พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 304 ทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ
“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ อีกสักครู่ผมจะส่งคนไปตรวจสอบสต๊อกของผมสักหน่อย พวกคุณทั้งสองก็รอฟังคำสั่งเถอะ”
ตาทั้งคู่ของเนี่ยเฟิงนั้นเย็นยะเยือก ไม่แฝงไว้ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพใดๆ ทำให้เจี่ยงไลจินสั่นระริกจนเหมือนดั่งร่อนข้าวแบบนั้น
เจี่ยงไลจินไม่ใช่เป็นคนที่มีความสามารถอะไร ในตอนต้นเขาถูกจ้างมาดูแลโรงบ่มไวน์ที่นี่ จากนั้นหลังจากเข้าร่วมสำนักมังกรแล้ว เขาก็จงรักภักดีรับผิดชอบอย่างเต็มที่เฝ้าอยู่ที่นี่
เพียงแค่เขารู้ว่าราชามังกรของสำนักมังกรอาจไม่มาเหยียบเข้าสู่เมืองจินไห่ ดังนั้นเขาก็เลยเกิดความคิดอย่างอื่นขึ้นมา
ทุกอย่างที่อยู่บนโลกนี้ยากที่จะคาดคิด ใครจะสามารถพูดได้แม่นยำอีกล่ะ เดิมทีคิดว่าราชามังกรของสำนักมังกรจะมาไม่ถึงที่นี่ แต่นึกไม่ถึงวันนี้ที่ได้นั่งตัวตรงอยู่ที่นี่ก็คือราชามังกรของสำนักมังกร!
สีหน้าของเจี่ยงไลจินเหมือนดั่งหมดอาลัยตายอยาก เดิมทีเขาพึ่งพิงอาศัยโรงบ่มไวน์ของเนี่ยเฟิง พูดได้ว่าทำมาหาเลี้ยงชีพให้รอดไปวันๆอยู่ที่นี่จนเจริญรุ่งเรือง ก็มีเงินออมพอสมควรแล้ว แต่ตอนนี้น่าจะล้วนจบเห่แล้ว ถ้าหากว่าไม่ใช่ลูกชายของตนเองก่อเรื่อง เขาจะตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ยังไงอีกล่ะ?
ไม่นานก็มีคนกลุ่มใหญ่รีบเข้ามาโรงบ่มไวน์ พวกเขาทำการตรวจสอบห้องเก็บไวน์ทั้งหกห้อง
ชิวมู่เฉิงเห็นสถานภาพแบบนี้ เพียงรู้สึกสงสัยงงงวยเต็มใบหน้า เนี่ยเฟิงกลายเป็นร้ายกาจอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ?
“decantไวน์ต่อ”
เนี่ยเฟิงเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นเจี่ยงไลจินคุกเข่าเดินเข้าไป หยิบDecanterไปdecantไวน์ด้วยตนเอง
อายุของเจี่ยงไลจินไม่น้อยแล้ว แต่ในตอนนี้เขายังหวาดกลัวเนี่ยเฟิงมาก
เจี่ยงไลจินเคารพนบนอบdecantไวน์ให้กับเนี่ยเฟิง จากนั้นเทไวน์ให้เนี่ยเฟิงกับชิวมู่เฉิงคนละแก้ว อยู่ตอนที่เจี่ยงไลจินเตรียมตัวจะเทไวน์แก้วที่สาม เนี่ยเฟิงกลับโบกมือแล้วโบกมืออีก “ไม่ต้องแล้ว ไอ้คนนั้นไม่ใช่แขก เขาเพียงแค่จะมาเยาะเย้ยผม”
ฝานหลินได้ยินเนี่ยเฟิงพูดอย่างนี้ ทันใดนั้นโมโหอย่างมาก “คำพูดนี้ของคุณหมายความว่ายังไงหรือ? ผมมาเยาะเย้ยคุณยังไงล่ะ?”
“ผมพูดไม่ถูกเลยเชียวหรือ? ฝานหลินล่ะ? เมื่อกี้ทั้งๆที่คุณยังมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นอยู่ เพราะว่าคุณไม่เชื่อว่าโรงบ่มไวน์นี้เป็นของผมเลยสักนิด อีกทั้งคุณกับเจี่ยงจื้อเหิงทั้งสองคนยังร่วมมือกดขี่ผม”
เนี่ยเฟิงจ้องมองฝานหลินอย่างเย็นชา “คุณกลับไปบอกกับคุณนายใหญ่นั้น อย่ามาเล่นลูกไม้อะไรอีก ตอนนี้ตระกูลชิวไม่มีมู่เฉิงแล้ว เดินเข้าสู่ช่วงขาลงมานานแล้ว สาเหตุที่คุณนายใหญ่เรียกคุณมาสำรวจ เพียงแค่จะถ่วงเวลาอยากจะให้มู่เฉิงกลับไปเท่านั้น”
เนี่ยเฟิงเหลือบตามองฝานหลินหนึ่งที “อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าคุณมีสถานะอะไร คุณก็คือหลานแท้ๆของคุณนายใหญ่ไม่ใช่หรือ? อยากจะให้มู่เฉิงกลับไปรับช่วงกิจการของตระกูลพวกคุณ จากนั้นค่อยบีบมูลค่าสุดท้ายของมู่เฉิงจนแห้งไปหมดอีก นี่ก็เป็นวิธีที่พวกคุณทั้งสองคนคิดออกมาใช่ไหม?”
