พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 319 ดึงดูดความสนใจ
รอยยิ้มที่อ่อนโยนปรากฏบทใบหน้าของเธอ เพียงแต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้ฉายผ่านดวงตา โดยปกติแล้วเนี่ยเฟิงและคางเมิ่งจะอยู่ด้วยกันตลอด ดังนั้นเนี่ยเฟิงจึงรู้ว่าเวลาที่คางเมิ่งยิ้มจากใจนั้นมันเป็นอย่างไร
เพราะนี่คือการประมูลภายใน ดังนั้นคนที่มาร่วมงานประมูลล้วนเป็นคนที่มีฐานะในสังคมทั้งนั้น ไม่มีสื่อมวลชน และผู้สื่อข่าวที่ได้รับเชิญมาร่วมงานก็ต้องเก็บทุกอย่างในงานให้เป็นความลับทั้งนั้น
เฉพาะภาพถ่ายที่ผ่านการตรวจสอบจากเจ้าของงานเท่านั้น ถึงจะปล่อยให้พวกเขาเผยแพร่ออกไปได้
อันที่จริง ดาราดังในแวดวงบันเทิงและคนมีหน้าตาในสังคมไม่ได้มีความอิสระในงานนี้มากนัก เพราะยังไงแล้วแม้แต่พวกเขาก็ต้องทำงานเพื่อสังคมนิยมเช่นกัน
เมื่อเนี่ยเฟิงและคางเมิ่งเดินเข้ามาด้วยกัน พวกเขาก็ดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมาก ทุกคนเริ่มกระซิบกระซาบกัน พวกเขาไม่รู้ว่าระหว่างเนี่ยเฟิงและคางเมิ่งนั้นมีความสัมพันธ์อย่างไรกัน และพวกเขาก็ไม่รู้ว่าเนี่ยเฟิงคือใครและมาจากไหนด้วย
เนี่ยเฟิงยิ้มอย่างสุภาพ นอกจากนี้แล้วเนี่ยเฟิงยังมีใบหน้าที่หล่อเหลา และเป็นคนที่แต่งตัวแล้วจะดูผอมในทันทีอีกด้วย ชุดนี้เพิ่มเสน่ห์ให้กับเนี่ยเฟิงได้ไม่น้อยจริงๆ
ในเวลานี้ ผู้รับผิดชอบในงานเดินเข้ามา “สวัสดีครับ คุณคาง วันนี้คุณดูสวยจับใจคนมากจริงๆ เลย”
คนที่เดินเข้ามานั้นเป็นผู้ชายคนหนึ่ง แต่รูปร่างหน้าตาของเขาดูอ่อนโยนมาก มีสไตล์แปลกๆ ในทุกการเคลื่อนไหวของเขา
ผู้ชายคนนี้เรียกตัวเองว่า Mary ฟังดูแล้วซึ่งเหมือนชื่อผู้หญิงมาก
เขาเชิญคางเมิ่งและเนี่ยเฟิงเข้าไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “วันนี้มีคนมาร่วมงานเยอะเกินไปจริงๆ และผมไม่สามารถดูแลพวกคุณได้มากกว่านี้ แล้วพวกคุณหาอะไรกินที่นี่ไปก่อนแล้วกัน ขนมอบและของอร่อยเหล่านี้ล้วนมาจากฝีมือของเชฟมิชลินสามดาวทั้งนั้น”
หลังจาก Mary พูดจบ เขาก็เดินไปทักทายแขกคนอื่นๆ ราวกับเขาเป็นผีเสื้อเร่ร่อน
“ดูเหมือนว่าผู้รับผิดชอบคนนี้จะเป็นตุ๊ดหน่อยๆ คุณว่ามั้ย?”
เนี่ยเฟิงอดไม่ได้ที่จะกระซิบกับคางเมิ่งด้วยเสียงเบาๆ
“เนื่องจากว่ามันเป็นแบรนด์ระดับสากล ดังนั้นพวกเขาจึงให้ความสำคัญกับการคัดกรองบุคลากรอย่างมาก ดูอย่าง Mary สิ ดูแล้วเหมือนว่าเขาจะไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นถึงผู้รับผิดชอบในพื้นที่แห่งนี้เชียวนะ”
คางเมิ่งยกนิ้วโป้งออกมาอย่างเงียบๆ เมื่อเธอพูดถึงจุดนี้ “และ Mary ยังเป็นนักออกแบบเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงมากในประเทศของเราอีกด้วย”
เนี่ยเฟิงเข้าใจในทันที “เป็นอย่างนี้นี่เอง!”
