พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 363 ชดเชย
ชิวมู่เฉิงพยักหน้า“ของฉันเอาก็ได้ค่ะ ถ้าหกพวกคุณจะตกลงเงื่อนไขกับฉัน ฉันก็สามารถตอบตกลงเหมือนกัน แต่ฉันจำเป็นต้องรู้ก่อนว่ามันคืออะไร”
เนี่ยหย่วนเต้าและครอบครัวของเขาแค่อยากจะใกล้ชิด เนื่องจากถ้าหากแต่งชิวมู่เฉิงกลับบ้านได้ พวกเขาก็จะปราบความสำเร็จ แต่คิดไม่ถึงว่าชิวมู่เฉิงไม่หลงกล
สีหน้าของเนี่ยซื่อม่าวไม่ค่อยสบอารมณ์เล็กน้อย แต่ก็ยังคงหยิบกล่องกํามะหยี่ออกมาหนึ่งกล่อง เขาเปิดกล่องออกมา ด้านในมีตราสัญลักษณ์อยู่เหรียญหนึ่ง
ในตอนที่เนี่ยเฟิงเห็นตราสัญลักษณ์เหรียญนั้น เขารู้สึกมึนงงเล็กน้อย เพราะว่าตราสัญลักษณ์อันนี้เป็นของรักของหวงของพ่อเขา
ตอนวัยรุ่นพ่อแม่ของเนี่ยเฟิงทำความดีมามากมาย อีกทั้งยังก่อตั้งมูลนิธิการกุศลขึ้น มาวันนี้หลังจากที่ตระกูลเนี่ยถูกทำลายไป มูลนิธิการกุศลจึงถูกคนอื่นยึดไป
ตราสัญลักษณ์เหรียญนี้เป็นเหรียญแรกที่ได้รับจากมูลนิธิการกุศล มันมีความหมายสำหรับพวกเขาเป็นอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าชิวมู่เฉิงรู้ความเป็นมาของตราสัญลักษณ์ เมื่อกี้เธอยังอยากจากไป แต่ตอนนี้เธอถึงกับชะงักขาที่กำลังก้าว
เนี่ยซื่อม่าวเห็นสีหน้าของชิวมู่เฉิงดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย จึงอาศัยโอกาสนี้พูด“นี่เป็นตราสัญลักษณ์ที่น้องชายฉันหวงมากที่สุด เธอก็รู้ว่าทั้งครอบครัวของน้องชายฉันเป็นคนที่มีเมตตามาก ก่อตั้งมูลนิธิและองค์กรการกุศลมากมาย ถึงแม่พวกเขาสองสามีภรรยาจะจากไปแล้ว แต่ฉันคิดว่าสิ่งนี้สำหรับพวกเธอแล้วน่าจะสำคัญมากเลยใช่ไหมล่ะ?”
ชิวมู่เฉิงมองดูเนี่ยเฟิงที่อยู่ข้างๆตัวเองแวบหนึ่ง หลังจากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า“คุณต้องการอะไรพูดมาตรงๆเถอะ”
หลังจากที่พวกเขาทั้งครอบครัวได้ยินชิวมู่เฉิงพูดออกมา สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนจึงเผยให้เห็นถึงความดีใจ เนี่ยซื่อม่าวจึงกระแอมไอเบาๆหนึ่งครั้ง“อันที่จริงแล้ว เราไม่ต้องคุยกันน่าเกลียดขนาดนั้นก็ได้ เรื่องเงินไม่มีความหมายอะไรหรอก พวกเราแค่คิดว่าหลังจากที่เธอออกจากตระกูลชิวมาได้ จะดีกว่าถ้าเธอมาร่วมธุรกิจกับเราเธออยู่คนเดียวก็หัวเดียวกระเทียมลีบ?”
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือสี่ตระกูลตัวพ่อในเมืองจินไห่ได้ล่มสลายไปแล้ว เนื้อชินใหญ่อย่างเมืองจินไห่เหมือนจะยังไม่มีใครแตะต้อง
บวกกับยังได้ลงนามกับธุรกิจที่เกี่ยวกับอ่าวนกยูง ที่อ่าวนกยูงมีท่าเรือที่สำคัญมากอยู่ท่าหนึ่ง ขอเพียงแค่ฮอลิเดย์วิลล่าสร้างเสร็จ เรื่องที่พวกเขาจะส่งมอบสิ่งค้าออกไปก็จะง่ายอย่างไม่ต้องเสียแรงมาก
ถึงแม้พวกเขาจะประจบสอพลอหน้าซื่อใจคด คำพูดที่พูดออกมาไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่พวกเขาเฝ้าแต่คิดกังวลถึงคนอย่างชิวมู่เฉิงและทรัพยากรที่อยู่ในมือของเธอ
“ไม่ต้องพูดเรื่องพวกนี้กับฉันหรอกค่ะ พูดตรงๆมาดีกว่า ว่าพวกคุณต้องการอะไร?”
