พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 351 ขออยู่สักพัก
บทที่ 351 ขออยู่สักพัก
เมื่อคนอื่นๆ เห็นสีหน้าอำมหิตของเนี่ยเฟิง ในหัวใจก็เต้นแรงราวกับรัวกลอง
พวกเขามองหน้ากัน อย่างไรเสียชีวิตของพวกเขาก็อยู่ในมือของท่านเทพ ถ้าพวกเขาไม่ขึ้นไป ท่านเทพไม่ปล่อยพวกเขาไป
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องฝืนยิ้มสู้ขึ้นไป!
ท่านเทพก็ตกใจมากเช่นกันที่เห็นเนี่ยเฟิงสังหารสมาชิกสหพันธ์ราชาหลายคนเมื่อครู่นี้
แต่ท่านเทพก็อภัยโทษให้บรรดาสมาชิกของตน รู้สึกว่าความผิดพลาดที่ปรากฏขึ้นมาเช่นนี้ของบรรดาสมาชิก เป็นเพราะพวกเขาแสดงออกว่าไม่ใช้หมัดและเท้า บวกกับการที่ประมาทเกินไป
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ทุกคนต่างพากันเฮโลเข้าไป ท่านเทพไม่เชื่อว่าคนจำนวนมากขนาดนั้นยังไม่สามารถจัดการกับคนเพียงคนเดียวอย่างเนี่ยเฟิงได้!
เสียงการต่อสู้อันน่าหวาดกลัวดังออกมาจากห้อง ประตูถูกปิดไว้ ดังนั้นจึงไม่มีใครในห้องนั้นที่สามารถเล็ดลอดออกไปได้
เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุกซู่
ท่านเทพยืนพิงประตูและฟังอย่างระมัดระวัง เพื่อลองฟังดูว่ามีเสียงเนี่ยเฟิงท่ามกลางเสียงร้องไห้ที่น่าสังเวชเหล่านี้หรือไม่
ไม่กี่นาทีต่อมา เสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาก็ค่อยๆ เงียบไป ท่านเทพขมวดคิ้วเอาตัวแนบอยู่บนประตู
ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก ท่านเทพล้มลงกับพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว คนที่เปิดประตูไม่ใช่ใครอื่น เขาคือเนี่ยเฟิงที่ยืนหยัดต่อสู้จนอาบเลือด
เนี่ยเฟิงจับลูกบิดประตู เขาก้มลงมองท่านเทพ แล้วเช็ดเลือดออกจากใบหน้าของเขา
“ฟังอยู่ข้างนอกสนุกไหม?”
เสียงหอบถี่ของเนี่ยเฟิงดังขึ้นมา เขายืนหยัดต่อสู้กับนักมวยหลายคนตามลำพัง
แม้ว่าจะไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเท่าไรนัก แต่ก็ยังหายใจค่อนข้างลำบากเพราะได้เคลื่อนไหวเอ็นและกล้ามเนื้อ
แค่ต้องปรับตัวเล็กน้อย ก็จะสามารถฟื้นตัวได้เหมือนปกติ
ท่านเทพเงยหน้าขึ้น มองดูบรรดาลูกน้องของตัวเองซึ่งนอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
“เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ? ผมเหมือนจะจำไม่ค่อยได้แล้ว”
เนี่ยเฟิงชำเลืองมองไปที่ท่านเทพซึ่งนอนแกล้งตายอยู่บนพื้น แล้วพูดคำพูดเหล่านี้ออกมาอย่างเฉยเมย
ท่านเทพรู้ดีว่าตัวเองได้ท้าทายเทพอาฆาตที่ไม่ควรไปยุ่งด้วย จึงตอบด้วยรอยยิ้มทันทีว่า “คุณเนี่ยกำลังพูดถึงอะไร? ผมไม่ค่อยเข้าใจ…”
“ฮึ สำหรับผมมันไร้ประโยชน์ที่จะแกล้งทำเป็นใสซื่อ สนามประลองใต้ดินนี้เป็นของคุณ ราชาอะไหลก็เป็นคนของคุณ หากคุณไม่ตอบตกลงเฉากวงหมิง แล้วจะปล่อยให้ราชาอะไหลมาต่อสู้กับผมได้ยังไง?”
