พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 269 บุคคลที่รวยชั่วข้ามคืน
เพราะว่าเช่นนี้ หมิงอี๋หานดูแล้วจึงธรรมดามาก แต่ตามความจริง รูปร่างของหมิงอี๋หานเซ็กซี่มาก ใบหน้าเย็นสดใส
เธอดูแล้วเต็มเปี่ยมด้วยความยั่วยวน แต่ก็เป็นกายที่ผสมกับความขัดแย้งที่ปฏิเสธคนไปไกลอีกหมื่นลี้
“ยามปกติมองเห็นพี่สี่สวมใส่ล้วนเป็นเสื้อกาวน์และชุดลำลอง น้อยมากที่จะเห็นพี่สี่สวมใส่เสื้อผ้าอื่นๆ พี่สี่ เรามาถึงที่นี่จะเลือกเสื้อผ้าแบบไหนจึงจะเหมาะสมล่ะ?”
แม้ว่าเนี่ยเฟิงร่ำรวยเทียบเท่าระดับประเทศ แต่สำหรับการแต่งกายเขาคือยังไงก็ได้
เพราะว่าเมื่อก่อนเนี่ยเฟิงก็เกิดจากครอบครัวที่ร่ำรวย ยามปกติการแต่งกายก็มีคนช่วยแต่งให้เขา ด้วยเหตุนี้หลังจากเขาตกอับแล้วได้รับความทุกข์ทรมานเป็นช่วงเวลายาวนานมาก
ไม่มีการดูแลของคนในครอบครัว เนี่ยเฟิงเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขารู้ว่าเขาไม่มีพ่อแม่ที่จะให้เรียกอีกแล้ว เขาก็ไม่มีใครใดๆที่จะสามารถพึ่งพาอาศัย เขาเหลือเพียงแค่ตัวเขาเอง
แต่ภารกิจที่สำคัญที่สุดของเนี่ยเฟิงในตอนนี้ก็คือรับรองความปลอดภัยของพวกพี่ๆของตนเอง อีกทั้งเขาจะทำให้พวกพี่ๆได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข
“แกไม่ต้องเลือก อีกสักครู่ฉันช่วยแกเลือก ฉันชอบดูรองเท้าก่อน พวกเราไปดูรองเท้าก่อนเถอะ”
หลังจากที่หมิงอี๋หานพูดจบเอามือวางอยู่บนรองเท้าข้างหนึ่ง คิดไม่ถึงมือที่ทาเล็บสีแดงอีกคู่หนึ่งก็จับรองเท้านี้ไว้เช่นกัน
เนี่ยเฟิงมองตามมือข้างนั้นไปยังเจ้าของคนนั้น เจ้าของมือข้างนี้คือผู้หญิงที่ไว้ผมหยิกคลื่นใหญ่สีเหลือง
บนใบหน้าของเธอสวมใส่แว่นกันแดด ชุดที่สวมใส่เป็นชุดเดรสของChanel ที่ถือไว้อยู่ในมือเป็นกระเป๋าของGucci
ทั้งตัวล้วนกระจายความร่ำรวยอยู่
บนนิ้วมือของเธอสวมใส่แหวนเพชรที่ใหญ่มาก อีกทั้งบนข้อมือใส่กำไลข้อมือกับนาฬิกาข้อมือที่ราคาแพง บนคอยังมีสร้อยคอที่มีมูลค่าไม่ธรรมดา
แม้ว่าสิ่งเหล่านี้ถือออกมาทีละชิ้นดูแล้วล้วนค่อนข้างแฟนชั่น แต่ว่าไม่รู้ทำไมสวมใส่อยู่บนกายของผู้หญิงคนนี้ก็ทำให้คนรู้สึกมีความประหลาดเล็กน้อย นี่อาจจะเป็นความรู้สึกของบุคคลที่รวยชั่วข้ามคืนมั้ง
“รองเท้าคู่นี้ฉันเป็นคนเห็นก่อน”
หมิงอี๋หานเหลือบตามองผู้หญิงคนนั้นหนึ่งที บนใบหน้าผู้หญิงคนนั้นปรากฏรอยยิ้มที่โอเวอร์ออกมา ยังเห็นเธอถอดแว่นกันแดดที่อยู่บนใบหน้าออก ดังนั้นยิ้มพูดอีกว่า “คุณเห็นก่อนหรือ?”
