พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 294 จริยธรรมลักพาตัวไป
“แกพูดคำพูดอย่างนี้ออกมาได้ยังไง ในตอนต้นถ้าไม่ใช่คุณนายใหญ่เลี้ยงดูสั่งสอนให้การศึกษาแกอย่างตั้งอกตั้งใจ เป็นไปได้ยังไงที่แกจะมีผลงานในตอนนี้เหรอ?”
“ก็ใช่สิ ในตอนนี้คุณนายใหญ่ผ่านวันน้อยลงหนึ่งวัน แกใจแข็งพอที่จะทำให้คุณนายใหญ่เสียใจอย่างนี้เหรอ? แกทำอย่างนี้เนรคุณเกินไปแล้วจริงๆล่ะ?”
“ผมก็รู้ว่า ในตอนต้นเกิดเรื่องอย่างนั้นแกย่อมยังแค้นใจคุณนายใหญ่อยู่ แต่ความแค้นนี้ยังต้องปล่อยวางล่ะ อย่าให้ความแค้นปกปิดตาทั้งคู่ของแกเลย แกรู้ไหม?”
ทุกคนต่างคนต่างแย่งกันพูดสั่งสอนชิวมู่เฉิง เนี่ยเฟิงอยากจะพูดแทนชิวมู่เฉิงสักคำ แต่นึกไม่ถึงชิวมู่เฉิงกลับขวางเนี่ยเฟิงไว้
“พวกคุณไม่ใช่ฉัน ดังนั้นตัดสินใจแทนฉันไม่ได้”
ชิวมู่เฉิงพูดอยู่หันหน้ามองไปยังคุณนายใหญ่ “คุณย่าในตอนต้นพวกเราสัญญากันเอาไว้แล้ว เพียงแค่ฉันช่วยท่านก่อตั้งประเทศมหาอำนาจของท่านขึ้นมา งั้นถึงเวลานั้นท่านก็จะช่วยฉันหาเสี่ยวเฟิง
ผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว คำตอบที่ท่านให้ฉันล้วนมีเพียงแค่อย่างเดียวมาโดยตลอด นั่นก็คือสาบสูญไร้ร่องรอย ให้ฉันยอมแพ้ ฉันสามารถละทิ้งทุกอย่างเพื่อประเทศมหาอำนาจและชื่อเสียงเกียรติยศของท่าน เพราะว่าฉันก็ไม่หวาดกลัวสักนิด แม้กระทั่งตอนที่ท่านให้ฉันแต่งงานกับคนที่ฉันไม่ชอบ เลยสักนิด ฉันก็รับเต็มปากเต็มคำไว้เลย ล้วนเพื่อผลประโยชน์ของท่าน
ในตอนนี้ฉันก็หาคนเจอแล้ว ดังนั้นคำสัญญาฉันกับท่านยุติเพียงแค่นี้ ด้วยเหตุนี้ท่านจำเป็นต้องให้ฉันย้ายออกจากทะเบียนบ้าน
ชิวมู่เฉิงก็ไม่ได้พูดจาไร้สาระกับพวกเขาเช่นกัน แต่คือตรงๆไม่อ้อมค้อมพูดถึงเจตนาที่เดินทางมาอย่างชัดเจน สิ่งที่เธอพูดคือประโยคยืนยัน ดังนั้นไม่มีช่องทางที่ยังเหลืออยู่ให้ปรึกษาหารือใดๆ
คุณนายใหญ่เช็ดน้ำตาที่อยู่หางตาเช็ดแล้วเช็ดอีก ในใจคิดอยู่ว่าสาวน้อยคนนี้คมกริบพอจริงๆ นึกไม่ถึงกลับกลายเป็นไร้น้ำใจถึงขนาดนี้ เล่นหมากด้วยความผูกพันก็เล่นไม่สำเร็จ!
