พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 32 รถถูกทุบ
บทที่ 32 รถถูกทุบ
แม้ว่าอาคารที่พี่ใหญ่จะสร้างต้องใช้ร้อยล้านพันล้านหรือหมื่นล้านก็ไม่เป็นไร เขาสามารถหามาให้ได้
แต่ว่าถ้าตอนนี้เขาเอาออกมาล่ะก็ พี่ใหญ่ต้องสงสัยแน่ๆ จะต้องถามเขาว่าเงินเหล่านี้มาจากไหนแน่นอน
เนี่ยเฟิงแอบถอนหายใจเบาๆ เดิมทีก็ไม่รู้ว่าจะบอกกับพวกพี่ๆยังไง ตอนนี้อ้อมไปยิ่งอยู่ยิ่งไกลแล้ว
แต่ว่าด้วยนิสัยที่ไม่ยอมแพ้ใครของพี่ใหญ่นั้น ถึงเขาจะให้พี่ใหญ่ก็คงไม่เอา
เนี่ยเฟิงเลียปาก แล้วยิ้มถาม:”ดูเหมือนจะคิดถูกที่เรียนมาจากพี่ใหญ่ สัปดาห์นี้เราน่าจะอยู่ดีกินดีมาก ! ”
ชิวมู่เฉิงตะลึง แล้วส่ายหัว”พี่ไม่ได้คิดจะให้นายตามมา พี่อยากให้นายมาฝึกงานที่บริษัทพี่”
เนี่ยเฟิงมองไปที่ชิวมู่เฉิงอย่างน่าสงสารทันที “พี่ใหญ่พาผมไปด้วยเถอะ พี่ก็รู้ ผมจะไม่ก่อความวุ่นวายเด็ดขาด ผมจะคอยเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของพี่ ผมอยากรู้ว่าพวกพี่ทำงานยังไง โดยเฉพาะพี่ ต้องหาเลี้ยงพวกเราอย่างลำบาก ! ”
ชิวมู่เฉิงรู้สึกไม่รู้จะทำยังไงดี”เงินของพี่เลี้ยงพวกแกได้สบายมาก อีกอย่าง บ้านพักตากอากาศนั้นก็ไม่เท่าไหร่เอง เงินกินข้าวของนายก็เป็นของพี่หก”
“ถึงเวลาผมจะตั้งใจทำงานหาเงินมาเลี้ยงพวกพี่เอง พวกพี่วางใจได้ ผมไม่เกาะผู้หญิงกินหรอก ! ”
ณ ตอนนี้ ชิวมู่เฉิงมองดูน้องชายที่น่ารักอย่างยิ่งแล้วคิดในใจ ถ้าเขาเป็นคนที่เกาะผู้หญิงกิน เธอก็ยอมเลี้ยงเขาทั้งชีวิต
“ดูกันพอแล้ว พวกเรากลับไปเถอะ วันนี้มาซื้อที่ดินผืนนี้แล้ว คืนนี้ค่อยบอกกับพวกหล่อน เอาแบบนี้ดีกว่า วันนี้ไปซื้อวัตถุดิบที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต พี่ใหญ่จะทำอาหารเลี้ยงพวกแกเอง”
แม้ว่าเธอจะดูงดงามมาก่อน แต่ว่าอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลชิวมาตลอด ดังนั้นจึงไม่สามารถช่วยน้องสาวที่เหลือได้สักเท่าไหร่
แต่ว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ตอนนี้เธอออกมาทำคนเดียว มีทรัพยากรในมืออยู่มาก ถึงเวลาถ้าพวกน้องสาวมีความคิดอะไรก็บอกกับเธอโดยตรงได้
“เอาสิ งั้นพวกเราไปกันตอนนี้เลย ! ”
พวกเขาทั้งสองคุยไปเดินไปหารถกัน แต่ไม่นึกเลยว่ายังไม่ทันถึงที่ที่รถจอด ก็ได้ยินเสียงทุบอย่างรุนแรง
ชิวมู่เฉิงกับเนี่ยเฟิงขมวดคิ้วแทบจะพร้อมกัน
จะว่าไปทั้งสองดูเหมือนคู่รักกันจริง ๆ แต่ว่าชิวมู่เฉิงมักจะเชิดหน้าอยู่เสมอเลยดูเย็นชาเป็นพิเศษ เหมือนกับว่าไม่สามารถเข้าถึงได้
และเนี่ยเฟิงที่อยู่ข้าง ๆ ชิวมู่เฉิง มีใบหน้ายิ้มแย้ม ดูเข้าถึงได้ง่ายมาก
รถที่ถูกทุบไม่ใช่รถใคร เป็นรถของชิวมู่เฉิง ชิวมู่เฉิงเห็นรถตัวเองถูกทุบจนเละ ก็รู้สึกโกรธเล็กน้อย
“พวกคุณเป็นใคร ? ทุบรถของฉันทำไม !”
