พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 303 กล่าวขอโทษ
เมื่อกี้เจี่ยงจื้อเหิงไม่ได้เข้ามาเพียงคนเดียวเขายังมีบอดี้การ์ดหลายคน ถึงยังไงได้ยินว่ามีคนบุกรุกโรงบ่มไวน์ของเขา ดังนั้นเขาตั้งใจพามาหลายคน
หลายคนนั้นยังเฝ้าอยู่หน้าประตู ไม่รู้ว่าเจี่ยงจื้อเหิงจะออกคำสั่งเมื่อไหร่
เจี่ยงจื้อเหิงโยนDecanterที่อยู่ในมือลงกับพื้นโดยตรง ไวน์แดงที่ราคาแพงนั้นไหลทั่วพื้น
เนี่ยเฟิงคนคนนี้ชอบพื้นไม้มากกว่า อีกทั้งราคาของพื้นเหล่านี้และการบำรุงรักษาหลังจากนั้นมาล้วนสิ้นเปลืองกำลังคน กำลังโภคทรัพย์กับกำลังทรัพย์มาก
เพียงแค่คุณมีเงินเหมือนดั่งเนี่ยเฟิงแบบนี้ เป็นไปได้ยังไงที่จะใส่ใจเรื่องเล็กน้อยนี้อีกละ?
แต่ว่าเขาไม่ใส่ใจเงิน ไม่ได้หมายถึงว่าเขาหวังให้พื้นของตนเองถูกทำให้เสียหายเลย เนี่ยเฟิงก้มหัวจ้องมองหนึ่งที พื้นนั้นถูกไวน์แดงซึมเข้าไปแล้วจริงๆ
เนี่ยเฟิงค่อยๆถอนหายใจออกหนึ่งทีจ้องมองไอ้คนหลายคนนั้นที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ พวกเขาพุ่งเข้ามาแล้ว
แม้กระทั่งยังไม่ได้จับต้องชายเสื้อของเนี่ยเฟิง แต่พวกเขาก็ถูกเนี่ยเฟิงเตะลอยออกไปแล้ว
พวกเขาล้วนเป็นบอดี้การ์ดที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีนะ เพียงแต่อยู่ต่อหน้าเนี่ยเฟิงก็เหมือนเด็กน้อยเล่นเกม อ่อนแอจริงๆเลย
ไม่นานพวกเขาก็ถูกตีจนฟันร่วงเต็มพื้น เจี่ยงจื้อเหิงก็นึกไม่ถึงว่าเนี่ยเฟิงถึงขนาดต่อสู้เก่งขนาดนี้ ทันใดนั้นเจี่ยงจื้อเหิงก็ร้อนรนแล้ว “ไอ้หนุ่มคุณอย่าโอหัง ผมจะเรียกคนมาจัดการคุณ!”
“งั้นคุณจำไว้ว่าจะเรียกก็อย่าเรียกหน้าตาน่าเกลียดแบบนี้ล่ะ คุณดูสิพวกเขาตีไม่ค่อยได้ ผมเป็นห่วงว่าอีกสักครู่คนที่คุณเรียกมาล้วนถูกผมตีจนหมอบลงแล้ว ใบหน้านี้ของคุณก็ไม่รู้จักว่าจะเอาไปวางไว้ที่ไหน”
คำพูดนี้ของเนี่ยเฟิงทำให้เจี่ยงจื้อเหิงโมโหแทบตาย นี่ก็คือยั่วยุเจี่ยงจื้อเหิงอยู่จริงๆ ที่ไหนเจี่ยงจื้อเหิงจะกลืนความแค้นนี้ลงได้ล่ะ?
“คุณรอผมเถอะ ผมจะไปเรียกคนตอนนี้ ผมจะไม่ปล่อยคุณไปอย่างเด็ดขาด อยู่ในเขตอิทธิพลของผม คุณถึงขนาดกล้าโอหังขนาดนั้น!”
