พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 305 กลายเป็นสมาชิก
“การแสดงให้เห็นเมื่อกี้ของคุณทำให้ฉันแปลกหน้ามากๆ ฉันอยากจะรู้ว่าคุณทำยังไงล่ะ?”
หลังจากขึ้นรถแล้ว ชิวมู่เฉิงก็เลยเอ่ยปากสอบถาม
เมื่อกี้เนี่ยเฟิงมีความโมโหเล็กน้อยจริงๆ ตอนนี้พัวพันเรื่องใหญ่ขนาดนี้ออกมา ดูเหมือนก็ปกปิดต่อไปอีกไม่ได้แล้วเช่นกัน
“พี่ใหญ่ แท้ที่จริงผม……”
“แกจ้างนักแสดงมาแสดงใช่หรือไม่?”
ยังไม่ทันรอเนี่ยเฟิงอธิบายล่ะ ชิวมู่เฉิงก็เลยคิดถึงจุดนี้แล้ว
เนี่ยเฟิง: ……
ตามความจริงนี่ไม่ใช่เป็นคนที่เนี่ยเฟิงจ้างมาเลย เมื่อกี้เขายังคิดอยู่ว่าควรจะอธิบายยังไง นึกไม่ถึงชิวมู่เฉิงก็หาที่ลงให้เขาแล้ว
“น่าจะใช้เงินไม่น้อยล่ะ? มีหลายคนนะ เรื่องนี้ทำไมไม่ได้ปรึกษาหารือกับฉันสักหน่อยล่ะ?”
“นี่ผมก็ไม่ทันนะ พูดได้อีกว่าถ้าผมพูดออกมาก่อนล่วงหน้า งั้นละครนี้ก็แสดงไม่เหมือนจริงล่ะ!”
เนี่ยเฟิงไม่มีความจริงใจยิ้มอยู่ตอบกลับ ต่อจากนั้นเขาก็เปลี่ยนประเด็นที่คุยกันอีก “พี่ใหญ่ พวกเราล้วนยุ่งไปทั้งวันแล้ว ผมหิวข้าวมากเลยนะ ไปกินอะไรสักหน่อยดีไหม?”
เมื่อกี้พวกเขาดื่มไวน์ไปเล็กน้อย แต่ว่าท้องว่างเปล่าอยู่ เนี่ยเฟิงย่อมหวังที่จะอยากหาอะไรมากินอย่างแน่นอน
“งั้นก็ได้ แกอยากจะไปกินข้าวที่ไหนหรือ?”
เนื่องเพราะการก่อกวนของฝานหลินนั้น พวกเขาพลาดอาหารเที่ยงไปอย่างสมบูรณ์แบบ เพียงแค่ว่าท้องหิวอยู่ก็ไม่สามารถทำงานได้เช่นกัน ยังคงต้องไปกินข้าวสักหน่อย
“ไม่งั้นพวกเราไปตึกฝูโหลวเถอะ? ผมเลี้ยงเอง! ผมมีเพื่อนที่รู้จักอยู่ที่นั่นพวกเขาจะให้เราราคาพิเศษ!”
เนื่องเพราะการทำงานชิวมู่เฉิงมักจะมีการคบค้าสมาคมค่อนข้างมาก ดังนั้นโรงแรมกับร้านอาหารที่มีชื่อเสียงมากในเมืองจินไห่เธอล้วนรู้จัก
“เป็ดย่างของตึกฝูโหลวไม่เลวนะ เพียงแค่ไม่รู้ว่าจะจองได้หรือไม่”
น่าจะไม่มีทางที่จะจองได้แล้ว พูดได้อีกว่าพวกเขาก็เข้าไปอย่างนี้เลย จะมีที่นั่งหรือไม่ยังไม่แน่ล่ะ
“จะมีอยู่แล้ว เพราะว่าเถ้าแก่ทางโน้นรู้จักกับผม ไปเถอะๆ!”
ตามความจริงเนี่ยเฟิงก็คือเถ้าแก่ของตึกฝูโหลว ถึงแม้ว่าไม่มีห้องพิเศษก็ต้องทำให้เขาสักห้อง ไม่มีเป็ดย่างก็ต้องลงมือทำทันทีเช่นกัน
ชิวมู่เฉิงมองเห็นรอยยิ้มที่อยู่ใบหน้าเนี่ยเฟิงเรียบง่ายไร้อุบาย ใจก็อ่อนไปหมดแล้ว น้องชายของเธอปกป้องเธออยู่ ความรู้สึกแบบนี้ช่างดีมากจริงๆนะ
ชิวมู่เฉิงยังสั่งเลขาไปสอบถามห้องพิเศษกับเป็ดย่างของตึกฝูโหลวโดยเฉพาะ โชคดีมากถึงขนาดยังมีอยู่!
แท้ที่จริงนี่ล้วนเป็นเนี่ยเฟิงวางแผนไว้แล้ว เนี่ยเฟิงก็นั่งอยู่ข้างๆชิวมู่เฉิง จะไม่รู้เรื่องที่ชิวมู่เฉิงโทรหาร้านอาหารได้ยังไงล่ะ?
