พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 31 People & Spring
บทที่ 31 People & Spring
คนที่สองที่รู้สึกเขินคือเย่หรูเสว่ ขณะนั้นเย่หรูเสว่กำลังนั่งรอหมายศาลอยู่ในสำนักงานตำรวจ
เพราะเรื่องอาคารฟางเจิ้งของครั้งที่แล้วยังไม่มีผมสรุป เธอจึงยังทำงานไม่ได้ หัวหน้าบอกว่าต้องพูดคุยให้ชัดเจนก่อนค่อยให้คำตอบที่เธอพอใจ ดังนั้นสองวันที่ผ่านมานี้ เย่หรูเสว่ต้องวิ่งไปมาระหว่างสถานีตำรวจและคฤหาสน์
ตอนนี้ผู้บริหารและรองหัวหน้าทีมยังไม่มา ดังนั้นเย่หรูเสว่จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาดูว่าในกลุ่มมีใครพูดอะไรหรือเปล่าในเวลาว่าง ไม่คิดว่าให้เธอจับได้พอดี
“เจ้านี่ หาแฟนไม่ได้ก็เริ่มคิดกับพี่ๆใช่ไหม พี่ๆไม่ชอบเด็กอย่างนายหรอก”
เย่หรูเสว่รู้สึกทั้งตลกและโกรธ คิดไปคิดมาจึงส่งข้อความนี้ไป
“ไม่เป็นไร เสี่ยวเฟิงมีเสน่ห์ขนาดนี้ต้องหาภรรยาได้อยู่แล้ว ถ้าหาไม่ได้จริงๆก็ให้พี่ห้าแต่งกับนาย”
ทนายความโจวพูดพร้อมส่งอิโมจิหัวใจไป จึงทำให้กลุ่มแชทโวยวายขึ้นมาอีกครั้ง
“น้องห้า เรื่องแบบนี้ไม่ถึงคิวเธอหรอก ดูอย่างเสี่ยวเฟิงแล้ว น่าจะชอบแนวเชื่อฟังมากกว่า ให้น้องเจ็ดแต่งกับมันเถอะ ไม่ใช่ว่ามันชอบขึ้นเตียงน้องเจ็ด”
หลินซูอินปิดปากหัวเราะอยู่ข้างๆ เธอเพิ่งสอนเสร็จ ตอนนี้กำลังพักอยู่ในสำนักงาน
“พี่สาม เธอพูดมั่วอะไรของเธอเนี่ย ฉันไม่แต่งกับเสี่ยวเฟิงหรอก ฉันเห็นทุกสภาพของเขาหมดแล้ว เมื่อก่อนมีน้ำมูกติดแล้วเดินตามฉันอย่างกับเงาอยู่เลย แล้วยังแย่งกระโปรงฉันใส่ด้วย ไม่ได้ แค่นึกขึ้นมาก็รู้สึกภาพแตกไปหมด รับไม่ได้”
“งั้นมาหาพี่สี่เถอะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”
หมิงอี๋หานพูดอย่างรวย
“พี่สี่ ทำไมผมรู้สึกตัวเองเหมือนเมลดาเลย”
เนี่ยเฟิงไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี พอเห็นพี่ๆแต่งละคนพูดอย่างเต็มพลัง ในใจเนี่ยเฟิงรู้สึกภูมิใจอย่างยิ่ง ไม่คิดว่ามีโอกาสได้เห็นพี่ๆแต่ละคนโตมาได้งดงามขนาดนี้
“เอาละ ผมไปก่อนนะ ผมต้องขับรถไปส่งพี่ใหญ่ที่หน้างานก่อน วันนี้ผมกับพี่ใหญ่ไปร้านอาหารร้านหนึ่งมา รสชาติดีมากเลย วันหลังพวกเราไปด้วยกันเถอะ”
พอพูดจบเนี่ยเฟิงก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าเลย แล้วตามด้วยเปิดแผนที่ไปPeople & Springพร้อมกับชิวมู่เฉิง
People & Springเป็นเขตพื้นที่เตรียมพัฒนา