เหมือนอย่างที่คิดผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแค่แต่งกายโอเวอร์มาก แม้แต่แต่งหน้าดูแล้วก็ยังค่อนข้างหนาเช่นกันเนี่ยเฟิงไม่ชอบผู้หญิงประเภทนี้ และใบหน้าของผู้หญิงคนนี้ผ่านมีดมามากมายแล้ว โบท็อกนั้นฉีดจนทั่วหน้าล้วนพองขึ้นมาแล้ว
เห็นแล้วเหมือนดั่งหมั่นโถวฟูชิ้นหนึ่งเล็กน้อย ไม่รู้ทำไมดูแล้วตลกมาก
“ใช่แล้ว มือของฉันวางอยู่ข้างบนก่อน คุณมาทีหลัง ดังนั้นจะลองก็ต้องฉันลองก่อน”
หมิงอี๋หานไม่น้อยเนื้อต่ำใจไม่หยิ่งยโส เพราะเธอรู้ตนเองว่าเป็นคนมีเงิน อีกทั้งในส่วนลึกของจิตใจเธอเดิมทีก็กระจายไอเย็นที่ไม่สามารถเข้าใกล้ได้อย่างหนึ่ง
“มารีคุณรีบออกมาดูสิ ร้านของพวกคุณมีคนขอทานสองคนเข้ามา อีกทั้งยังกล้าแย่งรองเท้ากับฉัน คนของพวกคุณที่นี่ตกลงเป็นอะไรกันแน่? แมวหมาอะไรล้วนปล่อยเข้ามา!”
ผู้หญิงพินิจพิเคราะห์หมิงอี๋หานกับเนี่ยเฟิงที่อยู่ต่อหน้าอย่างไม่เกรงใจสักนิด
ในใจเนี่ยเฟิงคิดอยู่ว่าคำพูดของผู้หญิงคนนี้ช่างไม่น่าฟังจริงๆ แม้ว่าพวกเขาแต่งกายธรรมดา แต่ว่าก็สะอาดมาก จะเหมือนคนขอทานที่ไหนล่ะ?
รองผู้จัดการรีบเร่งเข้าไป เธอพยักหน้าโค้งแสดงความเคารพไปยังผู้หญิงพูดว่า “คุณนายถังขอโทษจริงๆ ฉันจะจัดการเดี๋ยวนี้!”
มารีหันหน้าไปจ้องมองทั้งสองคน นี่ต้องเป็นคนที่ใช้จ่ายไม่ไหวแน่นอนจากนั้นเสียงแหบๆพูดว่า “ขอโทษค่ะ ที่นี่ถูกคุณนายถังเหมาหมดแล้ว เชิญพวกคุณออกไปก่อน”
เนี่ยเฟิงยักคิ้วหนึ่งที “คุณบอกว่าที่นี่ถูกคนเหมาหมดแล้ว งั้นทำไมเมื่อกี้ก็ยังเปิดประตูอย่างกว้างใหญ่และไม่เห็นพวกคุณไล่คนอื่นๆออกไปเลย ตอนนี้เรียกเพียงพวกเราออกไปหรือ? งั้นคนเหล่านั้นล่ะ ทำไมพวกเขาเหล่านั้นยังเดินช็อปปิ้งต่อไปได้ล่ะ”
เนี่ยเฟิงพูดอยู่ชี้ไปยังคนอื่นๆในร้าน เวลานี้คุณนายถังอดไม่ไหวที่จะ ฮ่าฮ่า หัวเราะเสียงดังออกมา
“มารี คุณไม่ต้องพูดอย่างนี้กับคนชั้นต่ำเหล่านี้ พวกเขาฟังภาษาคนไม่เข้าใจ คุณไล่พวกเขาออกไปโดยตรงก็พอแล้วล่ะ? พวกเขาอยู่ที่นี่เพียงจะส่งผลกระทบต่อฉันที่ซื้อของ คุณไม่อยากได้รับค่าคอมมิชชั่นแล้วหรือ?”
รองผู้จัดการย่อมรู้ว่าล่วงเกินคุณนายถังไม่ได้ เพราะว่าคุณนายถังเป็นลูกค้าใหญ่ของเธอ เป็นบุคคลที่ใช้จ่ายมากที่สุดของร้านในยามปกติ อีกทั้งทุกครั้งซื้อของล้วนเป็นหลายแสน
คุณนายถังทำให้มารีได้รับค่าคอมมิชชั่นไม่น้อย มารีย่อมหวังให้คุณนายถังมาบ่อยๆอยู่แล้ว ถ้าหากว่าตอนนี้เพื่อคนนอกสองคนนี้ล่วงเกินคุณนายถัง ดังนั้นตนเองจะไม่ใช่สูญเสียออเดอร์ใหญ่สูญเสียลูกค้าใหญ่หรือ?
“คุณนายถังวางใจ ฉันจะไล่พวกเขาทั้งสองคนนี้ออกไปทันที จะไม่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ที่คุณซื้อของ!”
หลังจากมารีพูดจบโกรธตัวสั่นพูดว่า “พวกคุณยังยืนอยู่ที่นี่ทำไม? ฟังภาษาคนไม่เข้าใจหรือว่ายังไงล่ะ? ถ้ารู้จักมองสีหน้าอารมณ์รีบไสหัวออกไป อย่ามาเกะกะอยู่ที่นี่!”