ท่านเทพรู้สึกถึงเหงื่ออันเย็นเยียบไหลลงมา เขากำหมัดแน่น รู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถต้านทานได้ จึงอ้อนวอนขอความเมตตา “ผมขอโทษครับคุณเนี่ย มันเป็นความผิดของผมเอง ผมล่วงเกินคุณ ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ ผมยังมีพ่อแม่และลูกเล็กที่ต้องดูแล ผมทำเพื่อหาเลี้ยงชีพเท่านั้น!”
“ทำเพราะอยากได้เงิน ผมก็ไม่ควรพาลใส่คุณ แต่คุณก็รู้ดีว่าเฉากวงหมิงเป็นคนยังไง คุณยังไปสมรู้ร่วมคิดกับเขา เรื่องนี้ผมไม่พอใจมาก อีกอย่างผมเคยบอกแล้วว่าผมจะไม่ร่วมมือกับคุณ แต่คุณกลับมาโกรธเพราะอับอาย ต้องการกำจัดผมด้วยการใช้กำลัง เรื่องนี้ก็ยิ่งทำให้ผมไม่พอใจมาก ในเมื่อคุณทำให้ผมไม่พอใจแล้ว ผมจึงต้องสั่งสอนบทเรียนคุณสักหน่อย”
เนี่ยเฟิงพูดจบก็เดินเข้าไป ก่อนจะยกเท้าขึ้นเหยียบลงบนขาของท่านเทพอย่างแรง ได้ยินเพียงเสียงแตกหักที่ชัดเจน เสียงร้องอย่างน่าเวทนาของท่านเทพดังก้องไปทั่วทั้งห้อง
“รู้สึกถึงความเจ็บปวดไหม? ถ้าสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดก็ถูกแล้ว นี่เป็นเพียงบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคุณ วันหลังอย่าใช้กำลังรังแกคนอื่นอีก อย่านึกว่าตัวเองมีฝีมือเข้าหน่อยก็อยู่เหนือกว่าคนอื่น”
เนี่ยเฟิงปัดฝุ่นบนร่างกายแล้วก้าวสวบๆ เดินออกไป ส่วนท่านเทพก็ร้องไห้หาพ่อหาแม่ด้วยความเจ็บปวดจนสลบไป
“ลูกพี่เนี่ย เมื่อกี้คุณไปไหนมา?”
ตอนที่เหลยเทียนและคนอื่นๆ เข้ามาหา ก็พบว่าเนื้อตัวของเนี่ยเฟิงเปื้อนเลือดเป็นจำนวนมาก พวกเขาถามอย่างเป็นกังวล
“ไม่มีอะไร ผมแค่ไปแก้แค้นส่วนตัว พวกเรากลับกันก่อนดีไหม? เมื่อกี้ผมออกกำลังกายไปนิดหน่อย เหงื่อออกเต็มตัว ตอนนี้เนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะไปหมด ทำให้ผมไม่ค่อยสบายตัวเลย”
เหลยเทียนพยักหน้าแล้วมองดูคราบเลือดบนร่างกายของเนี่ยเฟิง เหลยเทียนรู้สึกว่ามันอาจจะไม่ใช่แค่การออกกำลังกายธรรมดาๆ เท่านั้น
แต่การเกลือกกลั้วอยู่ในวงการแบบพวกเขา ก็ล้วนเจอเรื่องปวดหัวไม่มากก็น้อย
“งั้นก็กลับไปที่สมาคมการต่อสู้ของพวกเรากันก่อน ที่นั่นเรามีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบวงจร คุณต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดนี้ด้วย!”