ก็เพราะว่ารู้นั่นเอง ดังนั้นเนี่ยเฟิงบอกกับผู้รับผิดชอบของร้านอาหารฝั่งโน้นให้เรียบร้อยมานานแล้ว
พวกเขามาถึงตึกฝูโหลว ไปยังห้องพิเศษโดยตรง ผ่านไปไม่นานอาหารก็ส่งเข้ามาแล้ว
“แปลกใจ ก่อนหน้านั้นฉันก็เคยถูกเรียนเชิญมากินข้าวที่นี่ล่ะ แต่ว่าความเร็วของการเสิร์ฟอาหารของที่นี่ช้ามาก เพราะว่าจำนวนลูกค้าเข้าออกทุกวันของพวกเขาล้วนเยอะมาก อีกทั้งสิ่งที่ทำก็ต้องปรับปรุงสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้น”
ก็เนื่องเพราะว่าเอร็ดอร่อยมากนั่นเอง ดังนั้นจึงมีคนมากมายสมัครใจในการรอคอย แต่ในครั้งนี้ชิวมู่เฉิงรู้สึกตกใจมาก เนื่องเพราะว่าความเร็วในกาเสิร์ฟอาหารของพวกเขาเร็วเทียบได้กับแสง
“งั้นย่อมเนื่องเพราะคุณไม่มีบัตรสมาชิกของที่นี่มั้ง?”
เนี่ยเฟิงแสยะปากยิ้มหนึ่งที ตะเกียบที่อยู่ในมือก็ไม่ได้อยู่เฉย เพียงแค่เห็นเขาคีบเป็ดย่างหลายชิ้นไปยังถ้วยของชิวมู่เฉิง ในตึกฝูโหลวมีชื่อเสียงที่สุดก็คือเป็ดย่าง
“นี่แกก็ไม่รู้แล้วล่ะ ในตึกฝูโหลวไม่มีสมาชิก ไม่ว่าใช้จ่ายอยู่ที่นี่มากขนาดไหน และไม่สนใจว่าแกมีสถานะอะไร ล้วนไม่มีทางที่จะเป็นสมาชิกได้ ที่นี่พวกเขาไม่มีระบบสมาชิก”
ชิวมู่เฉิงกินเป็ดย่างชิ้นหนึ่งจากนั้นทอดถอนใจหนึ่งที “เอร็ดอร่อยจริงๆ ก่อนหน้านั้นพวกเรามาถึงที่นี่ล้วนจองไม่ได้หลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ถึงขนาดได้ลิ้มรสอาหารขึ้นชื่อของพวกเขาแล้ว นี่ก็ถือว่าพวกเราโชคดีกว่าล่ะ”
ของกินที่อร่อยอะไรเนี่ยเฟิงล้วนเคยกินมาก่อน ตามความจริงเมนูนี้ก็ยังเป็นเนี่ยเฟิงที่คิดค้นขึ้นมาเองล่ะ
ตึกฝูโหลวไม่มีระบบสมาชิกจริงๆ ก็ไม่ให้บริการสมาชิกเช่นกัน แต่ว่าชิวมู่เฉิงเป็นข้อยกเว้นคนหนึ่ง ลูกตาเนี่ยเฟิงหมุนหนึ่งที จากนั้นพูดเสียงเบาๆว่า “ผมรู้จักเถ้าแก่ที่นี่ แต่ก่อนตอนที่มากินข้าวเป็นเพื่อนพวกเขา เคยได้ยินพวกเขาพูดว่า ที่นี่ไม่ใช่ไม่มีระบบสมาชิก เพียงแค่ระบบสมาชิกของพวกเขาเป็นแบบซ่อนเร้น”
ชิวมู่เฉิงอึ้งชะงักหนึ่งที “อะไรเรียกว่าแบบซ่อนเร้นหรือ?”