“นี่มันแน่นอน วันนี้เราไม่ได้กินอะไรเลย ทำไมเราไม่ไปดูว่ามีของอร่อยกันล่ะ ยังไงก็เถอะ ฉันไม่คุ้นเคยกับคนที่นี่มากหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับการเชิญจากเจ้าของแบรนด์ ฉันก็คงไม่มีโอกาสมาร่วมงานประชุมแบบนี้หรอก”
เพราะยังไงที่นี่ก็คือเมืองหนานหู ไม่ใช่เมืองจินไห่ ดังนั้นการที่คางเมิ่งไม่รู้จักกับคนเหล่านี้จึงเป็นเรื่องปกติ ส่วนดาราดังและเศรษฐีที่ปรากฏบนหน้าจอนั้นพวกเขาแค่ชำเลืองมองครั้งเดียวก็รู้แล้วว่าคือใคร
เพียงแต่คางเมิ่งเป็นคนที่เพิ่งมาใหม่ เธอกังวลว่าตัวเองจะทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง ดังนั้นเธอเลยไม่คิดที่จะเข้าไปทักทายหรือประจบประแจงแขกคนอื่นๆ
เนี่ยเฟิงมองไปที่อาหารหลากหลายที่ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะ และรู้สึกว่ามันไม่เลวเลยทีเดียว ดังนั้นเขาจึงหาที่ว่างแห่งหนึ่งและนั่งลง
อาหารเย็นในวันนี้เป็นอาหารเย็นแบบบุฟเฟ่ต์ และหลังจากที่ตักอาหารตามใจชอบแล้วทุกคนก็สามารถนำมันไปทานในร้านอาหารที่มีสไตล์แห่งหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ตามเนี่ยเฟิงเป็นถึงราชามังกร และเขาเคยกินอาหารโอชาทุกประเภทมาแล้ว ดังนั้นเนี่ยเฟิงจึงไม่เคยสนใจในด้านกินมากนัก
อีกอย่าง มันก็แค่ร้านอาหารระดับสามดาวมิชลินไม่ใช่เหรอ? ร้านอาหารแบบนี้เขามีตั้งเยอะแยะไป
เชฟเหล่านี้เปลี่ยนรูปแบบในการทำอาหารเพื่อปรุงอาหารที่ถูกปากให้กับเนี่ยเฟิง ซึ่งเป็นราชามังกรของพวกเขา
“ของหวานของที่นี่อร่อยจังเลย! ได้ยินมาว่าอาหารที่ปรุงโดยเชฟสามดาวมิชลินนั้นแพงมาก วันนี้เราจะถือโอกาสนี้กินอย่างเต็มที่ไปเลย จะได้ไม่ขาดทุน! นายว่าจริงไหม? ”
เมื่อเนี่ยเฟิงได้ยินคางเมิ่งพูดแบบนี้แล้ว เขาก็ตกตะลึงเล็กน้อย “คุณไม่ได้จ่ายเงินสักหน่อย แม้ว่าคุณจะกินเยอะแค่ไหนก็ตาม คุณก็ไม่สามารถนำเงินทุนกลับคืนมาได้อยู่แล้ว นอกจากนี้พี่ฟางยังบอกอีกด้วยว่า ให้ผมจับตาดูคุณให้ดี เธอไม่อยากให้คุณกินเยอะเกินไป เพราะกลัวว่าคุณจะอ้วนน่ะ”
คางเมิ่งเบ้ปาก “ฉันเป็นพี่สาวแท้ๆ ของนายนะ นายควรเชื่อฟังฉันมากกว่า! ถึงแม้ว่าพี่ฟางจะพูดถูก แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ถ้าไม่กินข้าวก็ต้องหิวแย่สิ เพราะฉะนั้นยังไงฉันก็ต้องกินให้อิ่มก่อน!”
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังเพลิดเพลินกับอาหารอย่างมีความสุขนั้น ก็มีการจ้องมองจากทางไกลเกาะติดบนตัวของคางเมิ่ง ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นเธอมาก่อน?”