แต่ว่าถึงยังไงก็เป็นต้นหาเงินต้นหนึ่งล่ะ เป็นไปได้ยังไงที่คุณนายใหญ่จะปล่อยชิวมู่เฉิงอย่างง่ายๆแบบนี้ล่ะ ลูกตาคุณนายใหญ่หมุนหนึ่งที จากนั้นก็ร้องไห้แงๆพูดอีกว่า “ฉันรู้ว่าลูกโตแล้วถึงยังไงก็จะจากฉันไป แต่ว่าฉันก็คือยังตัดใจทิ้งแกไม่ลงล่ะ……”
“มู่เฉิง แกดูสิคุณนายใหญ่ล้วนถูกแกทรมานกลายเป็นลักษณะท่าทีแบบไหนแล้วล่ะ หมอบอกแล้วในวันเวลาสุดท้าย คุณนายใหญ่พักฟื้นตัวให้ดีๆดีที่สุด แต่คาดไม่ถึงว่าแกอยู่ในเวลานี้ยังทำให้คุณนายใหญ่โมโห แกทำอย่างนี้ก็ไม่มีความเมตตากรุณาเกินไปแล้ว ไม่ว่ายังไงคุณนายใหญ่ก็เป็นคนที่เลี้ยงแกเติบโตด้วยมือคนนั้น หรือว่ามิตรภาพของพวกแกก็มีเพียงแค่นี้เหรอ?”
“แกย่อมรู้สึกว่าตอนนี้ตระกูลชิวประสบภยันตรายแล้ว ดังนั้นแกไม่อยากไปมาหาสู่ใดๆกันกับตระกูลชิว เทียนหลงอินเตอร์เนชันแนลแห่งนั้นของแกดำเนินการอย่างเจริญรุ่งเรืองจริงๆ ดังนั้นก็ไม่รู้จักญาติยากจนอย่างพวกเราแล้ว ใช่ไหม?”
“ย่อมเป็นอย่างนี้แน่นอน ถ้าหากว่าเป็นอย่างนี้งั้นแกพูดตรงๆก็ได้แล้ว พวกเราก็ไม่ได้คิดว่าจะคบผู้ที่มีฐานะสูงกว่าอย่างพวกแกเทียนหลงอินเตอร์เนชันแนล! แต่ไม่ว่ายังไงล้วนเป็นคุณนายใหญ่ก่อตั้งขึ้นมาด้วยมือตนเอง อีกทั้งยังมีคุณงามความดีของแกส่วนหนึ่ง หรือว่าแกจะจ้องมองตระกูลชิวพังทลายไปกับตาเหรอ? คุณนายใหญ่เลี้ยงแกมาหลายปีขนาดนั้น ไม่มีคุณงามความดีก็มีความทุ่มเทกับงานมากล่ะ!”
“งั้นก็ใช่สิคุณนายใหญ่ปฏิบัติต่อแกยังไง หรือว่าแกไม่รู้ล่ะ?คุณนายใหญ่มีแบบฉบับที่ปากร้ายใจดี เธอปฏิบัติต่อแกอย่างเข้มงวด เดิมทีก็หวังดีกับแกล่ะ แต่แกกลับเข้าใจผิดน้ำใจว่าคุณนายใหญ่ถือเป็นจิตใจโฉดชั่ว แกทำอย่างนี้ไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”
ทุกคนเริ่มตำหนิชิวมู่เฉิง อีกทั้งคือเต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม เนี่ยเฟิงอยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา ในใจคิดว่าคนกลุ่มนี้ช่างกลับผิดเป็นถูกกลับดำเป็นขาวจริงๆ ความผิดอะไรล้วนยัดใส่บนหัวพี่สาวเขา
ตามความจริงคือพวกเขาได้ทีขี่แพะไล่ก่อน ในตอนต้นคุณนายใหญ่ขูดรีดชิวมู่เฉิงยังไง หรือว่าพวกเขาล้วนไม่เห็นล่ะ?