เจี่ยงจื้อเหิงพูดอยู่ก็เดินไปยังนอกประตูแล้ว แต่ยังไม่ทันเดินออกไปล่ะ เจี่ยงจื้อเหิงก็เห็นบิดาของเขาพาคนกลุ่มหนึ่งมีลักษณะท่าทางที่ดุดันเดินเข้ามาในโรงบ่มไวน์แล้ว!
ในใจเจี่ยงจื้อเหิงดีใจ เดินเข้าไปรับทันที ร้องตะโกนพูดว่า “พ่อ! ในที่สุดท่านก็มาแล้ว ไม่รู้ว่าไอ้คนนี้มาจากที่ไหน ถึงขนาดกล้าบอกว่าโรงบ่มไวน์นี้เป็นของเขา อีกทั้งยังเปิดไวน์ที่แพงมากของเราขวดหนึ่ง ตอนนี้ยังตีบอดี้การ์ดของผมจนได้รับบาดเจ็บ ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับผมนะ!”
แต่ยังไม่ได้รอเจี่ยงจื้อเหิงพูดจบ เจี่ยงไลจินบิดาของเจี่ยงจื้อเหิงก็ยกเท้าเตะไปยังเจี่ยงจื้อเหิงหนึ่งที!
เจี่ยงจื้อเหิงถูกเตะจนตีลังกาหนึ่งที ชนไปยังประตูที่อยู่ข้างๆโดยตรง เขาร้องเศร้าโศกเสียงหนึ่ง เจ็บจนอย่างที่เรียกได้ว่าแยกเขี้ยวยิงฟันแบบนั้น!
“พ่อ! ท่านตีผมทำไมล่ะ?”
เจี่ยงจื้อเหิงจับหน้าอกของตนเองที่ถูกเตะจนเจ็บมากนั้นไว้ อดไม่ไหวที่จะถามแบบนี้
“ผมไม่ตีแกจะตีใครล่ะ? ถึงขนาดกล้าล่วงเกินเถ้าแก่ใหญ่ของพวกเรา คุกเข่าเดี๋ยวนี้!”
เจี่ยงไลจินมองเห็นเนี่ยเฟิงที่นั่งอยู่ข้างใน เพียงแค่รู้สึกว่าสั่นระริกทั้งตัว ทันใดนั้นเขาลากลูกชายของตนเองพุ่งเข้าไป
ยังไม่ทันที่จะรอเจี่ยงจื้อเหิงมีปฏิกิริยาขึ้นมา เจี่ยงไลจินก็ยกเท้าเตะไปยังหัวเข่าของเจี่ยงจื้อเหิงหนึ่งที เจี่ยงจื้อเหิง ฟุ้บ คุกเข่าอยู่กับพื้น คุกเข่าอยู่ต่อหน้าเนี่ยเฟิงพอดี
“ขอโทษครับคุณเนี่ย! ลูกชายของผมมีตาหามีแววไม่ล่วงเกินท่านแล้ว ลบหลู่ท่านแล้ว!”
เจี่ยงไลจินก็ไม่กล้าพูดถึงสถานะของเนี่ยเฟิงอยู่ต่อหน้าคนทั้งหลาย เพียงแค่เหมือนดั่งร่อนข้าวก้มหัวอยู่ข้างๆ
เนี่ยเฟิงเหลือบตามองเจี่ยงไลจิน ยิ้มเย็นชาหนึ่งที “ตอนนี้คุณกำลังขอโทษกับผมอยู่หรือ? ผมรับคำขอโทษของผู้มีอิทธิพลทางไวน์ไม่ไหวนะ”
สีหน้าเจี่ยงไลจินซีดขาวดั่งกระดาษ เขากลืนน้ำลายอย่างลำบากหนึ่งที ก็ไม่กล้าเฉยเมยเช่นกัน ถึงขนาดคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเนี่ยเฟิง “คุณเนี่ย ขอท่านอภัยให้พวกเราเถอะ! เป็นลูกชายของผมที่ไม่ดี ผมไม่ได้สั่งสอนเขาให้ดีๆ ทำให้เขาลบหลู่ท่านแล้ว!”