“เธอคือพรีเซนเตอร์คนใหม่ของ Semerai ชื่อว่าคางเมิ่ง”
เลขาที่ยืนอยู่ข้างๆ ชายคนนั้นตอบทันที
“เธอดูไร้เดียงสาและสวยดี เป็นสเปคของฉันจริงๆ”
“แต่ศิลปินคนนี้อ้างว่าตัวเองมีแฟนแล้ว”
เลขาฯ พูดออกไปแล้วฝ่ายชายก็เย้ยหยันว่า “คนสมัยนี้ถึงแม้จะแต่งงานกันแล้วก็ต้องหย่ากันอยู่ดี นับประสาอะไรกับการมีแฟนล่ะ อีกอย่างผู้หญิงที่ฉันชอบไม่เคยปฏิเสธฉันเลย”
ชายคนนั้นพูดพร้อมกับหยิบค็อกเทลขึ้นมาแก้วหนึ่งแล้วเดินเข้าไปหาคางเมิ่ง “คุณผู้หญิงครับ ผมอยากจะเชิญคุณดื่มกับผมสักแก้วจะได้ไหมครับ? ”
คางเมิ่งกำลังกินของหวานอย่างมีความสุขในเวลานี้ และเมื่อเธอได้ยินคนพูดอยู่ข้างๆ เธอ คางเมิ่งก็เงยหน้าขึ้นมอง
เดิมทีคางเมิ่งดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงที่ปราดเปรียวและน่ารักน่าเอ็นดูอย่างมาก การเคลื่อนไหวที่เงยหน้าขึ้นนี้เกือบจะทำให้ชายคนนี้หัวใจละลายในทันที เพราะมันเหมือนสัตว์ตัวเล็กที่น่าทะนุกถนอมเกินไป และดวงตาโตๆ ที่ผ่องใสของเธอทำให้ผู้คนหลงรักมาก
รอยยิ้มแบบมืออาชีพปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคางเมิ่ง เธอพยักหน้า และยกแก้วไวน์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา “สวัสดีค่ะ”
เธอดื่มอย่างไม่เต็มใจนัก อย่างไรก็ตามอยู่ในวงการบันเทิงก็ยังต้องพบปะพูดคุยกับคนอื่นอยู่ แม้ว่าเธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่เธอก็ยังต้องสุภาพไว้เสมอ
“ผมชื่อเฉาตื๋อเหริน ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงชื่ออะไรครับ?”
“ฉันชื่อคางเมิ่งค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“ที่แท้ก็เป็นคุณคางนั้นเอง คุณมาที่นี่คนเดียวหรือ? ฉันไม่เคยเห็นสาวสวยอย่างคุณในเมืองหนานหูมาก่อนเลย”
เฉาตื๋อเหรินกล่าวและนั่งลง เขาไม่สนใจเนี่ยเฟิงที่อยู่ข้างๆ คางเมิ่งเลย
คางเมิ่งเลิกคิ้ว และคิดในใจว่าผู้ชายคนนี้ทำเหมือนว่าเขาไม่มีตัวตน
“เปล่าค่ะฉันไม่ได้มาคนเดียว ฉันมากับ……..”
“สวัสดี คุณเฉาตื๋อเหริน ผมเป็นแฟนของคางเมิ่ง และผมชื่อเนี่ยเฟิงครับ”
เนี่ยเฟิงที่อยู่ข้างๆ เขาพูดขึ้นมา และเฉาตื๋อเหรินก็ตระหนักได้ในทันที “อ๋อที่แท้ยังมีคนนั่งอยู่ข้างๆ คุณด้วย ต้องขอโทษจริงๆ เพราะผมไม่เคยมองคนที่ไม่สำคัญน่ะครับ”
แน่นอนว่าเฉาตื๋อเหรินแสดงความครอบงำต่อเนี่ยเฟิง เพราะตระกูลเฉาเป็นหนึ่งในสิบเศรษฐียักษ์ใหญ่ในมณฑลซานเจียง ดังนั้นเฉาตื๋อเหรินจึงหยิ่งทะนง และไม่แยแสใครในสายตาของเขา
“ผมไม่โทษคุณหรอก เพราะยังไงคุณก็เป็นคนไข้คนหนึ่ง ถ้าสายตาไม่ดีก็ควรไปพบแพทย์สักหน่อย”
เนี่ยเฟิงยิ้มแฉ่ง และเฉาตื๋อเหรินไม่คาดคิดว่าผู้ชายคนนี้กล้าพูดจาแบบนี้กับเขาด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า “คนต่ำต้อยยังไงก็เป็นเป็นคนต่ำต้อยอยู่วันยังค่ำ จะพูดจะจาอะไรนี่ไม่เคยคิดก่อนเลย คุณคางครับ ผมรู้สึกว่าคนแบบนี้ไม่คู่ควรกับคุณเลย คุณสมควรได้รับคนที่ดีกว่า”
คางเมิ่งก็เริ่มรู้สึกโกรธเล็กน้อยในเวลานี้ “คุณเฉาคะ ได้โปรดอย่ามาพูดล้อเล่นด้วยคำพูดที่ไร้สาระเช่นนี้อีกเลย ทุกคนเท่าเทียมกัน โดยไม่คำนึงถึงชนชั้น”
เฉาตื๋อเหรินส่ายหัว “ไม่มีความเท่าเทียมกันในสังคมนี้ ทุกคนถูกแบ่งชนชั้นกันทั้งนั้น แฟนของคุณคนนี้ก็เป็นกลุ่มคนที่ต่ำต้อยที่สุดในสังคมนี้ และเขาก็พึ่งพาคุณถึงจะเข้ามาร่วมงานในนี้ได้ใช่ไหม?”