เนี่ยเฟิงหุบยิ้ม รีบวิ่งเข้าไป ขวางหน้าชิวมู่เฉิง
ชิวมู่เฉิงเหม่อเล็กน้อย น้องชายของเขาโตแล้ว รู้จักปกป้องพี่สาวแล้ว
“พวกแกเป็นเจ้าของโครงการใช่ไหม ? มาเดินเล่นข้างใน ดูไปดูมาน่าจะซื้อที่ดินผืนนี้แล้วสินะ ?”
คนนำที่ทุบรถ สวมชุดทำงาน ทรงหัวแบนเบอร์หนึ่ง หน้าโหดมาก ดูเข้าถึงยากมาก
หมอนั้นหุ่นใหญ่โตมาก หุ่นอย่างกับหมี ตรงกันข้ามหุ่นของเนี่ยเฟิงจะบางกว่าหน่อย
แต่ว่าเนี่ยเฟิงเป็นประเภทที่แต่งตัวแล้วดูผอม พอถอดเสื้อออกจะเห็นกล้าม ภายใต้เสื้อของเขาปกคลุมไปด้วยกล้ามเนื้อและร่างกายที่มีพลังมาก
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม? มันเกี่ยวอะไรกับพวกแก? พี่ใหญ่ โทรแจ้งตำรวจให้ตำรวจมาจัดการดีกว่า”
ถึงแม้เนี่ยเฟิงจะไม่เชื่อตำรวจ แต่ว่าประเทศนี้ ตำรวจก็มีแรงโน้มน้าวจิตใจระดับหนึ่ง
อีกอย่าง คนพวกนี้จะสามารถขัดขืนตำรวจได้เหรอ ?
คนนำคายไม้จิ้มฟันทิ้ง ยกแท่งเหล็กในมือขึ้นมา “มึงลองโทรดูดิ กูหักมือยัยนี้แน่ !”
เนี่ยเฟิงฟังแล้วแสยะยิ้ม”เก่งจริงๆ ไม่รู้ว่าแกจะมีความสามารถนี้รึเปล่านะ !”
กลุ่มของพวกเขา มองแวบแรกดูเหมือนจะมีประมาณห้าสิบกว่าคน
ในกลุ่มมีคนทุกเพศทุกวัย แต่ว่าส่วนใหญ่เป็นหนุ่มวัยรุ่น พวกเขาล้อมเนี่ยเฟิงกับชิวมู่เฉิงไว้ ดวงตาแต่ละคู่เต็มไปด้วยความน่ากลัว
“จะมีความสามารถนี้รึเปล่า มึงไม่เกี่ยว มึงดูพวกกูมีตั้งกี่คน กูถามมึงอยู่ พวกมึงเป็นเจ้าของโครงการสินะ พวกมึงซื้อที่ดินนี้แล้วใช่ไหม ?”
