พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 293 งานเลี้ยงของตระกูล
ถึงตอนเย็นพวกเขามาถึงตระกูลชิว ตระกูลชิวกลับจัดแต่งลักษณะโบราณ ดูแล้วมีรสนิยมมาก คุณนายใหญ่นั่งรถเข็นกลับมาจากสถานพักฟื้น อาหารเต็มโต๊ะ
คุณนายใหญ่เห็นชิวมู่เฉิงกลับมาแล้ว บนใบหน้าเบ่งบานรอยยิ้มออกมา เธอรีบเรียกชิวมู่เฉิงมานั่งอยู่ข้างกายตนเอง
เนี่ยเฟิงนึกไม่ถึงว่า คนในตระกูลนี้ช่างเยอะมากนะ เพราะว่าคุณนายใหญ่ชิวไม่มีลูกๆ เนี่ยเฟิงยังคิดว่าคุณนายใหญ่ชิวไม่มีญาติคนอื่นๆ แต่นึกไม่ถึงพวกพี่น้องของคุณนายใหญ่ชิวกลับมีลูกมากมาย
และพวกเด็กๆเหล่านี้ล้วนจับจ้องอุตสาหกรรมการผลิตของตระกูลชิวมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับคุณนายใหญ่มาก แต่พวกเขากลับแย่งกันมากตัญญูคุณนายใหญ่ นี่ก็เป็นพ่อแม่ของพวกเขาแนะนำให้ทำเช่นกัน
ถึงยังไงประจบคุณนายใหญ่ให้ดีๆ อาจจะหลังจากรอคุณนายใหญ่ตายไปแล้ว ก็ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะได้รับมรดกด้วยเช่นกัน
เพียงแค่ว่าคุณนายใหญ่รับเลี้ยงเด็กไม่น้อย ในเด็กๆเหล่านี้คนที่มีฝีมือที่สุดก็คือชิวมู่เฉิงคนนั้น
เด็กที่คุณนายใหญ่รับเลี้ยงเหล่านี้จึงเป็นทายาทอันดับแรก
ด้วยเหตุนี้พวกเขาคิดอีกวิธีหนึ่ง นั่นก็คือประจบทายาทอันดับแรกเหล่านี้ พวกเขาคิดหลายวิธีที่จะประจบชิวมู่เฉิง แต่ว่าชิวมู่เฉิงก็เหมือนดั่งท่อนไม้ไม่สั่นไหวเลย พวกเขาไม่มีทางอื่นได้แต่ไปหาประจบคนอื่น
แต่ว่าตอนนี้สภาพการณ์ไม่เหมือนเดิมแล้ว ในหลายวันก่อนคุณนายใหญ่เพิ่งเอ่ยปากออกมา ใครที่สามารถช่วยตระกูลชิวผ่านพ้นด่านที่ยากลำบากได้ คนนั้นจะเป็นทายาทอันดับแรก ดังนั้นพวกเขาไม่หวังที่จะให้ชิวมู่เฉิงกลับไปเลย แต่ว่าคุณนายใหญ่กลับคิดถึงชิวมู่เฉิงมาโดยตลอด สำคัญคือความสามารถของชิวมู่เฉิงเลิศล้ำกว่า
อีกทั้งชิวมู่เฉิงก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน
คุณนายใหญ่จ้องมองชิวมู่เฉิงตาทั้งคู่เปล่งแสงออกมา เนี่ยเฟิงสามารถรู้สึกถึงว่าคุณนายใหญ่ก็เหมือนดั่งคนที่ใกล้จะจมน้ำตายกลับได้ฟางข้าวที่ช่วยชีวิตไว้ต้นหนึ่ง ชิวมู่เฉิงก็เข้าใจว่าสาเหตุที่คุณนายใหญ่สนิทกับตนเองมากขนาดนั้น ตามความจริงก็คืออยากให้ชิวมู่เฉิงดูแลควบคุมอุตสาหกรรมการผลิตของตระกูลชิวใหม่อีกครั้ง
“มู่เฉิง แกดูสิอาหารที่อยู่บนโต๊ะนี้ล้วนเป็นสิ่งที่แกชอบกินที่สุด มาๆๆ รีบลงมือเถอะ คุณย่าก็ไม่รู้ว่ายังมีเวลานานขนาดไหนที่จะกินข้าวเป็นเพื่อนแกแล้ว”
ถ้าหากว่าเป็นคนทั่วไปอาจจะใจอ่อนไปนานแล้ว แต่ว่าชิวมู่เฉิงไม่ใช่คนทั่วไป ถ้าหากว่าเธอจิตใจลังเลไม่มีความเด็ดขาดเหมือนดั่งผู้หญิงคนอื่นๆ งั้นเธอก็เป็นไปไม่ได้ที่จะฟันฝ่าต่อสู้ในวงการธุรกิจจนมีพื้นดินแห่งหนึ่งให้กับตนเอง
