พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 34 ทีมต้มตุ๋น
บทที่ 34 ทีมต้มตุ๋น
เนี่ยเฟิงเห็นรอยยิ้มที่ฝืนบนใบหน้าของเย่หรูเสว่ก็รู้เลยว่าเธอไม่อยากย้ายมาแผนกจราจร
แต่ไม่ใช่ว่าแผนกจราจรไม่ดี แต่ว่าเธอจบมาจากตำรวจอาญากรรม ไปแผนกจราจรรู้สึกไม่ค่อยเหมาะกับงานสักเท่าไหร่
“พี่ใหญ่ ทำไมรถพี่ถึงได้พังขนาดนี้?ใครเป็นคนทำกันแน่?ฉันจะรับเช็คกล้องวงจรแถวนี้ให้!”
เย่หรูเสว่รีบเบี่ยงเบนหัวข้อ มองดูรถที่ถูกทุบจนพังของชิวมู่เฉิง รู้สึกโกรธมาก
“จริง ๆ แล้วน่าจะเป็นการเข้าใจผิด”
ชิวมู่เฉิงครุ่นคิด เลยพูดแบบนี้
“เข้าใจผิดอะไรกัน?คนพวกนั้นเป็นคนทุบรถพวกเราจนพัง พี่หกต้องเช็คกล้องนะ จับพวกคนที่ทุบรถพังให้หมด เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกัน มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลย มีสิทธิ์อะไรมาทุบรถพวกเราล่ะ?”
เนี่ยเฟิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ พี่ใหญ่เขาดีหมด เสียอย่างเดียว เธอดูเหมือนจะเป็นคนเย็นชา แต่จริงๆแล้วเป็นคนขี้ใจอ่อน
เนี่ยเฟิงเลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ให้เย่หรูเสว่ฟังอย่างละเอียด หลังจากเย่หรูเสว่ฟังแล้วก็ทุบกำแพงข้างๆอย่างโมโห
“นี่พวกมันจงใจชัด ๆ ต้องจับพวกมันให้ได้ แล้วสั่งสอนสักที และจะให้พวกมันชดใช้ ! อย่าไปทนกับคนแบบนี้ !”
เย่หรูเสว่พูดแล้วบีบกำปั้น
“เรื่องนี้ปล่อยมันไปเถอะ พี่ซื้อประกันสำหรับรถไว้แล้ว”
อีกอย่าง ถึงจะหาพวกนั้นเจอแล้วยังไงล่ะ ถ้าพวกเขายังทำตัวไร้เหตุผลกลิ้งไปกลิ้งมาเหมือนเมื่อกี้ล่ะ? งั้นพวกเขาคงจะกลายเป็นเป้าหมายในการโจมตีไม่ใช่หรือไง?
“แค่ว่าลำบากเสี่ยวเฟิงที่ต้องมาทุกข์ใจด้วยกันกับพี่”
“ผมมีอะไรให้ทุกข์ใจ?ถ้าเมื่อกี้พี่ใหญ่ไม่ห้ามผม ผมจัดการพวกนั้นจนหมอบแล้ว ! จะยอมให้พวกมันขี่หัวของพวกเราได้ยังไง?”
เนี่ยเฟิงเห็นว่าพี่ใหญ่ไม่อยากจะตามมาให้รับผิดชอบรถคันนี้แล้ว
แต่ว่าเขาไม่ยอม พวกนั้นมีเพียงแค่จำนวนคนที่มากเท่านั้นเอง ?
และให้พวกเด็ก ๆ กับคนชราออกมาเป็นโล่โดยเฉพาะ ไม่ใช่ลูกผู้ชายเลยไม่ใช่เหรอ ?