“สมาชิกที่ให้บริการของพวกเขาที่นี่น้อยมาก จะต้องสอดคล้องกับข้อเรียกร้อง กล่าวโดยทั่วไปไม่ใช่ใครก็ล้วนสามารถเป็นสมาชิกที่นี่ได้ อีกสักครู่ผมสามารถช่วยไปถามสักหน่อย ถึงยังไงผมก็รู้จักกับเถ้าแก่ที่นี่ พวกเขาน่าจะบอกผมว่าเป็นสมาชิกจะต้องมีสิทธิ์แบบไหน”
หลังจากชิวมู่เฉิงได้ยินแล้วรู้แจ้งกระจ่างในฉับพลัน จากนั้นเธอส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก “ก็ช่างเถอะ ไม่จำเป็นต้องรบกวนคนอื่นขนาดนี้”
“ไอ่! นี่จะถือว่าเป็นการรบกวนได้ยังไงล่ะ? คุณคิดดูสิ ถึงยังไงวันหลังการคบค้าสมาคมของคุณยังจะมีมากมาย มักจะเรียนเชิญเถ้าแก่เหล่านั้นไปกินร้านอาหารเล็กๆคงไม่ดีมั้ง ลักษณะท่าทีอย่างนี้ก็ดูเหมือนไม่ค่อยดีเช่นกัน”
คำพูดของเนี่ยเฟิงพูดไม่ผิดจริงๆ วันหลังยังต้องต้อนรับลูกค้ามากมายจริงๆ ถ้าหากว่าสามารถให้ลูกค้าเหล่านี้ได้กินอาหารพิเศษของท้องถิ่น ลูกค้าเหล่านี้อาจจะดีใจหน่อยก็ไม่แน่เช่นกัน
แต่ว่าชิวมู่เฉิงก็ไม่อยากรบกวนน้องชายของเธอ
“กินข้าวก่อนเถอะ ยังไงก็เพียงแค่ถามเรื่อยเปื่อยเท่านั้น จะกลายเป็นสมาชิกของตึกฝูโหลวได้หรือไม่ยังไม่แน่ล่ะ ถึงยังไงเป็นสมาชิกของพวกเขาก็เข้มงวดมาก”
พวกเขากินอาหารเที่ยงที่หลากหลายและหรูมื้อหนึ่ง หลังจากกินอิ่มดื่มพอแล้วในเวลานี้มีผู้จัดการคนหนึ่งเข้ามา ผู้จัดการคนนี้ส่งการ์ดใบหนึ่งมา ชิวมู่เฉิงอึ้งชะงักหนึ่งทีสอบถามว่า “นี่คือ……”
“นี่เป็นบัตรสมาชิก ที่เถ้าแก่ของเรามอบให้พวกคุณ เพราะว่าพวกคุณสอดคล้องกับระบบสมาชิกของเรา”
แต่ชิวมู่เฉิงอะไรก็ไม่ได้ทำนะ ทำไมสอดคล้องกับระบบสมาชิกของพวกเขาแล้วล่ะ?
ชิวมู่เฉิงรู้สึกมีความสงสัยงงงวยเล็กน้อย เธอจ้องมองเนี่ยเฟิงหนึ่งที ส่วนเนี่ยเฟิงดีอกดีใจมากหยิบการ์ดใบนั้นมา “นี่เป็นของจริงหรือ? งั้นวันหลังพวกเรามาที่นี่ก็ได้รับสิทธิพิเศษแล้วล่ะ?”
“ไม่ว่าเป็นการจองอาหารหรือว่าจองห้องพิเศษ พวกคุณล้วนได้รับสิทธิพิเศษ จุดนี้ขอเชิญพวกคุณวางใจเถอะ”
เนี่ยเฟิงส่งบัตรที่อยู่ในมือให้กับชิวมู่เฉิง “พี่ใหญ่คุณดีสิ! พวกเราโชคดีมากเหมือนอย่างที่คิด ถ้ารู้ก่อนล่วงหน้าก็น่าจะถามระบบสมาชิกของพวกเขาที่นี่แล้วล่ะ!”
แม้ว่าชิวมู่เฉิงมีความสงสัยเต็มท้อง แต่ก็ไม่ได้ซักถามต่อไปเช่นกัน ถึงยังไงนี่เป็นไปได้มากที่จะเนื่องเพราะความสัมพันธ์เนี่ยเฟิงกับเถ้าแก่ในร้านนี้จึงได้รับบัตรสมาชิก
ชิวมู่เฉิงเอาบัตรใส่ไว้ในกระเป๋าเงินอย่างทะนุถนอมมาก “เอาล่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้งั้นพวกเราก็กลับไปบริษัทก่อนเถอะ ยังมีโครงการมากมายจะต้องติดตาม”
เนี่ยเฟิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก เหมือนดั่งผู้ติดตามคนหนึ่ง ติดตามอยู่ข้างหลังชิวมู่เฉิง
ทั้งสองคนกลับไปถึงเทียนหลงอินเตอร์เนชั่นแนล ใครจะรู้ว่าที่นี่ถึงขนาดเกิดเรื่องแล้ว
อยู่ใต้ตึกเทียนหลงอินเตอร์เนชั่นแนล มีแรงงานข้ามชาติกลุ่มหนึ่ง ใบหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยฝุ่น อยู่ใต้แดดจ้า ผิวพรรณที่ดำ ถึงขนาดยังกระจายแสงมันวาวอย่างหนึ่งออกมา
“ให้เถ้าแก่พวกคุณไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้! เถ้าแก่ของพวกคุณเกินไปแล้วจริงๆ! ไม่คำนึงถึงชีวิตคน! ปัดความรับผิดชอบ! รีบออกมาเถอะ!”
ชิวมู่เฉิงขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก “นี่เป็นเรื่องอะไรกันแน่?”
คนเหล่านี้ดูแล้วมีหลายร้อยคน ล้อมรอบหน้าประตูของเทียนหลงอินเตอร์เนชั่นแนล จนเรียกได้ว่าแน่นจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านเข้าไปไม่ได้แบบนั้น