พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 292 คืนดีกัน
“ฉันก็ไม่เคยแค้นใจพวกคุณมาก่อน ไม่ว่าพวกคุณจะปฏิบัติต่อฉันยังไงฉันล้วนไม่เป็นไร”
ถ้าหากว่าชิวมู่เฉิงเป็นคนที่คิดเล็กคิดน้อยมากมายขนาดนั้นล่ะก็ งั้นเธอก็พ้นไปจากตระกูลชิวด้วยตัวคนเดียวมานานแล้ว
ความสามารถของตนเองถูกขุดค้นออกมา เธอจะไม่รู้เหรอ?
ถึงแม้ว่าเธอรู้แต่ก็ยังอยู่ที่ตระกูลชิวต่อ ไม่ใช่เพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณเหรอ?
สิ่งที่เธอให้กับตระกูลชิวมากพอแล้ว คุณนายใหญ่เลี้ยงดูสั่งสอนพวกเขาคนกลุ่มนี้อย่างตั้งอกตั้งใจ เพียงแค่เพื่อจะหาผู้บุกเบิกคนหนึ่งที่สามารถช่วยเธอเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของพวกเขาคนทั้งตระกูลเท่านั้น
ดังนั้นในตอนต้นชิวมู่เฉิงจึงไปอย่างตัดขาดขนาดนี้ เพราะว่าคนเหล่านั้นไม่เคารพต่อเธอได้ แต่ว่าทำร้ายเนี่ยเฟิงน้องชายสุดที่รักของเธอไม่ได้
“ฉันก็รู้ว่าแกจะไม่ใจแคบขนาดนั้น ยังแค้นใจคุณย่าอยู่ คุณย่าขอโทษแก ในเวลานั้นฉันก็ถูกพุ่งใส่สมองจนสติเลอะเลือน ไม่เข้าใจว่าแกทำไมต้องทำเช่นนี้ แต่ว่านึกขึ้นมาคุณย่าเสียใจภายหลังอย่างมากจริงๆล่ะ ถึงยังไงแกก็เป็นหลานสาวของฉัน ฉันจะใช้คำพูดหนักขนาดนั้นพูดกับแกได้ยังไงล่ะ?”
คุณนายใหญ่พูดถึงตรงนี้อดไม่ไหวที่จะไอสองที แต่เนี่ยเฟิงล้วนยืนอยู่หน้าประตูไม่พูดแม้แต่คำเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ
“มู่เฉิง ในเมื่อแกกลับมาแล้ว งั้นก็กลับไปตระกูลชิวเถอะ? ตระกูลชิวขาดแกไม่ได้”
มีหลายคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย เป็นผู้นำคนนั้นคือผู้ชายที่สวมใส่แว่นตา ผมหวีจนมันเงาวาว เขาสวมชุดสูททั้งตัวรองเท้าหนังดูแล้วสุภาพเรียบร้อยมีมารยาท
แต่ว่าในสมัยนี้คนที่สุภาพเรียบร้อยมีมารยาทก็ไม่แน่ที่จะเป็นคนดีอะไร
ชิวมู่เฉิงขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก “ในตอนต้นฉันเคยพูดต่อหน้าสื่อมวลชนมากมายขนาดนั้นไปแล้ว วันหลังจะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับตระกูลชิวอีก”
“แกพูดอย่างนี้ คุณอาจจะรู้สึกเจ็บปวดใจมาก ไม่ว่ายังไงผมก็เป็นคนที่เห็นแกเติบโตกับตา ผมรู้ว่าแกเป็นคนแบบไหน สื่อมวลชนฝั่งโน้นแกไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะไปจัดการช่วยแกเอง!”
บนใบหน้าของคุณอาคนนั้นปรากฏสีหน้าที่ปวดร้าวใจมากออกมา ดูแล้วเหมือนหวังว่าชิวมู่เฉิงจะได้กลับไปตระกูลชิวอย่างมากจริงๆ แต่ว่าเมื่อกี้พวกเขาทั้งๆที่มองดูอย่างเงียบๆ
ลักษณะท่าทีไม่เหมือนอยากจะหวังให้ชิวมู่เฉิงกลับไปสักนิด กลับยังมีความร้อนใจเล็กน้อย เห็นลักษณะท่าทีแล้ว ไอ้คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่เสแสร้งจอมปลอม
“ไม่ต้องแล้ว วันนี้ฉันเพียงแค่มาเยี่ยมคุณนายใหญ่ สำหรับคุณนายใหญ่ป่วยหนักไม่สบายเรื่องนี้ ทำให้ฉันรู้สึกปวดร้าวใจมากจริงๆ คุณนายใหญ่ท่านพักผ่อนอยู่ในโรงพยาบาลให้ดีๆเถอะ”
ชิวมู่เฉิงขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีกนิดๆ
“มู่เฉิง แกนี่ก็จะทิ้งฉันไปอย่างนี้เลยเหรอ? คุณย่าล้วนคิดถึงแกทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ว่าแกไปอย่างตัดขาดขนาดนั้น ก็ไม่เคยหันกลับมาสักครั้ง แกก็รู้ว่าคุณย่าคนนี้ดื้อรั้นสุดขั้วพบเจอกับเรื่องราวง่ายที่จะขลุกอยู่กับปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ว่าตอนนี้คุณย่าคิดอย่างชัดเจนแล้ว คุณย่าผิดต่อแกมากดังนั้นคุณย่าอยากจะชดเชยแก! แกกลับมาเถอะ!”