“พ่อ! ท่านคุกเข่าให้เขาทำไม! ที่นี่เป็นโรงบ่มไวน์ของพวกเรา สิ่งของเหล่านี้ล้วนเป็นของพวกเรานะ ในเมื่อเป็นสิ่งของของพวกเรา ทำไมต้องขอโทษเขาล่ะ? เขาบุกเข้ามาในโรงบ่มไวน์ของพวกเรา! ขโมยสิ่งของของพวกเรา เขาก็เป็นพวกลักเล็กขโมยน้อยอย่างสมบูรณ์แบบคนหนึ่ง!”
เจี่ยงจื้อเหิงก็ไม่รู้ว่าทำไมบิดาของตนเองจะกลัวเนี่ยเฟิงขนาดนั้น ในใจเจี่ยงจื้อเหิงคิดว่า นี่ย่อมเป็นเนี่ยเฟิงใช้อำนาจป่าเถื่อนคุกคามอยู่เบื้องหลังบิดาอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาไม่ซูฮกร้องตะโกนอย่างโมโห
เจี่ยงไลจินโมโหแทบตาย เขาคือเลี้ยงอาโต่วที่ไม่สามารถปรากฏตัวตามสังคมได้คนหนึ่งจริงๆ ถึงขนาดอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้พูดคำพูดที่เนรคุณอย่างนี้ออกมา ต้องรู้ว่าคนที่อยู่ต่อหน้านี้เป็นราชามังกรของสำนักมังกรนะ!
เจี่ยงไลจินจะมีวันนี้ได้ ทั้งหมดล้วนพึ่งพิงสำนักมังกรจึงทำมาหาเลี้ยงชีพให้รอดไปวันๆถึงขั้นนี้ได้ในตอนนี้!
เริ่มตั้งแต่แรกเขาก็เฝ้าโรงบ่มไวน์แห่งนี้อยู่แล้ว
แต่เนื่องเพราะคนอื่นล้วนบอกว่าโรงบ่มไวน์นี้เป็นของเขา ดังนั้นต่างคนต่างเข้ามาประจบ บวกกับเจี่ยงไลจินได้รับเงินเดือนของสำนักมังกรในมือเขามีเงินออมไม่น้อย ดังนั้นเขาก็เลยเอามาทำการค้าขายไวน์
ในช่วงเวลานี้ เจี่ยงไลจินพึ่งพิงโรงบ่มไวน์ของเนี่ยเฟิงได้รับผลประโยชน์มากมายอยู่จริงๆ ตัวเขาเองก็ก่อตั้งโรงบ่มไวน์ขึ้นมาหลายแห่งเช่นกัน แต่ว่าโรงบ่มไวน์กับเจี่ยงไลจินไม่สามารถเทียบกับของเนี่ยเฟิงได้
ไวน์ที่อยู่ในโรงบ่มไวน์ของเนี่ยเฟิง ล้วนผ่านการคัดเลือกอย่างละเอียดรอบคอบมาแล้ว อีกทั้งราคาก็ไม่ต่ำกว่าห้าแสน!
ช่วงเวลาก่อนหน้านั้นเนี่ยเฟิงโทรหาเจี่ยงไลจิน ให้เขาเอาContiสามร้อยขวดออกมาในช่วงเวลาสั้นๆ นี่เป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนล่ะ!
เจี่ยงไลจินรู้ข่าวว่าเนี่ยเฟิงกลับมาแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเนี่ยเฟิงจะมาดื่มไวน์ในโรงบ่มไวน์เมื่อไหร่ ดังนั้นในช่วงเวลานี้เขาล้วนสุขุมรอบคอบและมีความระมัดระวัง อีกทั้งเขาตักเตือนลูกชายของตนเองว่าอย่ามาที่นี่ เพียงแต่ลูกชายของตนเองกลับไม่เชื่อฟัง!