ที่ดินผืนนี้อยู่แถวเขตเมืองเก่าวงแหวนรอบสามของเมืองตงไห่ เมื่อก่อนที่นี่ถูกเรียกว่าบ้านพักแฟลชแบบคอมมูน ก็คือหมู่บ้านในเมืองในตำนาน
แต่บ้านพักนี้เก่าแก่มากแล้ว หลังผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จับโอกาสได้ จึงรีบทำโฆษณาการเวนคืนที่ดิน
พูดขึ้นมาแล้ว ตอนมาเวนคืนที่ดินก็เกิดปัญหาไม่เล็กขึ้นมา เพราะมีหลายคนที่ไม่ยอมย้ายออกไป และรู้สึกยอดที่แจ้งมาไม่สมราคา
วันนั้นยังเกิดเรื่องทุบตีกันอีกด้วย แต่ไม่ว่าจะพัฒนาที่ไหนอีกครั้งก็มักมีเสียงที่ไม่เหมือนกันเกิดขึ้นอยู่ดี ไม่สามารถทำให้ทุกอย่างดีได้หรอก
“หลังจากนั้นที่ดินนี้ก็ถูกหวางซื่อกรุ๊ปซื้อไป ตอนนั้นหวางซื่อกรุ๊ปซื้อที่ดินนี้เสียเงินไปเยอะเลย แต่ตอนนี้ยอมขายให้เราในราคาตลาด และยังลดราคาลงไม่น้อยด้วย นี่คือสิ่งที่พี่คิดไม่ถึง”
ชิวมู่เฉิงก็ไม่เข้าใจทำไมคุณหวางถึงเปลี่ยนคำพูดโดยกะทันหัน
เมื่อก่อนเพื่อที่จะได้ที่ดินนี้มา เธอเสียเวลาและกำลังอย่างมาก ใช้หลายวิธีพูดแล้วพูดอีกเขาถึงให้ที่ดินนี้กับเธอ
“ที่ดินนี้ดีในระดับหนึ่งนะ โดยทั่วไปแล้วตระกูลหวางน่าจะเก็บไว้เองสิ ทำไมถึงร่วมมือกับพี่ล่ะ”
เนี่ยเฟิงมองไปด้านในจากด้านนอก รู้สึกแปลกๆในใจ ห่างจากที่นี่ไม่ไกลก็คือโรงเรียน ห่างจากตรงนี้ถนนอีกสองเส้นก็มีโรงบาลอยู่
อีกอย่างจากสถานีรถไฟมาที่นี่ก็ไม่ได้ไกลมาก ถ้าสร้างโรงแรมหรือร้านอาหารที่นี่ อนาคตข้างหน้าน่าจะสร้างรายได้ไม่น้อย
“ตอนนั้นที่คุยเรื่องที่ดินนี้ กฎการพัฒนาของอสังหาริมทรัพย์เกิดการปฏิรูปพอดี ดังนั้นในมือพวกเขาจึงไม่มีสิทธิ์ใช้งาน ถึงแม้ราคาที่เขาคุยกับพี่มันเหมาะสม แต่พวกเขาก็มีเงื่อนไขว่า ถ้าพี่พัฒนาที่ดินผืนนี้ใหม่ต้องให้หุ้นพวกเขา5%”
หุ้น5%นี้ไม่ถือว่าน้อย
“งั้นพี่ตกลงหรือยัง ได้เขียนไว้สัญญาที่เราเซ็นวันนี้ไหม”
เนี่ยเฟิงหลี่ตาแล้วคิดว่า ถ้าหวางต้าจาวกล้ามีความคิดเลวร้ายอะไร เขาจะกลับไปหักคอคนนั้นเดี๋ยวนี้เลย
“พี่ไม่ได้ตกลงตั้งแต่แรก เพราะของอย่างหุ้นควรอยู่ในมือตัวเองมากกว่า อีกอย่างพี่ก็รู้ว่าอยู่ร่วมมือกับหวางซื่อกรุ๊ปเป็นเรื่องยาก พี่จึงจะเปลี่ยนหุ้นเป็นเงินให้พวกเขา ดังนั้นพี่จึงต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก10%ในราคาคำนวณที่เดินของตลาดให้เขา”
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามชิวมู่เฉิงเป็นผู้อัศจรรย์ที่ทำให้ตระกูลชิวฟื้นฟูขึ้นมา การปรากฏตัวของเธอทำวงการค้าทั้งเมืองตงไห่สั่นสะเทือน