เนี่ยเฟิงจ้องมองพวกเขาเล่นหมากด้วยความผูกพันอยู่ที่นั่น ในใจคิดอยู่ว่าในนั้นย่อมมีเบื้องหลังอะไรอย่างแน่นอน
“มู่เฉิง ในเมื่อคุณนายใหญ่ล้วนวิงวอนคุณขนาดนี้แล้ว หรือว่าคุณก็ไม่สามารถรับปากการขอร้องของคนที่ใกล้จะตายคนหนึ่งเหรอ? อย่างนี้สำหรับพวกเรามากล่าวแล้วก็ไม่ค่อยมีความเมตตาเท่าไหร่แล้ว”
ลูกตาเนี่ยเฟิงหมุนหนึ่งทีจากนั้นพูดแทรกขึ้นมา คนอื่นๆขมวดคิ้วขึ้นมานิดๆ ไม่รู้ว่าทำไมเนี่ยเฟิงจะช่วยเกลี้ยกล่อมชิวมู่เฉิงกลับไปตระกูลชิวในเวลานี้
ชิวมู่เฉิงก็สงสัยงงงวยเช่นกันจ้องมองไปยังเนี่ยเฟิง แต่ว่าสำหรับเนี่ยเฟิงล้วนพอขอร้องชิวมู่เฉิงก็รับปากทันทีมาโดยตลอด ในเมื่อเนี่ยเฟิงพูดอย่างนี้แล้ว ชิวมู่เฉิงมีอย่างที่ไหนจะไม่รับปากเพียงแค่เห็นชิวมู่เฉิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นคืนนี้ก็กลับไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อเถอะ?”
หลังจากคุณนายใหญ่มองเห็นชิวมู่เฉิงรับปากแล้ว ตีเหล็กเมื่อยังร้อนทันที ชิวมู่เฉิงขานรับหนึ่งที จากนั้นออกไปจากโรงพยาบาล
ตอนที่ออกมาเอารถ ชิวมู่เฉิงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “แกทำไมจะให้ฉันรับปากการขอร้องของคุณนายใหญ่เหรอ?”
“อาจจะเนื่องเพราะผมรู้สึกว่าคุณนายใหญ่ค่อนข้างน่าสงสารมั้ง?”
ชิวมู่เฉิงกลับส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก “ถ้าเป็นคนก็จะมีตอนที่เกิดแก่เจ็บตาย ฉันไม่รู้สึกว่าคุณนายใหญ่น่าสงสารเลย ฉันเพียงแค่รู้สึกเรื่องบนโลกล้วนเป็นอนิจจัง พูดได้อีกว่าพวกเขาเหยียดหยามแกขนาดไหนในวันนั้น ตอนนี้ฉันยังจำได้ บ้านนี้ฉันไม่กลับยังจะดีกว่า”
“กลับไปย่อมต้องกลับไปอยู่แล้ว คุณคิดดูสิทะเบียนบ้านของคุณยังอยู่ในมือของพวกเขาล่ะ ถึงเวลานั้นพวกเขาใช้อันนี้มาแส่หาเรื่อง งั้นคุณควรจะทำยังไงดีล่ะ?”
เนี่ยเฟิงห้ามความคิดของชิวมู่เฉิงไว้ เนี่ยเฟิงก็รู้ว่าชิวมู่เฉิงหวังดีต่อตัวเขาเอง แต่เนี่ยเฟิงอยากจะดูว่าคนของตระกูลชิวตกลงว่าจะดีดลูกคิดที่สมปรารถนาอะไรกันแน่
คุณนายใหญ่คนนี้ไม่ใช่เล่นๆอะไรอย่างแน่นอน เธอมีความคิดของตนเอง ดังนั้นมักจะชอบไปควบคุมคนอื่น ในตอนต้นชิวมู่เฉิงอยู่ในมือของคุณนายใหญ่ไม่ใช่แค่หมากรุกเม็ดหนึ่งเหรอ?
ในเวลานั้นชิวมู่เฉิงทั้งเป็นเด็กดีทั้งเชื่อฟัง ดังนั้นคุณนายใหญ่ภาคภูมิใจ เพียงแค่หลังจากนั้นชิวมู่เฉิงได้พ้นจากการคุมขังของคุณนายใหญ่แล้ว ดังนั้นคุณนายใหญ่จึงแค้นอับอายจนโกรธ
ชิวมู่เฉิงจากไปนานขนาดนั้น ก็ไม่เคยเห็นคุณนายใหญ่มาหาเธอ อีกทั้งยังรีบร้อนที่จะปัดความสัมพันธ์ของเธอออกให้ชัดเจน สิ่งที่กลัวไม่ใช่ก็คือตระกูลฟางเข้ามาหาเหรอ?
