พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 270 ลักษณะท่าทีของบุคคลที่รวยชั่วข้ามคืนควรมี
- Home
- พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม
- บทที่ 270 ลักษณะท่าทีของบุคคลที่รวยชั่วข้ามคืนควรมี
“ใช่แล้ว! ไม่ต้องปล่อยข่าวเขย่าขวัญประชาชนอยู่ที่นี่ ฉันรู้ว่าพวกคุณไม่มีความสามารถขนาดนี้!” มารีเข้าข้างคุณนายถัง ดังนั้นล้วนยืนอยู่ข้างคุณนายถังฝั่งนี้
เนี่ยเฟิงกลับไม่ได้เป็นอะไรมาก เขาจ้องมองร้านค้านี้หนึ่งที จากนั้นเพียงแค่เห็นเขายกมือถือขึ้นมาและโทรออกไป “ซื้อHermesของตึกจิงจั้วหมิงเฉิงขึ้นมา ผมต้องได้รับมันภายในหนึ่งนาที”
ทันทีที่คำพูดของเนี่ยเฟิงที่พูดออกไป ทำให้หัวเราะร่า
มารีอยู่ในร้านค้านี้ล้วนทำมานานขนาดไหนแล้ว? เถ้าแก่ของร้านค้านี้กับมารีล้วนมีอะไรกัน!
สาเหตุที่มารีสามารถนั่งมั่นคงอยู่ตรงตำแหน่งรองผู้จัดการ ก็เนื่องเพราะมีเถ้าแก่ช่วยเหลืออยู่
มารีทำงานอยู่ในร้านค้าHermesไม่รู้นานเท่าไหร่แล้ว เถ้าแก่นี้เป็นไปได้ยังไงที่จะเซ้งร้านออกมาอย่างง่ายดายล่ะ?
ดังนั้นก็อยู่ในเวลานี้ เงากายเงาหนึ่งบุกเข้ามาอย่างรีบเร่ง เพียงแค่เห็นฝ่ายตรงข้ามทำหน้าแบบยิ้มๆ “ขอถามหน่อยว่าเป็นคุณเนี่ยหรือเปล่า?”
คนคนนี้ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นเถ้าแก่ของร้านHermesในตึกจิงจั้วหมิงเฉิงนั่นเอง
หลังจากมารีเห็นเถ้าแก่มาแล้ว เข้าไปหัวเราะเยาะในทันทีพูดว่า “เถ้าแก่คุณดูสิก็คือไอ้คนคนนี้บุกเข้ามาในร้านค้าของพวกเราคุยโวโอ้อวดอย่างไร้ยางอายว่าจะเซ้งร้านค้านี้ขึ้นมาล่ะ!”
ใบหน้าของเถ้าแก่บึ้งขึ้นในชั่วพริบตาเดียว เพียงแค่เห็นเขาหันหน้าไป โกรธตัวสั่นเหลือบมองมารีหนึ่งที “ใครให้คุณพูดสุ่มสี่สุ่มห้าอยู่ต่อหน้าคุณเนี่ยล่ะ! รีบไปกล่าวขอโทษ!”
ในชั่วพริบตาเดียวนั้นมารีก็มึนงงแล้ว เถ้าแก่ชอบเธอมากขนาดไหนล่ะ ยามปกติเธอจะเอาลมได้ลมจะเอาฝนได้ฝน ไม่เคยได้รับความไม่เป็นธรรมแบบนี้มาก่อน คาดไม่ถึงว่าเถ้าแก่ให้เธอขอโทษกับบุคคลที่รวยชั่วข้ามคืนคนหนึ่งหรือ?!
“เถ้าแก่! คุณบ้าไปแล้วหรือ ไอ้คนนี้ก็คือคนบ้านนอกคอกนาคนหนึ่ง พวกเขาเพียงแค่บุคคลที่รวยชั่วข้ามคืน พวกเขาจะมีเงินมากมายขนาดนั้นจากไหนสามารถเซ้งร้านค้าล่ะ!”
เถ้าแก่กลับเตะไปยังมารีอย่างโหดร้ายหนึ่งที เตะมารีจนล้มลงอยู่กับพื้น!
“พูดไม่เป็นก็หุบปากซะ หากล่วงเกินคุณเนี่ยลองดูสิผมจะไม่ฉีกให้คุณเป็นชิ้นๆ!”
มารีน้อยเนื้อต่ำใจร้องไห้ออกมา และคุณนายถังมองเห็นฉากนี้ เบิกตาโพลงทั้งคู่ ไอ้คนทั้งสองนี้ตกลงว่ามีภูมิหลังอะไรกันแน่? สวมใส่ธรรมดาๆ ทำไมมีเงินมากมายขนาดนี้ล่ะ?!
“คุณเนี่ย ต่อจากนี้ร้านค้านี้ก็เป็นของคุณแล้ว และวันหลังถ้าคุณอยากจะลงทุนอะไรอีก เพียงแต่ติดต่อข้าน้อย นี่เป็นความลำบากของข้าน้อยเอง!”