เนี่ยเฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง ดูลักษณะแล้วรองผู้จัดการคนนี้ก็เป็นคนคนหนึ่งที่ให้การปฏิบัติที่ขึ้นอยู่กับคน!
เนี่ยเฟิงเข้าไปก้าวหนึ่ง แย่งรองเท้ามาทันที “ขอโทษจริงๆนะ ของที่ที่รักบ้านผมชอบไม่เคยเอามาไม่ได้”
คุณนายถังไม่มีเรี่ยวแรงอะไรเลยสักนิด ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเนี่ยเฟิงเลยสักนิด คุณนายถังก็นึกไม่ถึงเช่นกัน เนี่ยเฟิงถึงขนาดแย่งรองเท้าไปโดยตรง
เธอโมโหเหลือเกินในชั่วพริบตาเดียว ก็เหมือนดั่งไก่ตัวเมียที่หัวชี้ตัวหนึ่ง “คุณทำอะไรอยู่คนบ้านนอกคอกนาคนนี้ คุณรู้หรือไม่รองเท้าคู่นี้จะต้องใช้เงินเท่าไหร่ล่ะ? มีน้ำใจหน่อยคุณไปดูราคาก่อนสิ! ที่นี่เป็นร้านค้าแบรนด์หรูไม่ใช่สินค้าข้างถนน พวกคุณไอ้คนที่เพียงคู่ควรกับการสวมใส่สินค้าข้างถนนเหล่านั้นจะซื้อไหวได้ยังไงอีกล่ะ!”
“ฉันยังคิดว่าราคาคู่นี้จะต้องใช้เงินมากเท่าไหร่ล่ะ”
หมิงอี๋หานจ้องมองป้ายราคาหนึ่งที จากนั้นหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่งว่า “ก็เพียงแค่สามหมื่นบาทเองล่ะ?”
“สามหมื่นบ้านคุณซื้อไหวหรือ? สวมใส่เก่าๆขาดๆทั้งตัวก็อย่าเห็นช้างขี้ขี้ตามช้าง!”
คุณนายถังทำตายี๋แล้วทำตายี๋อีก ดูออกว่าเธอโมโหมาก
“ที่นี่เป็นสามแสน ใส่ถุงให้ฉันสิบคู่”
หมิงอี๋หานพูดอยู่ดึงบัตรออกมา โยกไปโยกมาอยู่ต่อหน้าพวกเขา คุณนายถังกับมารีล้วนอึ้งชะงัก จากนั้นคุณนายถัง ฮ่าฮ่า หัวเราะเสียงดังออกมา
“โอ้ว! ฉันยังคิดว่าเป็นคนแบบไหนล่ะ? ที่แท้เป็นบุคคลที่รวยชั่วข้ามคืน! สามแสนเยอะมากหรือ? มารี! นี่เป็นหนึ่งล้าน! ไล่พวกเขาทั้งสองคนออกไปเดี๋ยวนี้!”
ตอนที่มารีได้ยินว่าหนึ่งล้าน ตาล้วนเบิกโพลงแล้ว เธอรีบพยักหน้า “ได้ยินหรือยัง? คุณนายถังให้พวกคุณออกไป! อย่าคิดว่าพวกคุณมีเงินก็ดีเลิศแล้วพวกเราไม่ขายให้คุณคุณนายถังเป็นสมาชิกของพวกเราที่นี่ เธอมีสิทธิพิเศษ!”
ตอนที่หมิงอี๋หานครุ่นคิดว่าจะดึงบัตรที่มีจำนวนเงินมากกว่านี้อีกใบหนึ่งออกมา เนี่ยเฟิงยืนขึ้นมาแล้ว “ผมรู้สึกว่าเสื้อผ้ารองเท้ากับกระเป๋าของร้านค้านี้ช่างเหมาะสมกับคุณนะ แต่ว่าที่นี่มีคนเกะกะอยู่ ขัดขวางพวกเราซื้อของ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นพวกเราก็ซื้อร้านนี้โดยตรงไปเลยล่ะ อย่างนี้ก็สามารถทำให้คุณดูดีๆเลือกดีๆสักหน่อยเถอะ”
หมิงอี๋หานรู้ว่าสำนักมังกรร่ำรวยเทียบเท่าระดับประเทศ แต่ว่าเธอมักจะโดยจิตใต้สำนึกรู้สึกว่าเนี่ยเฟิงไม่มีเงินอะไร…..อาจจะเนื่องเพราะน้องชายของเธอคนนี้ไม่โอ้อวดเรียบง่ายเกินไปแล้วมั้ง!
“ล้อเล่นแบบระดับโลกอะไร คุณสามารถซื้อร้านค้านี้ได้หรือ? คุณรู้หรือไม่ร้านค้านี้เป็นสินค้าแบรนด์หรู สินค้าเหล่านี้รวมกันขึ้นมาแล้วไม่ใช่พวกคุณบุคคลที่รวยชั่วข้ามคืนเหล่านี้สามารถรองรับไหว!”