เนี่ยเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย พวกเขากลับไปที่สมาคมการต่อสู้ด้วยกัน เนี่ยเฟิงเข้าไปอาบน้ำ เปลี่ยนเป็นชุดฝึกซ้อมแล้วเดินออกมา ต้องบอกว่าชุดฝึกซ้อมที่เนี่ยเฟิงใส่อยู่นั้นช่างสะดุดตาจริงๆ
ฝูยานหรงพอเห็นเข้าก็รู้สึกหน้าแดงอย่างบอกไม่ถูก
อาจเป็นเพราะการแสดงออกของเนี่ยเฟิงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำให้เธอรู้สึกว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด
“อย่ามัวแต่อ้อมค้อมเลย พูดให้ตรงประเด็นเลยดีกว่า เมื่อกี้ตอนที่ผมสู้กับราชาอะไหล ผมก็พบว่าราชาอะไหลใช้กระบวนท่าอันเหี้ยมโหดที่ทำให้เหลยเป้าได้รับบาดเจ็บ”
เหลยเทียนพยักหน้า “ลูกพี่เนี่ยพูดถูก ผมมองเห็นอย่างชัดเจนในที่นั่งผู้ชม ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ทำได้ยังไง สามารถใช้กระบวนท่าที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ ดูท่าทางน่าจะมีคนสอนเขามา”
เนี่ยเฟิงรู้สึกว่าการวิเคราะห์ของเหลยเทียนถูกต้อง
“ราชาอะไหลมีอายุใกล้เคียงกับผม แก่กว่าผมไม่กี่ปี ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ราชาอะไหลจะเป็นคนที่ต่อสู้กับเหลยเป้าในตอนนั้น ดังนั้น ต้องมีคนอื่นต่อสู้กับเหลยเป้า
“คุณพูดถูก ถ้าชายคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ เขาน่าจะมีอายุใกล้เคียงกับพวกเรา ดังนั้น จึงมีโอกาสมากที่จะเป็นอาจารย์ของราชาอะไหล เพียงแต่เมื่อกี้ไม่ว่าผมจะถามยังไง ราชาอะไหลก็ไม่ยอมตอบผม แย่จริงๆ!”
“เขาไม่มีทางพูดหรอก เจ้าหมอนั่นปากแข็งจะตาย ผมไว้ชีวิตเขาเพื่อให้เขาส่งข่าวให้อาจารย์ของเขา”
มีลูกศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจอย่างราชาอะไหล เนี่ยเฟิงรู้สึกว่าคนที่ฝึกฝนราชาอะไหลต้องเป็นคนที่รักลูกศิษย์มากอย่างแน่นอน
เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เนี่ยเฟิงยังปฏิบัติภารกิจอยู่ เขาได้พบกับคนที่ใช้หมัดพิษเจ็ดฟุต เขายังเคยต่อสู้กับชายคนนั้นด้วย ทั้งสองคนมีฝีมือพอๆ กัน ต่อมาเนี่ยเฟิงได้ทำให้แขนของอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัส ทิ้งรอยแผลเป็นจากหมัดผ่าเจ็ดดาวเอาไว้ ส่วนชายคนนั้นก็ได้ทิ้งรอยแผลเป็นจากหมัดพิษเจ็ดฟุตเอาไว้บนขาของเนี่ยเฟิงเช่นนั้น
แต่เนี่ยเฟิงได้รักษาตัวเองด้วยความชำนาญ ในไม่ช้าก็ทำการล้างพิษออกไปจนหมด แต่เนี่ยเฟิงก็ยังเกิดความพะวงในใจกับพฤติกรรมของชายคนนั้นตลอดเวลา
“ลูกพี่เนี่ยจัดการได้เหมาะสมแล้ว คุณพูดถูก ราชาอะไหลไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ เมื่อถึงเวลาเขาจะกลับมาหาอีกครั้งแน่นอน! พวกเราแค่เตรียมตัวรอคอยให้ดีก็พอแล้ว!”
“เอาล่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นช่วงนี้ผมจะอยู่กับพวกคุณที่นี่ ผมอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นอาจารย์ของอะไหล”
พอเหลยเทียนได้ยินว่าเนี่ยเฟิงจะอยู่ที่นี่ ก็ถึงกับอึ้งรับประทาน ก่อนจะดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง!
เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะมีคนมีฝีมือเช่นนี้มาอยู่ในสมาคมการต่อสู้ของพวกเขา! แค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่มีอะไรมาเปรียบเทียบได้!