เพียงเห็นเถ้าแก่คนนั้นรีบหยิบนามบัตรออกมายื่นออกไป พูดประจบแบบนี้
“ช่วงนี้อยากจะมาทำการค้าขายเล็กน้อยอยู่ในเมืองเยี่ยนตูจริงๆก็คือไม่รู้ว่าจะลงทุนอะไรจึงจะดี หลังจากนั้นแล้วพวกคุณมีการลงทุนอะไรที่ดีค่อยติดต่อๆผมเถอะ ใช่แล้ว ไล่คนเหล่านี้ออกไปให้ผมให้หมด ที่รักของบ้านผมจะเลือกเสื้อผ้าแล้ว”
เนี่ยเฟิงพูดอยู่จ้องมองคุณนายถังหนึ่งที คุณนายถังอึ้งชะงักอยู่กับที่แล้ว อยากจะเซ้งร้านค้าแบรนด์หรูร้านนี้ขึ้นมา เซ้งสินค้าเหล่านี้ทั้งหมดเลย แต่ว่าจะต้องใช้เงินก้อนใหญ่มากนะ!
อีกทั้งเมื่อกี้ได้ยินคำพูดของพวกเขา พวกเขาดูเหมือนไม่ใช่คนในพื้นที่
ตอนที่คุณนายถังถูกไล่ออกไปยังมึนงงเต็มใบหน้าอยู่ แต่ว่าเธอคิดดูแล้วช่วงนี้สามีไม่ใช่ทำการค้าขายอยู่หรือ? อาจจะสามารถแนะนำไอ้คนที่ทั้งมีเงินพูดค่อนข้างดังทั้งโง่คนนี้ให้กับเขา!
ในเวลานี้คุณนายถังก็ไม่ใส่ใจว่าจะซื้อรองเท้าแล้ว เธอกลับไปอย่างรีบเร่ง
ในร้านนั้นไม่มีคนเลยจริงๆ ยังเหลือพนักงานที่ไม่ได้ถูกไล่ออกไม่กี่คน
หมิงอี๋หานทั้งเลือกเสื้อผ้าอยู่ ทั้งถามว่า “แกซื้อร้านค้านี้ออกมาแล้วจริงๆหรือ?”
“ไม่มีล่ะ” เนี่ยเฟิงส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก
“งั้นแกซื้อใจเถ้าแก่คนนั้นแล้วหรือ? แต่ฉันเห็นเถ้าแก่คนนั้นกับรองผู้จัดการมีความสัมพันธ์กันเล็กน้อยล่ะ ทำไมเขาจะปฏิบัติต่อรองผู้จัดการแบบนี้หรือ?”
หมิงอี๋หานมือเท้าว่องไวหาชุดเดรสได้หลายชุด เธอเดินเข้าไปในห้องลองเสื้อ เปลี่ยนเสื้อเลย
ทั้งสองคนคุยกันผ่านประตูบานหนึ่งอยู่ที่นั่น
“ผมไม่ได้พูดว่าจะซื้อ เพราะว่าร้านค้าของเถ้าแก่คนนั้นเดิมทีก็เป็นของผมอยู่แล้วตึกจิงจั้วหมิงเฉิงทั้งตึกนี้ล้วนเป็นอุตสาหกรรมการผลิตของสำนักมังกร”
เนี่ยเฟิงค่อยๆทยอยตอบกลับแบบนี้ แต่มือของหมิงอี๋หานที่เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องลองเสื้อเห็นได้ชัดว่า หยุดชะงักแล้วหยุดชะงักอีก
เธอรู้ว่าสำนักมังกรมีเงิน แต่นึกไม่ถึงว่ามีเงินขนาดนั้น ตึกจิงจั้วหมิงเฉิงทั้งตึก อาคารใหญ่ตึกจิงจั้วหมิงเฉิงล้วนเป็นของเนี่ยเฟิง
กำไรสุทธิแต่ละเดือนของตึกจิงจั้วหมิงเฉิงล้วนบรรลุถึงหลายพันล้าน
หมิงอี๋หานผลักประตูออกเดินออกมา “งั้นแกช่างมีเงินจริงๆนะ มิน่าล่ะในตอนต้นเวลาที่ฉันบอกว่าจะเลี้ยงแก แกปฏิเสธทันทีเลย”
ในเวลานี้เนี่ยเฟิงเงยหน้าขึ้น จ้องมองไปยังหมิงอี๋หาน มีเพียงชั่วพริบตาเดียวเขาเหม่อลอยแล้วเหม่อลอยอีก
ที่หมิงอี๋หานสวมใส่คือชุดเดรสสีน้ำเงินขาวชุดหนึ่งดูแล้วเป็นวัยรุ่นมาก มุมปากของเธอยักรอยยิ้มนิดๆขึ้นมาหนึ่งที ชุดเดรสสีน้ำเงินขาวนั้นดูแล้วก็ไร้เดียงสามาก แต่ว่าสวมใส่อยู่บนกายของเธอกลับมีความยั่วยวนแบบหนึ่งอีกที่แปลกประหลาดมาก
ผมของหมิงอี๋หานปล่อยลงมา เส้นผมที่ดำเงานั้นก็เหมือนดั่งน้ำพุ แม้ว่าบนใบหน้าไม่ได้ตบแป้งใดๆ แต่ว่าเธอกลับเหมือนเครื่องปั้นดินเผา สวยมาก
โดยเฉพาะตาหงส์ที่เฉี่ยวคู่นั้นเป็นการดึงดูดใจคนจริงๆ
“ทำไมไม่พูดล่ะ?” เสียงของหมิงอี๋หานขัดความคิดของเนี่ยเฟิงไปเลย
เนี่ยเฟิงแสยะปากยิ้มหนึ่งที “ตะลึงงันกับความสวยงามของพี่สี่แล้ว ดังนั้นชั่วพริบตาเดียวล้วนพูดอะไรไม่ออกล่ะ!”