ชิวมู่เฉิงเป็นคนที่เด็ดขาดคนหนึ่ง เธอรู้ว่าควรตัดหากไม่ตัดย่อมต้องรับความวุ่นวาย
ถ้าหากว่าอยากจะอธิบายอย่างฝืนๆชิวมู่เฉิงเธอคนนี้อาจจะมีความเลือดเย็นเล็กน้อย เพียงแค่ว่าชิวมู่เฉิงเข้าใจว่าตนเองต้องการอะไรบ้าง ไม่ต้องการอะไรบ้าง
สำหรับคุณนายใหญ่มากล่าวแล้วชิวมู่เฉิงเพียงแค่เป็นหมากรุกตัวหนึ่งที่ใช้ไปแล้วทิ้งเท่านั้น ไม่สามารถสร้างผลประโยชน์ให้เธอยิ่งมากกว่านี้อีก งั้นก็จะไม่มีมูลค่าใดๆ
คุณนายใหญ่เป็นคนที่เห็นแก่ผลประโยชน์มาก ชิวมู่เฉิงก็เช่นกันชิวมู่เฉิงตั้งแต่ต้นจนจบใจล้วนเอียงไปทางเนี่ยเฟิง ชิวมู่เฉิงอยากจะให้ทั้งหมดแก่เนี่ยเฟิง เพียงแค่เนี่ยเฟิงต้องการงั้นชิวมู่เฉิงก็จะไปสร้างให้
ในเวลานี้เนี่ยเฟิงลงมือเริ่มกินแล้ว ดูแล้วสุขใจเหลือเกิน ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะได้กินล่ะ ไอ้คนที่ไม่รู้จักระเบียบขนาดนั้น ถึงขนาดลงมือก่อนแล้ว ผู้ใหญ่โกรธตัวสั่นตำหนิในทันทีพูดว่า “ไอ้สารเลวที่มาจากไหนเหรอ? ไม่เห็นว่าคุณนายใหญ่เจ้าบ้านยังไม่ได้ลงมือเหรอ? คุณมีสิทธิ์อะไรลงมือกินก่อนวางตะเกียงลงเดี๋ยวนี้!”
“ก็ใช่สิ คุณก็ไม่ได้รับการสั่งสอนอบรมจากทางบ้านมากเกินไปแล้วล่ะ คุณนายใหญ่ยังไม่ได้บอกว่าเริ่มกินล่ะ คุณก็กินก่อนแล้ว หรือว่าคุณอายุมากกว่าคุณนายใหญ่เหรอ?”
พวกเขาเหมือนดั่งหาเจอที่ระบาย ต่างคนต่างแย่งกันพูดโจมตีเนี่ยเฟิงอยู่ เนี่ยเฟิงยัดลูกชิ้นเนื้อลูกหนึ่งเข้าไปในปาก “เป็นยังไงแล้วล่ะ? ไม่ใช่เลี้ยงแขกกินข้าวเหรอ? ในเมื่อผมเป็นแขก งั้นผมลงมือกินก็จะเป็นยังไงล่ะ? พูดได้อีกว่าหิวใกล้จะตายแล้ว หรือว่ายังต้องฟังพวกคุณทักทายตามธรรมเนียมเหรอ?”
คำพูดนี้ของเนี่ยเฟิง ทำให้ผู้ใหญ่และคุณนายใหญ่ที่อยู่ในงานล้วนไม่พอใจ พวกเขาล้วนถูกคนยกย่องจนชินมาโดยตลอด เป็นไปได้ยังไงที่จะได้รับการมองข้ามแบบนี้ล่ะ?
ตามความจริงเนี่ยเฟิงเพียงแค่ใช้วิธีของเธอไปลงโทษตัวเธอเองเท่านั้น เนี่ยเฟิงเห็นพวกเขาดูตัวเขาเองเหมือนดั่งคนไม่มีตัวตน ดังนั้นเขาก็ถือว่าคนเหล่านั้นไม่คงอยู่เช่นกัน มัวแต่กินข้าวของตนเอง เพียงแค่นึกไม่ถึงว่าทันทีที่เขามองข้าม คนเหล่านั้นกลับมีพลังมีกำลังออกมา
“พวกคุณโปรดอย่าตำหนิเสี่ยวเฟิง เที่ยงนี้เสี่ยวเฟิงยังไม่ได้กินอะไร ตอนนี้หิวแล้วก็เป็นเรื่องปกติมาก ในเมื่ออาหารวางอยู่บนโต๊ะแล้ว นั่นก็คือจะให้คนกิน ทุกคนล้วนลงมือกินเถอะ”
ชิวมู่เฉิงเป็นคนที่เข้าข้างอยู่แล้ว เธอไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนเหล่านั้นสักนิด
น้องชายของเธอคิดอยากจะกินก็กิน ชิวมู่เฉิงยังคีบผักให้กับเนี่ยเฟิงด้วยตนเอง แม้แต่คุณนายใหญ่ก็ไม่มีเกียรติยศพิเศษนี้