หลังจากนั้นพวกเขาฟางซื่อเหาล้มละลายแล้ว ตระกูลชิวก็ไม่ได้กลับมาหาชิวมู่เฉิงเหมือนเดิม แท้ที่จริงทุกคนล้วนรู้อยู่แก่ใจ คุณนายใหญ่จะเรียกชิวมู่เฉิงกลับไปในเวลานี้ ก็เนื่องเพราะตระกูลชิวตอนนี้ดั่งฝูงมังกรที่ไม่มีหัวแล้วนั่นเอง
คนอย่างชิวซือมี่แบบนี้เป็นไปได้ยังไงที่จะนำตระกูลชิวยิ่งก้าวหน้าอีกขั้นหนึ่งล่ะ ไม่ได้ล้างผลาญอุตสาหกรรมการผลิตของตระกูลชิวจนหมดก็ขอบคุณฟ้าขอบคุณดินแล้ว
ตั้งแต่ครั้งที่แล้วหลังจากเรื่องนั้น ชิวซือมี่ก็ไม่กล้าแสดงตัวตนอยู่ต่อหน้าพวกเขาอีกแล้ว
ไปโรงพยาบาลกลับไม่ได้เห็นชิวซือมี่ แต่ยากที่จะรับรองว่าตอนที่กินข้าวจะไม่พบเจอเธอ
แต่ว่าเนี่ยเฟิงก็ไม่กังวล เพียงแค่เป็นไอ้คนคนหนึ่งที่ไม่สามารถปรากฏตัวตามสังคมได้เท่านั้น
“คุณนายใหญ่เข้มงวดต่อคนมากมาโดยตลอด จะไม่มีกิริยาท่าทางที่สนิทสนมอย่างนั้น วันนี้ตอนที่เธอให้ฉันชิดใกล้กับเธอ ฉันขนลุกขนพองทั้งตัวจริงๆ”
ชิวมู่เฉิงนึกถึงฉากนั้นเมื่อกี้ เธออดไม่ไหวที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา
เนี่ยเฟิงมองเห็นลักษณะท่าทีอย่างนี้ของชิวมู่เฉิง ไม่รู้ทำไมมักรู้สึกอยากจะหัวเราะเป็นพิเศษ แม้ว่าชิวมู่เฉิงดูแล้วเอาจริงเอาจังมาก แต่ก็ทำให้เนี่ยเฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“คืนนี้ไปกินข้าวเป็นไปได้มากอาจจะเป็นงานเลี้ยงที่มีเลศนัยแอบแฝง ผมกังวลว่าพี่ใหญ่จะใจอ่อน ถึงเวลานั้นพวกเขาพูดอะไรคุณก็ทำอย่างนั้น จะไม่กลายเป็นเครื่องมือที่ให้พวกเขาบงการอีกเหรอ?”
เนี่ยเฟิงพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจของตนเองออกมา ชิวมู่เฉิงกลับส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก
“ฉันไม่ได้เป็นคนที่ใจอ่อนง่ายขนาดนั้น ถึงแม้รู้ว่าคุณนายใหญ่เป็นมะเร็งอยู่ได้ไม่นานแล้ว แต่นี่ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันมากเลย”
ไม่ใช่ชิวมู่เฉิงคนนี้ไร้น้ำใจเลย แต่คือตอนที่ชิวมู่เฉิงอยู่ด้วยกันกับคุณนายใหญ่ความสัมพันธ์มักจะเหมือนระดับบนล่าง คุณนายใหญ่พยายามขูดรีดชิวมู่เฉิงต่ออย่างที่สุด แต่ส่วนของชิวมู่เฉิงถวายตนเองให้กับตระกูลชิวแล้ว
ชิวมู่เฉิงทำเรื่องมากมายเพื่อตระกูลชิวมาเยอะแล้ว นับยังไงก็นับไม่ถ้วนและนับไม่ชัดเจน
เธอจัดหาผลกำไรจำนวนมาก และฐานะสังคมในปัจจุบันนี้ให้กับตระกูลชิว แต่ว่าคุณนายใหญ่ชิวเป็นคนที่ใจโลภคนหนึ่ง เธอไม่อยากหยุดอยู่แค่นี้เลย
ดังนั้นจับฉวยโอกาสได้ก็คิดที่จะโยนชิวมู่เฉิงทิ้งออกไป เพียงแค่แต่งงานกับฟางซื่อเหาดังนั้นพวกเขาตระกูลชิวก็จะยิ่งสามารถก้าวหน้าอีกขั้นหนึ่งแล้ว ในใจคุณนายใหญ่ก็คิดเช่นนี้อยู่
อยู่ในใจของคุณนายใหญ่ ชิวมู่เฉิงก็คือหมากรุกตัวหนึ่งจริงๆ