ชิวมู่เฉิงดูเหมือนชินกับสภาพการณ์แบบนี้แล้ว ดังนั้นตอนที่พวกเขาร้องเอะอะโวยวายอยู่ เธอเพียงแค่นั่งอยู่ที่นั่นไม่เอ่ยสักคำ ตาจ้องมองจานที่อยู่บนโต๊ะอย่างใจลอย
คู่กรณีไม่พูดแล้ว คุณนายใหญ่จับฉวยโอกาสเอ่ยปากทันทีว่า “มู่เฉิงฉันรู้ว่าเป็นความผิดของคุณย่า คุณย่าขอร้องแกแล้ว อย่าไปจากคุณย่าเลย ข้างกายคุณย่าไม่มีใครที่จะพึ่งพิงได้แล้ว มีเพียงแค่แกคนเดียว”
“ถ้าหากว่าไม่มีคนพึ่งพิง งั้นวันนี้ที่นั่งอยู่ที่นี่เข้าร่วมงานเลี้ยงของตระกูลกลุ่มนี้ก็เป็นอะไรอีกล่ะ?”
เนี่ยเฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง เหลือบตามองคุณนายใหญ่ที่เสแสร้งจอมปลอมหนึ่งที คุณนายใหญ่อึ้งชะงักหนึ่งทีกับคำพูดของเนี่ยเฟิงนี้
“ไอ้หนุ่ม เริ่มตั้งแต่แรกคุณก็พาลหาเรื่องมาก คุณไม่มีการสั่งสอนอบรมจากทางบ้านสักนิด ก็ไม่รู้ว่าเป็นครอบครัวแบบไหนจึงเลี้ยงคนอย่างคุณแบบนี้ออกมา ทั้งๆที่เป็นพวกผู้ใหญ่คุยกันอยู่ คุณพูดแทรกอะไรล่ะ?”
“ไม่อนุญาตให้ว่าเสี่ยวเฟิงแบบนี้”
เมื่อกี้ชิวมู่เฉิงก็เงียบไม่พูด แต่ตอนที่พวกเขาวิจารณ์โจมตีเนี่ยเฟิง ชิวมู่เฉิงก็เอ่ยปากเลย เพราะว่าชิวมู่เฉิงไม่สามารถเห็นน้องชายของตนเองถูกรังแกกับตา
คุณนายใหญ่เห็นลักษณะท่าทีที่มีทิฐิสูงมากแบบนี้ของชิวมู่เฉิง ในใจกระหืดกระหอบ
เอาล่ะ พวกคุณก็ไม่ต้องเสแสร้งอีกแล้ว ฉันรู้ว่าพวกคุณกำลังใคร่ครวญคิดการวางแผนอะไรอยู่ ในตอนนี้ตระกูลชิวเริ่มค่อยๆเข้าสู่ช่วงขาลงแล้ว พวกคุณไม่มีสักคนที่จะพลิกเปลี่ยนสถานการณ์ได้ ดังนั้นในใจมากน้อยล้วนหวาดกลัวอยู่ โดยเฉพาะคุณนายใหญ่ท่านย่อมเป็นคนที่ร้อนใจที่สุดคนนั้นล่ะ? เพราะว่าผู้ช่วยระดับสูงที่ท่านเลี้ยงดูสั่งสอนอย่างตั้งอกตั้งใจมาล้วนใช้ไม่ได้สักนิด”
เนี่ยเฟิงเคาะขี้หูแคะแล้วเคาะอีก มีการขาดความตื่นเต้นเล็กน้อยแบบนี้ เปิดโปงคุณนายใหญ่ คุณนายใหญ่นึกไม่ถึงคำพูดของเนี่ยเฟิงจะคมกริบขนาดนี้ จี้ถูกใจดำบอกสภาพการณ์ของพวกเขาออกมา
ชิวซือมี่อาจจะไม่มีหน้าที่จะมางานเลี้ยงของตระกูลล่ะ? อาจจะครั้งก่อนหวาดกลัวแล้วดังนั้นในตอนนี้ก็ไม่ได้โผล่หน้าออกมา ถ้าหากว่าวันนี้เธออยู่ที่นี่ เป็นไปได้มากที่ตนเองจะขุดรอยร้าวทะลวงเข้าไป
“ทุกคนก็ไม่ต้องเสแสร้งอีกแล้ว จุดประสงค์ที่วันนี้พวกเรามา เห็นได้ชัดมาก ล้วนเพื่อที่จะเอาทะเบียนบ้านกลับ อีกทั้ง ผมกับมู่เฉิงล้วนตัดสินใจที่จะไม่ช่วยพวกคุณแล้ว”
“คุณถือว่าเป็นอะไร คุณมีฝีมืออะไรที่จะช่วยตัดสินใจให้กับมู่เฉิงล่ะ?”