“ในเมื่อเธอพูดถึงขนาดนี้แล้ว งั้นเราก็จะเสนอเงื่อนไขของเรา เอาอ่าวนกยูงให้กับเราเป็นไง?”
เนี่ยซื่อม่าวเคลียร์คอแล้วพูดออกไปอย่างไม่ละอายใจ พวกเขาอยากจะกลับมายิ่งใหญ่ที่เมืองจินไห่อีกครั้ง
เนื้อชิ้นใหญ่ก้อนนั้น ใครไม่อยากได้กลับมาล่ะ?
คิ้วของชิวมู่เฉิงค่อยๆขมวดขึ้นมา เนี่ยเฟิงที่ได้ยินเนี่ยซื่อม่าวพูดแบบนั้น จึงอดที่จะหัวเราะเสียงดังออกมาไม่ได้“สิ่งนี้ คุ้มค่ากับอ่าวนกยูงงั้นหรือ?คุณนี่มันน่าตลกจริงๆ!”
เดิมทีชิวมู่เฉิงอยากตอบตกลง เนื่องจากสิ่งนี้เป็นของที่มีความหมายของพ่อของเนี่ยเฟิงเป็นพิเศษ แต่เนี่ยเฟิงกลบหัวเราะออกมาอย่างไร้ความปรานี
“ฉันว่าแกอย่ามาขัดจังหวะคนอื่นกำลังพูดกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ไหม อีกอย่าง นี่มันเรื่องของตระกูลเนี่ยของพวกเรา เกี่ยวอะไรกับนายด้วย?”
เนี่ยหย่วนเต้ามองไปที่เนี่ยเฟิงอย่างเย็นชา
“ผมแค่รู้สึกขำน่ะครับ พ่อกับแม่ของผมทำความดีมาตั้งมากมายเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ต้องมาตายด้วยวิธีแบบนี้ นอกจากนี้ เหล่าลูกสาวที่พ่อแม่ของผมเลี้ยงดู ยังปล่อยให้พวกคุณทำลักษณะท่าทีนี้เพื่อเอาคุณค่าในตัวของพวกเธอไป น่าตลกชะมัด!”
เนี่ยเฟิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น เวลานี้เองทั้งครอบครัวของพวกเขาถึงได้รู้สึกผิดปกติ
เนี่ยซื่อม่าวมองประเมินเนี่ยเฟิง หลังจากนั้นก็อดที่เอ่ยขึ้นมาไม่ได้ว่า“ตกลงแกเป็นใครกันแน่?”
“ยังไม่รู้อีกหรือว่าผมเป็นใคร?แน่นอนว่าผมเป็นคุณชายตระกูลหลักของตระกูลเนี่ย ผมคือเนี่ยเฟิง!”
ที่แท้เนี่ยเฟิงก็อยากรู้ว่าพวกเขาคิดอะไรกันอยู่ ในมือถือของอะไรของพ่อแม่เขาไว้กันแน่ ตอนนี้ดูท่าจะเห็นแค่เพียงใบหน้าของคนชั่วพวกนี้เท่านั้น
“แกพูดอะไรน่ะ?แกตายบนเรือสำราญลำนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ?แกจะเป็นเนี่ยเฟิงได้ยังไง?เหอะๆ!อย่าล้อเล่นไปหน่อยเลย!”