ฝ่ายตรงข้ามเคาะแท่งเหล็กที่อยู่ในมือ ดูน่ากลัวสุด ๆ แท่งเหล็กนั้นก็แข็ง ดูเหมือนจะหนักมาก
“เสี่ยวเฟิง อย่าใจร้อน”
ชิวมู่เฉิงตบหลังเนี่ยเฟิง แล้วก็พูดว่า:”ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณเป็นใคร แต่การที่พวกคุณทำรถฉันพังมันผิด มีอะไรพูดกันดีๆไม่ได้เหรอ?”
“พูดดี ๆ ? ได้ยินคำนี้จากปากนายทุนอย่างพวกมึง กูรู้สึกตลกจริงๆ ใครจะพูดดีๆกับพวกมึง พวกมึงโกงพวกกูก่อน !”
คนนำพูดกัดฟันแน่นพูดด้วยความโกรธ โกรธจนเลือดขึ้นหน้า
“โกงพวกคุณยังไง?”
ชิวมู่เฉิงมองน้องชายของตัวเองอย่างไม่เข้าใจ แล้วหันไปมองคนกลุ่มนั้น
“ไม่ได้โกงพวกเรางั้นเหรอ ? นายทุนอย่างพวกแก ฉวยโอกาสตอนที่คนหนุ่มสาวที่รู้หนังสืออย่างพวกเราไม่อยู่บ้าน จากนั้นก็ใช้สนธิสัญญาต่างๆเพื่อหลอกผู้สูงอายุที่บ้านเซ็นชื่อ แล้วขายตึกนี้ ที่จริงแล้วค่าชดเชยที่พวกเราได้รับนั้นน้อยมาก ซึ่งไม่ได้เท่ากันกับราคาตลาดเลย พวกแกไม่ได้โกงแล้วใครโกงล่ะ !”
เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ที่มัดผมหางม้าในนั้น พูดออกมาด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรมอย่างอดไม่ได้
“นั้นสิ เดิมทีบอกว่าจะแบ่งค่าชดเชยตามตารางวาของบ้านและจำนวนคน สุดท้ายก็ให้แค่ค่าชดเชยตามตารางวา และบ้านของฉันมีพื้นที่ 80 ตารางเมตรแต่กลับให้เงินมา 40 ตารางเมตร พวกแกทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ !”
มีหญิงชราคนหนึ่งไม่พอใจเป็นพิเศษ จ้องพวกเขาเขม็ง
“เรื่องพวกนี้พวกคุณต้องไปหาทนายความถึงจะถูก เพราะว่าที่ดินผืนนี้ขายต่อให้3เจ้าของโครงการแล้ว และฉันเป็นคนที่3 พวกคุณควรจะไปหาคนที่ซื้อที่ดินจากพวกคุณแต่แรก”
ชิวมู่เฉิงเข้าใจสถานการณ์แล้วก็เลยรู้ว่า พวกเขาน่าจะไม่พอใจกับค่าชดเชย เลยมาโวยวายที่นี่
แต่ว่าชิวมู่เฉิงไม่ใช่คนที่จะถูกรังแกง่าย ๆ นี้คือปัญหาของก่อนหน้ามันเกี่ยวอะไรกับเธอล่ะ ? เธอใช้เงินจริงซื้อที่ดินผืนนี้แล้ว
“หรือว่าพวกคุณไม่ได้เซ็นสัญญา? บริษัทไหนเป็นบริษัทที่ลงนามในสัญญาพวกคุณไม่รู้เหรอ?”
“ถุ้ย ! พวกนายทุนอย่างพวกแกก็ได้แต่ปัดความรับผิดชอบ โบ้ยกันไปโบ้ยกันมา ตอนนั้นพวกเขาให้พวกเราไปขอเงินจากเจ้าของคนต่อไป สุดท้ายเจ้าของคนต่อไปก็บอกว่าเขาไม่ใช่เจ้าของแล้ว ให้พวกเราไปหาคนต่อไป พวกเรารอที่นี่มาหลายวันแล้วกว่าจะรอแกมาได้ ไม่คิดว่าผู้หญิงอย่างแกจะปากเก่ง ไม่รู้จักถูกผิด แกไม่คิดจะจ่ายเงินให้พวกเราใช่มั้ย !