ประธานสมาคมหอการค้าแห่งเมืองเยี่ยนตูมักจะเข้าออกสถานที่หลายแห่งนี้บ่อยๆ พวกเราเพียงแค่ไปอวดความรวยในสถานที่เหล่านั้นก็พอแล้ว”
หลังจากหมิงอี๋หานพูดจบ เหลือบตามองเนี่ยเฟิงหนึ่งที “คุณก็เป็นผู้ติดตามของฉันก็พอแล้ว”
เนี่ยเฟิงเป็นราชามังกรที่ร่ำรวยเทียบเท่าระดับประเทศได้นะ เขาจะเอาลมได้ลมเอาฝนได้ฝน อยากจะสืบหาประธานสมาคมของหอการค้าเล็กๆคนหนึ่ง ไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไรเลย
แต่ว่าเพื่อที่จะไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น เนี่ยเฟิงยังคงตัดสินใจเดินตามหมิงอี๋หาน
หมิงอี๋หานขับMaseratiรถสปอร์ตชั้นเลิศพาเนี่ยเฟิงมาถึงเมืองเยี่ยนตู
เธอจอดรถรถสปอร์ตที่มีความยั่วยุเต็มเปี่ยมสีชมพูคันนี้ไว้อยู่ที่ตึกจิงจั้วหมิงเฉิงในเมืองเยี่ยนตู
แถวนี้คือสินค้าแบรนด์หรูที่ใหญ่ที่สุดและเจริญรุ่งเรืองในเมืองเยี่ยนตู
“ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง จะดึงดูดความสนใจของคนในสังคมชนชั้นสูงเหล่านั้น ก็จำเป็นต้องสวมทองใส่เงิน มียี่ห้อทั้งตัว มิฉะนั้นดูแล้วก็เข้ากันไม่ได้”
ตอนที่หมิงอี๋หานมา เสื้อกาวน์ที่อยู่บนกายถือว่าถอดออกไปแล้ว เธอสวมใส่เสื้อผ้าที่ธรรมดามาก
ตามความจริง หมิงอี๋หานบริหารโรงพยาบาลแห่งหนึ่งอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงมีเงินมาก แต่คือเงินเล็กน้อยนี้อยู่ต่อหน้าของเนี่ยเฟิงก็คือแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
เนี่ยเฟิงเพิ่งเดินเข้าไปมือถือก็ดังขึ้นแล้ว เขายกมือถือขึ้นมาจ้องมองหนึ่งที รู้แจ้งกระจ่างในฉับพลันพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก ใช่แล้ว ตึกจิงจั้วหมิงเฉิงก็เป็นอุตสาหกรรมการผลิตของสำนักมังกร
ยามปกติหมิงอี๋หานล้วนสวมใส่แว่นตาแบบสีทอง อาจจะเป็นเพราะว่าแว่นตาดังนั้นทำให้หมิงอี๋หานดูแล้วค่อนข้างธรรมดา บวกกับยามปกติที่เธอสวมใส่ล้วนเป็นเสื้อกาวน์สวมใส่ผ้าปิดปาก ไม่ตกแต่ง เส้นผมสีดำมัดขึ้นตามสบายเห็นแล้วก็ยิ่งธรรมดา
ดังนั้น ตอนที่พวกเขาเข้าไปตามความจริงคือถูกพวกพนักงานรังเกียจแล้ว
หมิงอี๋หานกลับไม่ใส่ใจสายตาของคนอื่น ถึงยังไงคนเหล่านั้นจะมองเธอแบบไหน เธอล้วนยังไงก็ได้
หมิงอี๋หานทำงานอยู่ในโรงพยาบาล ดังนั้นไม่ได้คิดว่าจะแต่งตัวให้ตนเองเลยสักนิด พูดได้อีกว่า แต่งตัวให้กับตนเองจะให้ใครดูล่ะ?