“โรงบ่มไวน์ของผมกลายเป็นของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วล่ะ? เจี่ยงไลจิน เรื่องนี้คุณจะไม่ต้องให้คำอธิบายที่พอใจกับผมสักหน่อยหรือ?”
เนี่ยเฟิงเหลือบตามองเจี่ยงไลจินหนึ่งที
เจี่ยงไลจินเพียงแค่รู้สึกว่าตนเองคล้ายดั่งถูกความตายปกคลุมแล้ว เขาตบหน้าตนเองหนึ่งทีอย่างโหดร้าย ต่อจากนั้นคุกเข่าคำนับขอร้องให้ยกโทษให้ “คุณเนี่ยเป็นความผิดของผม เป็นผมที่ไม่ดีเอง เป็นผมละโมบเกียรติอันจอมปลอม ละโมบเงินทองเอง ดังนั้นตอนที่คนอื่นถามว่าโรงบ่มไวน์นี้เป็นของผมหรือไม่ ผมจึงไม่ได้ปฏิเสธ!”
“ดูแล้วคุณกับลูกชายของคุณล้วนถือว่าโรงบ่มไวน์แห่งนี้เป็นสิ่งของของตนเองแล้ว ลูกชายของคุณก็สามารถเข้าออกอย่างอิสระ คิดว่าน่าจะเอาไวน์สะสมของผมไปไม่น้อยเช่นกันล่ะ?”
“ไม่มี ไม่มี พวกเราไม่กล้าเตะต้อง! คุณเนี่ย พวกเราไม่ได้เอาจริงๆ!”
ศีรษะของเจี่ยงไลจินส่ายจนเหมือนดั่งป๋องแป๋ง ถึงยังไงนี่ก็ไม่ใช่สิ่งของของเขา เขาจะกล้าเอาได้ยังไงล่ะ?
“แต่ว่าเมื่อกี้ลูกชายของคุณบอกแล้ว จะเอาไวน์สะสมของผมให้กับผู้หญิงของผมดื่ม เรื่องนี้ควรจะคิดยังไงหรือ?” เนี่ยเฟิงจ้องมองทั้งสองคนนั้นที่คุกเข่าอยู่กับพื้นในมุมสูง เจี่ยงไลจินช่างโมโหเหลือเกินจริงๆ
“ใครให้ความกล้าหาญแก่แกพูดคำพูดอย่างนี้ออกมา! แกรู้หรือไม่? อุตสาหกรรมการผลิตของที่นี่ล้วนเป็นของคุณเนี่ย ผมล้วนตักเตือนแกมาก่อนแล้ว ให้แกอย่าเตะต้องสิ่งของของคุณเนี่ย! ไอ้คนนี้แกคิดยังไงกันแน่!”
เจี่ยงไลจินต่อยลูกชายของตนเองอย่างโหดร้าย ฝานหลินจ้องมองอยู่ข้างๆก็รู้สึกเหลือเชื่อเช่นกัน โรงบ่มไวน์นี้ตกลงว่าเป็นของเนี่ยเฟิงจริงๆหรือ?
หรือว่าแท้ที่จริงพวกเขาก็ล้วนเป็นพวกเดียวกัน นี่พวกเขาหามาแสดงละครหรือ? ฝานหลินหยิบมือถือออกมาทันที หลบอยู่ข้างๆ ส่งข้อความให้กับคุณย่าเขา อีกทั้งเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในนี้ให้กับคุณนายใหญ่
คุณนายใหญ่ได้รู้เรื่องนี้ ตื่นตะลึงเป็นพิเศษ ทั้งๆที่เธอสืบได้แล้วว่าโรงบ่มไวน์นี้เป็นของคนอื่นจริงๆล่ะ