ญาติในนั้นคนหนึ่งตบโต๊ะอย่างโหดร้ายตบแล้วตบอีก ดูลักษณะท่าทีเหมือนโมโหมาก
ยังไม่ได้รอเนี่ยเฟิงเอ่ยปากล่ะ ชิวมู่เฉิงก็แย่งพูดก่อนแล้ว “ความคิดของเสี่ยวเฟิงก็คือความคิดของฉัน”
เป็นเด็กดี เป็นเหมือนอย่างที่คิดลูกสาวที่แต่งออกไปแล้วดั่งน้ำที่สาดออกไปแล้วจริงๆ ใจของชิวมู่เฉิงเข้าข้างไปยังเนี่ยเฟิงหมดเลย!
ก็ไม่รู้ว่าเนี่ยเฟิงคนนี้ตกลงว่าเทยาอีอะไรให้กับชิวมู่เฉิงกันแน่ ทำให้ชิวมู่เฉิงหลงใหลขนาดนั้น!
“ถ้าหากว่าพวกคุณอยากจะใช้จริยธรรมลักพาตัวไปจริงๆล่ะก็ งั้นผมก็จะคิดบัญชีกับพวกคุณสักหน่อย ในตอนต้นคุณนายใหญ่ถูกใจมู่เฉิงก็เนื่องเพราะฝีมือของมู่เฉิง คุณนายใหญ่เลี้ยงดูทายาทมากมายขนาดนั้น ไม่ใช่แค่ได้ใช้ผลประโยชน์ในสักวันหนึ่งเหรอ? ต่างได้เลือกสิ่งที่ต้องการเท่านั้น ไม่ต้องพูดยิ่งใหญ่ขนาดนั้น”
เนี่ยเฟิงขวางอยู่ต่อหน้าชิวมู่เฉิง ใช้วาจาเอาชนะบุคคลระดับเสือสิงห์กระทิงแรด
“ไอ้หนุ่มคาดไม่ถึงคุณบอกความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนถึงไม่น่าฟังไม่น่าเข้าหูขนาดนี้ คุณก็จะรู้อะไรอีกล่ะ!”
“พวกคุณไม่จำเป็นต้องโมโหขนาดนั้น ถ้าหากว่าไม่ได้เป็นเช่นนี้ล่ะก็ งั้นทำไมคุณนายใหญ่ชิวฝืนบีบบังคับมู่เฉิงแต่งงานกับคนที่เธอไม่ชอบเลยสักนิดคนหนึ่งล่ะ? อีกทั้งหลังจากล่วงเกินตระกูลฟางแล้ว คุณนายใหญ่ไม่ใช่ละทิ้งมู่เฉิงอย่างเด็ดขาดแล้วเหรอ? ก็แค่เพื่อที่จะปัดความสัมพันธ์ออกให้ชัดเจน หรือว่าสิ่งที่ผมพูดผิดแล้วเหรอ?”
ใบหน้าแก่ๆของคุณนายใหญ่ สีหน้าปรวนแปรไม่อาจคาดเดา ไอ้หนุ่มนี่ช่างฉลาดพูดเก่งมากจริงๆ สิ่งที่พูดจี้ถึงที่เจ็บปวดของคุณนายใหญ่จริงๆ เพราะว่าในตอนต้นคุณนายใหญ่ก็คิดอย่างนี้อยู่แล้ว
เพียงแค่คุณนายใหญ่ก็นึกไม่ถึงว่าตระกูลชิวถึงขนาดจะตกอับเช่นกัน