ฝานหลินตกกะใจอย่างมาก เขานึกไม่ถึงว่าเนี่ยเฟิงถึงขนาดรู้ ความสัมพันธ์ของตนเองกับคุณนายใหญ่ เขามีความสับสนวุ่นวายเล็กน้อยจ้องมองไปยังชิวมู่เฉิง ชิวมู่เฉิงขมวดคิ้วขึ้นมาเหมือนอย่างที่คิด
“เสี่ยวเฟิง สิ่งที่คุณพูดเป็นเรื่องจริงหรือ?”
“นี่แน่นอนอยู่แล้ว ผมจะหลอกลวงคุณได้ยังไงอีกล่ะ? พวกเขาจะไม่เอาทะเบียนบ้านให้คุณอย่างแน่นอน แต่ว่าไม่เป็นไร รอจนถึงตอนที่พวกเขาไม่มีทางออก ย่อมจะมอบทะเบียนบ้านออกมาโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว คุณกลับไปบอกกับคุณนายใหญ่ สามวันนี้ก็ไม่ต้องประเมินผลแล้ว เพราะว่าผมจะทำให้ตระกูลชิวพังทลายโดยสิ้นเชิงในไม่กี่วันนี้”
ลักษณะท่าทางของเนี่ยเฟิงไม่เหมือนจะขี้โม้อยู่เลย ในตอนนี้ถึงแม้ว่าเป็นฤดูใบไม้ร่วง แต่ว่าเวลานี้เป็นเวลาเที่ยงตรง ดังนั้นยังค่อนข้างร้อนอยู่ แต่ว่าอยู่ภายใต้สภาพการณ์อย่างนี้ ฝานหลินกลับรู้สึกว่าทั้งตัวเองเหมือนดั่งแช่อยู่ในน้ำแข็ง หนาวจนเขาตัวสั่นตลอด
ฝานหลินกลืนน้ำลายอย่างลำบากหนึ่งที เขาซวนๆเซๆถอยหลังหนึ่งก้าว “ไม่ต้องปล่อยข่าวเขย่าขวัญประชาชน ผมบอกกับคุณผมจะไม่ปล่อยคุณไปอย่างเด็ดขาด ทะเบียนบ้านของชิวมู่เฉิงก็อย่าคิดว่าจะได้!”
หลังจากฝานหลินพูดจบคำนี้ หมุนตัวหนีหัวซุกหัวซุน
ชิวมู่เฉิงเม้มปากแล้วเม้มปากอีก “ฉันก็ว่าแล้วเรื่องผิดปกติย่อมมีพิรุธอยู่แน่นอน แต่แค่ฉันยังคิดไม่ออกถึงจุดที่สำคัญในนั้น นึกไม่ถึง ถึงขนาดถูกคนสืบออกมาได้”
เนี่ยเฟิงอยากจะรู้ถึงสถานะของฝานหลินแท้ที่จริงเป็นเรื่องที่ง่ายมาก อยู่ในมือเขามีองค์กรข่าวกรอง เพียงแค่พูดกับองค์กรข่าวกรองสักหน่อย ดังนั้นพวกเขาก็จะไปสืบค้น
บนโลกนี้ไม่มีการกำแพงที่ปิดมิดชิดจนลมไม่ผ่านได้ พูดได้อีกว่า ความสัมพันธ์ของคุณนายใหญ่กับฝานหลินสนิสนมขนาดนั้น เพียงแค่สืบสักหน่อย ก็สามารถสืบได้แล้ว
ไม่นานคนที่มาตรวจสอบเข้ามารายงาน
“คุณเนี่ย ห้องเก็บไวน์ทั้งหกห้องล้วนตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไวน์ทั้งหมดขาดไป24ขวด นี่เป็นรายการของไวน์ท่านอ่านดู”
“เจี่ยงไลจินคุณไม่ใช่บอกแล้วหรือ? ในห้องเก็บไวน์ของผมจะไม่ขาดไวน์แม้แต่ขวดเดียว คุณดูสินี่เป็นอะไรกันแน่ ช่วงเวลานี้ผมล้วนไม่ได้เข้ามา ดังนั้นตกลงว่าเป็นใครเอาไปกันแน่?”
หลังจากเนี่ยเฟิงพูดจบยื่นรายการไวน์ที่ขาดหายไปให้
หลังจากเจี่ยงไลจินได้ยินแล้ว ตกใจจนหน้าซีด เขารีบหยิบรายการมาไปสำรวจดู ไวน์เหล่านี้บวกกันออกมาแล้วเพียงพอที่จะทำให้เจี่ยงไลจินล้มละลาย ยังต้องแบกรับหนี้สินมากมาย!