เนี่ยซื่อม่าวใช้สายตาเหมือนเห็นผีมองเนี่ยเฟิงอย่างวิเคราะห์
“ไม่เชื่อใช่ไหม ไม่เชื่อจะไปตรวจดีเอ็นเอก็ได้นะ ถึงยังไงฉันก็ไม่กลัว อีกอย่างผมกับบรรดาพี่สาวของผมโตด้วยกันมาตั้งแต่เล็กจนโตพวกคุณถามมาได้เลย ถ้าผมพูดผิดแม้แต่นิดเดียว ผมจะหายตัวต่อหน้าของพวกคุณทันที”
เนี่ยซื่อม่าวมองไปที่เนี่ยเฟิงอย่างสงสัย หลังจากนั้นเขาก็ตกใจเล็กน้อย เพราะว่าสามารถรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้าของเขาคือเนี่ยเฟิงไม่ผิดแน่
แม้ว่าเนี่ยเฟิงจะถูกส่งตัวไปยังชนบทเพื่ออาศัยอยู่กับปู่ของเขาในตอนนั้น แต่พวกเขาก็ยังคงจำเนี่ยเฟิงได้อยู่ดี เพราะว่าเนี่ยเฟิงจะเข้าร่วมงานสำคัญๆในบางครั้ง เด็กคนนี้หน้าเหมือนกับเนี่ยเฟิงมาก
“แม้แต่ผมก็จำไม่ได้งั้นหรือ?กล้าเอาของของพ่อผมมาข่มขู่พี่สาวของผม คุณนี่มันน่าตลกจริงๆ เนี่ยซื่อม่าว”
“นี่!ทำไมแกถึงพูดกับพ่อฉันแบบนั้น?เมื่อก่อนพ่อของฉันเคยช่วยพ่อแกมาตั้งเท่าไร หรือแกลืมไปแล้วใช่ไหม?ไอ้เด็กลืมบุญคุณคน!”
“ผมพึ่งเคยได้ยินเรื่องตลกแบบนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน”
เนี่ยเฟิงกลอกตาใส่เนี่ยหย่วนเต้า จนเนี่ยหย่วนเต้ารู้สึกว่าร่างหายของตัวเองแข็งทื่อกะทันหัน สายตาที่ไอ้หมอนี่มองคนทำไมถึงน่ากลัวขนาดนี้?
“นี่เป็นเสี่ยวเฟิงจริงๆ เหรอ?”
เนี่ยซื่อม่าวหัวเราะแห้งๆ พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเนี่ยเฟิงจะยังมีชีวิตอยู่ ยังคิดว่าครอบครัวของพวกเขาทั้งครอบครัวตายไปกับอุบัติเหตุทางทะเลครั้งใหญ่นั่นแล้ว……
“นี่เป็นเหรียญแรกที่พ่อกับแม่ของผมได้รับจากการทำความดี ตอนนี้กลับถูกพวกคุณใช้ข่มขู่พี่สาวของผมช่างน่าขันจริงๆ พ่อแม่ของผมก็ไม่มีความหวังว่าจะได้เห็นเหตุการณ์นี้ เพราะฉะนั้นพวกคุณจะทำอะไรก็ทำเถอะ”
เนี่ยเฟิงพูดจบก็หันไปพูดกับชิวมู่เฉิงว่า“พี่ใหญ่ครับ ของพวกนั้นเป็นแค่ของนอกกาย ไม่เอาก็ได้ ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาเอาของสิ่งนั้นมาบังคับพี่”
“แต่……”
ชิวมู่เฉิงลังเลเล็กน้อย เพราะว่าเธอรู้ดีว่าเหรียญนั้นสำหรับเนี่ยเฟิงแล้วมีความหมายมากแค่ไหน สิ่งที่พ่อแม่ของเขาทิ้งไว้ในโลกนี้มีน้อยมาก ยังมีของบางส่วนที่ถูกคนอื่นครอบครอง กระทั่งยังถูกประมูล สำหรับเนี่ยเฟิงแล้วมันเป็นเรื่องที่เสียดสีมาก
เพราะฉะนั้นชิวมู่เฉิงอยากจะทำทุกอย่างที่ตนเองพอจะทำได้ เอากลับมาให้เนี่ยเฟิง
“เนี่ยเฟิง เราช่วยแกเก็บรักษาเหรียญนี้มานานแค่ไหน ถ้าแกอยากเอากลับไปก็ต้องจ่ายด้วยของบางอย่าง?แกไม่ลองคิดดูล่ะว่าเรื่องของพ่อแม่แกต้องเดือดร้อนคนมากขนาดไหน เดิมทีพวกเราใช้ชีวิตอยู่กันอย่างสงบสุข เป็นเพราะเรื่องที่แกก่อไว้ทำให้เราสูญเสียมากขนาดไหน ถึงแกไม่อยากเอาเหรียญกลับไป งั้นก็ต้องชดใช้พวกเราหน่อยมั้ง?”
จางเจ๋เป็นผู้หญิงที่ตกไปในบ่อเงิน พอหาโอกาสได้ ก็จัดการเปิดบาดแผลของเนี่ยเฟิงอย่างไม่สนใจ
“ชดใช้?คุณพูดถูก ควรจะต้องชดใช้”