เดิมทีคุณนายใหญ่คิดว่าเล่นหมากด้วยความผูกพันย่อมชนะแน่ๆ เพราะเธอรู้ว่าชิวมู่เฉิงใจดีและค่อนข้างใจอ่อน แต่นึกไม่ถึงว่าชิวมู่เฉิงเข้าข้างแต่เนี่ยเฟิง ไม่ว่าเนี่ยเฟิงพูดอะไรล้วนอยู่ภายใต้การจับตาดูของชิวมู่เฉิง ตรงกันข้ามพวกเขาและคนอื่นๆที่อยู่ในงานก็กลายเป็นส่วนเกินแล้ว
เนี่ยเฟิงรู้สึกว่าตนเองกลายเป็นคนพิการที่แขนขาพิการคนหนึ่ง แม้แต่ตะเกียบเขาล้วนไม่ได้ยื่นออกจากโต๊ะ ชิวมู่เฉิงก็คีบผักมาให้แล้ว อีกทั้งยังจ้องมองเนี่ยเฟิงกินอาหารเข้าไป ก็เหมือนดั่งตอนเด็กที่ชิวมู่เฉิงจ้องมองเนี่ยเฟิงกินข้าว
สภาพการณ์รวดเดียวกลายเป็นมีความอึดอัดเล็กน้อย ถึงยังไงคุณนายใหญ่จัดงานเลี้ยงนี้ก็เพื่อจะหาทางผูกมัดจิตใจชิวมู่เฉิงด้วยเล่ห์เพทุบาย แต่ชิวมู่เฉิงกลับเห็นคนอื่นไม่มีตัวตน งั้นตอนนี้ยังจะทำยังไงได้ล่ะ?
ก็อยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆคุณนายใหญ่เอ่ยปากแล้ว “อีกไม่นานก็เป็นวันเกิดของแกแล้วใช่ไหม? ก่อนหน้านั้นฉันล้วนปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมกับแก ไม่เคยฉลองวันเกิดให้กับแกดีๆ ฉันรู้ว่าฉันเข้มงวดต่อแกมาก แต่หวังว่าแกอย่าเก็บไว้ในใจ ถึงยังไงฉันก็แค่อยากให้แกกลายเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนนั้น”
แท้ที่จริงถึงแม้ว่าคุณนายใหญ่ไม่เข้มงวดกับชิวมู่เฉิง ชิวมู่เฉิงก็จะเข้มงวดต่อตนเองแบบนี้เช่นกัน เพราะว่าชิวมู่เฉิงอยากจะหาเบาะแสของเนี่ยเฟิงให้ได้ ชิวมู่เฉิงไม่เชื่อว่าเนี่ยเฟิงตายไปแล้วเลย
“ไม่ต้องแล้ว ฉันล้วนไม่เคยฉลองวันเกิดอยู่แล้ว ฉันชินแล้ว อยู่ดีๆฉลองวันเกิดจะทำให้ฉันรู้สึกปรับตัวไม่ทัน”
ชิวมู่เฉิงปฏิเสธตรงๆไม่อ้อมค้อมเลย คุณนายใหญ่รู้สึกว่าตนเองขายหน้าเล็กน้อย ถ้าหากว่าเป็นแต่ก่อนชิวมู่เฉิงพูดอย่างนี้กับตนเอง คุณนายใหญ่อาจจะโมโหแล้ว แต่ว่าคุณนายใหญ่ในตอนนี้เพียงแค่ต้านความโมโหไว้เต็มท้อง ไม่กล้าโมโห
ในตอนนี้คุณนายใหญ่ยังต้องเอาชิวมู่เฉิงไว้ให้ได้ ถึงยังไงตระกูลชิวยังต้องให้ชิวมู่เฉิงช่วย
หลังจากกินข้าวไปพอสมควรแล้ว ชิวมู่เฉิงวางตะเกียบลงแล้ว คุณนายใหญ่ชิวรู้ว่าโอกาสมาแล้ว ดังนั้นอยากจะอ้าปากหาทางผูกมัดความสัมพันธ์ แต่นึกไม่ถึงชิวมู่เฉิงเอ่ยปากก่อนเลย
“คุณนายใหญ่วันนี้ที่ฉันรับปากกลับมากินข้าวมื้อนี้ แท้ที่จริงก็มีสาเหตุของฉันเช่นกัน ฉันจะย้ายออกจากทะเบียนบ้าน”
ชิวมู่เฉิงเอ่ยปากพูดอย่างตรงๆ หลังจากคุณนายใหญ่ได้ยินแล้วเหมือนตื่นตะลึงอย่างมาก เธออดไม่ได้ที่จะเบิกตาโพลง
“อยู่ดีๆแกทำไมจะย้ายออกจากทะเบียนบ้านล่ะ? หรือว่าแกยังโมโหฉันอยู่เหรอ?”
คุณนายใหญ่พูดอยู่กลับกลายเป็นรุนแรงร้องไห้ออกมา ในตอนนี้คนอื่นๆที่กินข้าวด้วยกันเริ่มตำหนิชิวมู่เฉิงเลย