เจี่ยงไลจินกลืนน้ำลายอย่างลำบากหนึ่งที จ้องมองไปยังเจี่ยงจื้อเหิงลูกชายของตนเองที่ถูกตีจนมึนงงอยู่ข้างๆอย่างไม่น่าเชื่อ!
“เจี่ยงจื้อเหิง! เลวทรามชั่วช้าคนนี้แกถึงขนาดกล้าหยิบไวน์เหล่านี้ของคุณเนี่ยลับหลังผมไป! ผมเคยบอกกับแกกี่รอบแล้ว ผมกำชับกำชาแกอย่าคิดไม่ซื่อกับไวน์เหล่านี้!”
เจี่ยงจื้อเหิงถูกพ่อเขายกเท้าเตะหนึ่งทีอย่างโหดร้ายล้มอยู่กับพื้น แต่ในตอนต้นเจี่ยงจื้อเหิงคิดว่าห้องเก็บไวน์นี้เป็นของบ้านพวกเขา ถึงแม้ว่าเขาหยิบไวน์ขวดสองขวดก็จะไม่ถูกพบเห็น แต่ใครจะรู้ว่าห้องเก็บไวน์ถึงขนาดไม่ใช่ของพวกเขา อีกทั้งบิดาของเขาก็รับจ้างทำงานกับคนอื่นด้วย นี่ทำให้เจี่ยงจื้อเหิงจะรับไหวได้ยังไงล่ะ?
“ในตอนต้นผมจ้างคุณมาช่วยดูแลห้องเก็บไวน์ของผม แต่ผมนึกไม่ถึงว่าคุณถึงขนาดปฏิบัติต่อผมอย่างนี้”
เนี่ยเฟิงทำตาหยีแล้วทำตาหยีอีก เจี่ยงไลจินฟังออกได้ว่า ในคำพูดของเนี่ยเฟิงมีความหมายแฝงไว้อยู่ สำนักมังกรจ้างเขามาจะไม่ใช่ให้เขามาเสวยสุขล่ะ!
เงินเดือนของเขาขึ้นทุกปี เริ่มตั้งแต่ระดับตรีที่ระดับต่ำสุด ทำจนถึงตอนนี้ระดับจัตวาแล้ว ในมือเขาสะสมเส้นสายกับทรัพย์สมบัติมากเท่าไหร่แล้ว สิ่งเหล่านี้สำนักมังกรล้วนจะไม่ถามถึง
อีกทั้งเนี่ยเฟิงก็ไม่รู้สึกว่าพวกเขาหลอกใช้เอาอุตสาหกรรมการผลิตของตนเองมาเป็นมุกตลก ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าอับอายเท่าไหร่ สำนักมังกรก็รู้ว่าความยากจนจะทำให้คนคนหนึ่งพังทลาย ดังนั้นเนี่ยเฟิงต่อเรื่องแบบนี้โดยพื้นฐานล้วนหลับตาข้างหนึ่งลืมข้างหนึ่ง
เพียงแค่ว่าใจโลภแบบนี้ คือไม่สามารถยับยั้งได้
“ผมเคยให้เวทีแก่คุณให้คุณพัฒนาขยายอย่างอิสระ เพียงแค่คุณไม่ได้ทะนุถนอมเวทีนี้ ดังนั้นคุณก็ไม่ต้องมาอีกแล้ว ผมจะให้คุณลาออก แต่ยังไงคุณก็ติดตามผมหลายปีขนาดนี้แล้ว ด้วยเหตุนี้ผมก็จะไม่กำจัดให้สิ้นซากเช่นกัน คุณเพียงแค่ชดเชยเงินก้อนนี้แล้ว งั้นผมก็ปล่อยคุณไป”
ไวน์เหล่านี้ถึงมีเงินก็ซื้อไม่ได้ มีมากมายล้วนไม่มีการออกจำหน่ายอีกแล้ว ดื่มหมดก็ไม่มีอีกแล้ว เนี่ยเฟิงจ้องมองเจี่ยงไลจินอย่างเย็นชา ที่ไหนเจี่ยงไลจินยังจะกล้าตอบโต้เพื่อตนเองล่ะ?
เพียงเห็นแค่เจี่ยงไลจินพยักหน้าอย่างรีบเร่งมาก “ขอบคุณ คุณเนี่ยปล่อยชีวิตผม ขอบคุณใจเมตตาการยั้งมือของคุณเนี่ย!”
เนี่ยเฟิงโบกมือแล้วโบกมืออีก “ผมไม่มีอารมณ์ที่จะดื่มไวน์แล้ว เปลี่ยนสถานที่นี้ให้ผมหมดเลย คนอื่นๆก็คัดเลือกอย่างละเอียดรอบคอบอีกรอบเช่นกัน”
หลังจากเนี่ยเฟิงพูดจบลุกขึ้นมาแล้ว เดินออกไปเลย ส่วนชิวมู่เฉิงมีความสงสัยเต็มท้องติดตามอยู่ข้างหลังเนี่ยเฟิง ในใจเขายังคิดอยู่ว่านี่เป็นละครฉากหนึ่งใช่หรือไม่
นวนิยายจะได้รับการอัปเดตทุกวัน กลับมาอ่านต่อพรุ่งนี้นะคะทุกคน!