“พี่ใหญ่คิดให้ดีนะ เหตุการณ์ทุบจนพังนี้มันเลวมากเลยนะ พวกมันมีสิทธิ์ที่จะชดเชยให้พี่ จะว่าไปรถคันนี้ก็ไม่ใช่ถูกๆนะ”
ถึงพวกเขาจะเป็นกองตำรวจจราจร แต่ว่าก็จำเป็นต้องได้รับคำยินยอมจากคู่กรณีก่อน พวกเขาถึงจะไปประสานงาน สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินส่วนตัวเท่านั้น
“น้องหก เธอไปทำงานของเธอเถอะ เธอเพิ่งย้ายมาแผนกนี้ คงจะยังมีหลายๆอย่างที่ต้องปรับตัว”
จริงๆเมื่อกี้ตอนที่ให้เนี่ยเฟิงโทรเรียกตำรวจจราจร เธอก็มีลังเลนิดหน่อย
อยากทำการพัฒนาที่ดินนี้อีกครั้ง ยังต้องการชื่อเสียงของคนท้องถิ่นเดิม ก่อนหน้านี้ก็เคยมีเหตุการณ์นองเลือด
เนี่ยเฟิงรู้ว่าพี่ใหญ่กังวลอะไร เขาเลียริมฝีปากที่แห้ง แล้วมองไปในระยะไกล
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หันกลับมา”ก็ได้ ! งั้นฟังพี่ใหญ่แล้วกัน ! พี่ใหญ่พูด พี่ใหญ่ว่าอะไรก็คืออะไร !”
ไม่นาน เจ้าหน้าที่ประกันภัยก็มา รถคันนี้ของชิวมู่เฉิงถูกทุบจนไม่สามารถใช้ได้แล้ว เจ้าหน้าที่ประกันภัยทำการชดใช้ตามประกัน เงินชดใช้ที่ได้มาก็ไม่พอที่จะซื้อรถรุ่นระดับกลางได้
นอกจากนี้ช่วงนี้ต้องทำการพัฒนากับที่ดินพื้นที่บุกเบิกสปริง ดังนั้นชิวมู่เฉิงก็เอาเงินก้อนนี้เป็นเงินลงทุนเริ่มต้นแล้วกัน
เนี่ยเฟิงเห็นพี่ใหญ่ของตัวเองขนาดรถยังไม่อยากซื้อรถ แล้วเบียดรถไฟใต้ดินกลับไปด้วยกัน เขารู้สึกยังไงไม่รู้มันพูดยาก
“พี่ใหญ่กลับไปก่อนเถอะ ผมต้องไปสักที่ก่อน”
“นายจะไปไหน?”
หลังจากพวกเขาเจอเรื่องแบบนี้ ทั้งสองคนก็ตัดสินใจไม่ฉลองแล้ว ยังไงเรื่องนี้ก็ไม่ได้น่ายินดีอะไร แก้ปัญหาเรื่องตรงหน้าก่อนถึงจะถูก
“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลากินข้าว ผมอยากออกไปเดินเล่น ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของเมืองตงไห่ พี่ก็รู้เมืองตงไห่ในตอนนี้มันแปลกมากสำหรับผม ผ่านไปตั้งหลายปี ที่นี่เปลี่ยนไปแค่ไหนแล้วผมก็ไม่รู้ ผมอยากไปเที่ยวใจกลางเมืองนะ !”
ชิวมู่เฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “แต่ว่านายอยู่ข้างนอกคนเดียว ต้องระวังตัวด้วย อย่าไปกับคนแปลกหน้าล่ะ”
“พี่ใหญ่ผมไม่ใช่เด็ก3ขวบแล้วนะ ผมจะถูกคนแปลกหน้าลักพาตัวไปได้ไง?พี่วางใจเถอะ ผมจะกลับไปก่อนถึงเวลากินข้าว เย็นนี้ผมอยากกินแกงไก่ !”
เนี่ยเฟิงพูดจบเปลี่ยนสถานีลงไปแล้ว เขาก็โบกแท็กซี่มา
“ช่วยไปที่แผงขายอาหารที่ทุ่งหญ้าแถวพื้นที่บุกเบิกสปริงหน่อยครับ”
เนี่ยเฟิงดูอุปกรณ์สะกดรอยในมือถือ จากนั้นก็เปลี่ยนสีหน้า ต่างกับใบหน้ายิ้มแย้มขี้อ้อนเมื่อกี้ลิบลับเลย
คนขับรถเหยียบคันเร่ง ไม่นานก็พาเนี่ยเฟิงมาที่แผงขายอาหารที่ทุ่งหญ้า
“เมื่อกี้พวกเราพังรถยัยนั้นแล้ว จะมาเรียกให้พวกเรารับผิดชอบรึเปล่า?”