ตอนนั้นที่ชิวมู่เฉิงรับมือตระกูลชิว ตระกูลชิวทรุดลงอย่างไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้ แต่เธอใช้กำลังของเธอคนเดียวตัดมอลทั้งในและนอกออกเร็วอย่างสายฟ้า
และยอมทุมแททั้งหมด ถึงแม้จะเป็นศัตรูกับผู้อาวุโสชั้นสูงทั้งหมดของตระกูลชิวก็แล้ว
ตอนนั้นคุณนายใหญ่ชิวยังมีความสงสัยว่าชิวมู่เฉิงจะแบกรับหน้าที่หนักๆนี้ได้ไหม แต่คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่คุณนายใหญ่ชิวสงสัยนั้นเป็นเพียงส่วนเกิน
ชิวมู่เฉิงไม่เพียงแต่ทำได้ และยังทำได้ดีมากด้วย
เธอใช้เลือดและเหงื่อของตัวเองส่งตระกูลชิวมาอยู่ในตำแหน่งนี้อีกครั้ง โดยทีละขั้นทีละก้าว
ปัจจุบันตระกูลชิวถือว่าเป็นผู้มีชื่อเสียงเล็กน้อยในสังคมชนชั้นสูง เพื่อที่จะก้าวไกลกว่าเดิมคุณนายใหญ่ชิวจึงตกลงการสู่ขอของตระกูลฟาง อีกอย่างถ้าแต่งงานกับคนอย่างฟางซื่อเหาได้ งั้นตระกูลชิวอีกไม่นานก็โรจน์รุ่งพุ่งแรงละสิ。
แต่แค่คิดไม่ถึงว่าแผนที่วางไว้นั้นจะถูกขัดขวาง
ไม่รู้ว่าเนี่ยเฟิงที่โผล่ออกนี่เป็นใคร
“ตอนนี้ที่ดินนี้ได้เซ็นสัญญาไปแล้ว อยู่ภายใต้นามของบริษัทเรา เมื่อก่อนพี่เคยมาสำรวจที่นี่ พี่คิดว่าสามารถสร้างเป็นห้างขนาดเล็กได้ เพราะคนไปมาแถวนี้มีเยอะและเดินทางก็สะดวก ถ้าสร้างห้างน่าจะไม่เลว”
ชิวมู่เฉิงพูดไปด้วยเดินไปด้วย ตอนนี้ที่ดินถูกเก็บกวาดจนสะอาด บ้านพักอันเก่าก็หายไปแล้ว เหลือแค่ซากอาคารเพียงเล็กน้อย สามารถดูออกได้ว่าที่ดินผืนนี้มีเนื้อที่ที่กว้างใหญ่
“ดูท่าแล้วพี่วางแผนไว้แล้วสินะ แต่ถ้าจะสร้างห้าง ต้นทุนช่วงแรกคงไม่น้อยละสิ”
เนี่ยเฟิงคิดว่าถ้าจะให้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่จากไปให้หมด คงต้องใช้เงินไม่น้อย ถึงแม้ก่อนหน้านี้ที่ตระกูลหวาง ซื้อที่แห่งนี้ก็ให้เงินค่าเวนที่ดินพวกเขาแล้ว
แต่ชิวมู่เฉิงคงต้องเสียตามจำนวนนั้นอีก หรืออาจจะต้องเสียเพิ่มขึ้นจากเดิม
ดังนั้นเงินที่ชิวมู่เฉิงจ่ายออกไปก็ไม่น้อย
“มันก็อย่างกับที่นายพูด เงินเก็บของฉันและเงินโครงการนี้ฉันลงทุนไปหมดแล้ว ดังนั้นโครงการนี้ต้องทำให้สำเสร็จ ในเมื่อเรามีที่ดินนี้แล้วเราสามารถไปกู้เงินกับธนาคารได้ วันนี้เราเตรียมเอกสารของโครงการกันก่อน พรุ่งนี้น่าจะนัดคุยกับธนาคารได้”
เนี่ยเฟิงรู้ว่าก่อนที่ห้างนี้จะสร้างขึ้นมา ยังสามารถดึงดูดเงินลงทุนเข้ามาได้ โดยเปิดจำหน่ายล่วงหน้า