หมิงอี๋หานอมยิ้มหนึ่งที “ผู้หญิงที่ราชามังกรของสำนักมังกรที่ได้เจอมาก่อนยังน้อยอยู่หรือ?”
“ไอ่! พี่สี่ คุณอย่าคิดอย่างนี้เลย! คนอย่างผมคนนี้สะอาดบริสุทธิ์มากนะ”
หมิงอี๋หาน ฮึ เสียงหนึ่ง “ฉันเห็นแกไม่เหมือนคนที่สะอาดบริสุทธิ์เลย”
“พี่สี่ นี่คุณช่างปลักปลำผมแล้วจริงๆ ผมไม่ว่าดูจากด้านไหนล้วนสะอาดบริสุทธิ์ โอเคไหม เสื้อชุดนี้ช่างเหมาะสมกับพี่สี่จริงๆล่ะ!”
เนี่ยเฟิงก็ยังไม่เคยเห็นลักษณะท่าทีที่หมิงอี๋หานสวมใส่นอกจากชุดลำลองกับเสื้อกาวน์มาก่อน ชุดเดรสสีน้ำเงินขาวชุดนี้ เสริมให้รูปร่างของหมิงอี๋หานเด่นจนเรียกได้ว่าถึงอกถึงใจ
“ไม่ได้ พวกเราต้องแสดงให้เหมือนพ่อค้าที่ร่ำรวยที่ทั้งมีเงินพูดดังกว่าทั้งสมองทึ่มๆ บุคลากรเหมือนอย่างนี้คือเป้าหมายที่พวกเขาจะเสาะหา ฉลาดเฉียบแหลมเกินไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะลงมือ”
หมิงอี๋หานดูแล้วดูอีก จากนั้นก็เอาเสื้อผ้าอีกหลายตัวเข้าไปลอง ครั้งนี้ที่ลองออกมาเสื้อชุดนี้โอเวอร์สุดขีดจริงๆ
ชุดเดรสสีชมพู คอขนนกที่โอเวอร์ กระโปรงหลังชมพูที่สวยพื้นๆจนสุดขีดคู่กับซับในสีขาวอีก เป็นนกตัวเป็นๆตัวหนึ่ง
แต่ว่าชุดเดรสที่ทั้งสวยสดงดงามทั้งสวยพื้นๆถึงขีดสุดแบบนี้สวมใส่อยู่บนกายของหมิงอี๋หานกลับปะทะออกมาเป็นประกายไฟที่ไม่เหมือนกันแล้ว
ผู้หญิงที่งดงามถึงแม้ว่าสวมใส่แค่กระสอบก็ดูดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเสื้อที่เข้ารูปแบบนี้เลย ถ้าหากว่าปิดหน้าไว้ไม่เห็นล่ะก็ รูปร่างนั้นก็เซ็กซี่เหลือเกิน
แต่ว่าดูไปทั้งตัวกลับทำให้คนรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้งดงามจริงๆ!
หมิงอี๋หานส่องกระจก ส่องแล้วส่องอีก จากนั้นพึงพอใจอย่างมาก พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก “ก็จะเอาเสื้อผ้าสไตล์แบบนี้ล่ะ ต่อจากนี้ไปเลือกเครื่องประดับเล็กน้อย”
หลังจากหมิงอี๋หานเลือกไปสักพัก จากนั้นเลือกเสื้อผ้าหลายชุดให้กับเนี่ยเฟิงอีก เนี่ยเฟิงจ้องมองเสื้อผ้าหลายชุดนั้นอดไม่ได้ที่จะตลกจนอดไม่ได้หัวเราะออกมา
“เสื้อผ้าเหล่านี้ดูแล้วไม่เหมาะสมกับผมเลย”
“ไม่เหมาะสมกับแก แต่ว่าสอดคล้องกับสถานะบุคคลที่รวยชั่วข้ามคืนคนหนึ่ง เอาล่ะ อย่าพูดจาไร้สาระเลย รีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเหล่านี้เถอะ”
ที่เนี่ยเฟิงสวมใส่คือชุดสูทราคาแพงชุดหนึ่ง ตอนที่เขาสวมใส่ชุดสูทชุดนี้เดินออกมา ตาหมิงอี๋หานสว่างทันที “ฉันยังคิดว่าจะเชยมากล่ะ”