เจ้าหัวแบนที่เป็นคนนำเมื่อกี้ นั่งกินดื่มในแผงขายอาหารกับเพื่อนๆหลายคน
เพื่อนของเขาดื่มเบียร์ด้วยความกังวล
“จะเป็นไรไปได้นายไม่เห็นเหรอ?พวกมันสองคนไม่กล้าพูดอะไรเลย!”
เจ้าหัวแบนเบะปาก แล้วโยนถั่วเข้าปากเคี้ยว
“ทำรอบนี้เสร็จ พวกเราอย่างน้อยก็ต้องมีหลายหมื่นแหละก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีเงินรึเปล่า…”
ผู้ชายข้างๆที่สวมชุดสวัสดิการสังคมพูดเบาๆ
พวกเขาไม่เห็นเลยว่าข้างนอกมีดวงตาคู่หนึ่งที่เหมือนนกอินทรี กำลังแอบมองพวกเขาอยู่
เรื่องจริงก็เป็นอย่างที่เนี่ยเฟิงกับชิวมู่เฉิงวิเคราะห์ไว้เลย เจ้าของโครงการคนก่อน ๆ ให้เงินกับพวกเขาไม่น้อย พวกเขาจะได้มาโดยไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย เพราะงั้นเลยมาก่อกวนนายทุน
ดูเหมือนว่าหวางซื่อกรุ๊ปกับนายทุนคนเก่าที่ซื้อที่ดินนี้ก็ถูกก่อกวนมาเยอะ ทำอะไรไม่ได้เลยขายที่ดินนี้ออกไป
กลุ่มคนในตึกนี้จนมาทั้งชีวิตแล้ว จู่ๆก็ได้รับค่ารื้อถอนก้อนโตเช่นนี้ ชั่วขณะนั้นพวกเขาไม่รู้ว่าจะใช้ยังไงดี
ส่วนมากเอาไปเล่นการพนันแล้ว หลังจากเล่นการพนันหมดแล้วก็ไปกู้เงิน ผลสุดท้ายเป็นหนี้กันหมด ตอนนี้คืนเงินไม่ไหวแล้ว พวกเขาก็คิดวิธีหารายได้จากพวกนายทุนอีกครั้ง
บางทีอาจเป็นเพราะว่าได้รับค่าชดเชยจากตระกูลหวางไม่น้อย พวกเขาได้รับผลประโยชน์มา ดังนั้นไม่ว่าใครที่มาซื้อที่ดินนี้ พวกเขาก็จะรวมกลุ่มกันมาต้มตุ๋น
การกระทำแบบนี้มันแย่มากจริง ๆ พวกเขาเอาแต่คิดว่าทีมของตัวเองมีทั้งคนชรากับเด็กและคนพิการ
แต่ว่าก็ไม่มั่นใจว่าคนกลุ่มนี้จะรู้เรื่องกันรึเปล่า มีหลายคนอาจจะถูกหลอกไปด้วยก็ไม่แน่
แต่ว่าสำหรับเนี่ยเฟิงแล้ว เขาไม่สนใจว่าคนพวกนี้จะเป็นยังไง
มารังแกพี่ใหญ่ของเขาอย่างก้าวร้าวแบบนี้ เขาจะปล่อยคนพวกนี้ไปได้ยังไงกันล่ะ?
“อย่าไปสนว่าเธอจะมีเงินรึเปล่า ยังไงซะถ้าเธอไม่จ่ายเงินก็ไม่ให้ทำการพัฒนา ! นายทุนครั้งก่อนก็แจ้งตำรวจไม่ใช่เหรอ?สุดท้ายก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้ พวกเราก็ถูกปล่อยออกมาแบบนั้นแล้วไง !”
“พี่พูดถูก อีกอย่าง ยัยนั้นขับรถหรูขนาดนั้น ใส่แบรนด์ดังทั้งตัว จะไม่มีเงินได้ไง ?”
พวกเขาต่างคนต่างพูดกัน แล้วกินอย่างมีความสุข